เจาะลึก! ระบบสะสมแต้มช่วยให้ขายของผ่าน LINE ดีขึ้นอย่างไร?

การใช้ระบบสะสมแต้ม เป็นหนึ่งในเทคนิคการขายของผ่าน LINE ที่ช่วยเพิ่มยอดขาย เข้าถึงและขยายฐานลูกค้า ไปจนถึงช่วยสร้างฐานข้อมูลเพื่อวางแผนทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพได้ในอนาคต แต่ก่อนที่จะตัดสินใจใช้ระบบสะสมแต้มบน LINE ของร้านค้าตัวเอง ลองมาทำความรู้จักทุกรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับระบบสะสมแต้มบน LINE ที่ผู้เชี่ยวชาญรับทำ LINE OA จะมาเจาะลึกให้ฟังกัน

ระบบสะสมแต้มคืออะไร?

ถึงจะมีการเปลี่ยนจากการใช้กระดาษเพื่อสะสมคะแนน มาเป็นระบบสะสมแต้มแบบออนไลน์ แต่ระบบสะสมแต้มก็ยังเป็นหนึ่งในเทคนิคในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือ ทำ CRM (Customer Relationship Management) ด้าน Loyalty Program หรือการสร้างกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามี ‘ความจงรักภักดี’ หรือ ‘ความเชื่อมั่น’ กับแบรนด์ให้ได้มากที่สุด

ระบบสะสมแต้มที่ใช้งานร่วมกับการขายของผ่าน LINE และทุกแพลตฟอร์ม จะโฟกัสไปที่การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วยการ ‘เสนอของรางวัลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย’ เพื่อเสริมการขาย หรือดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าและบริการซ้ำเรื่อย ๆ เช่น เสนอรางวัลเป็นส่วนลด ของแถม การแลกซื้อ ไปจนถึงการเข้าร่วมโปรโมชันต่าง ๆ เพื่อดึงดูดและจูงใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าตามเงื่อนไขที่วางเอาไว้ หรือทำให้เกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง

หากยังนึกภาพไม่ออก ลองคิดถึงสมัยเด็กที่ไปเช่าการ์ตูน หรือซื้อน้ำปั่นหน้าโรงเรียนที่หลาย ๆ ร้านมีการกำหนดสิทธิพิเศษในการซื้อแต่ละครั้งดู เช่น หากเช่าการ์ตูนครบ 5 ครั้งจะได้เช่าฟรีอีก 1 เล่ม หรือหากซื้อน้ำปั่นครบ 5 ครั้งจะได้รับน้ำปั่นฟรี 1 แก้ว เป็นต้น

แม้จะเป็นเทคนิคที่มีการใช้งานมาอย่างยาวนานและฟังดูเก่าสำหรับเจ้าของธุรกิจหลายคน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ‘ระบบสะสมแต้ม’ เป็นกลยุทธ์ที่ยังสามารถช่วยธุรกิจสร้างยอดขายที่มีประสิทธิภาพ หากยิ่งสินค้ามีคุณภาพด้วยแล้วก็จะยิ่งทำให้ขยายฐานลูกค้าและโอกาสในการสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญ ระบบสะสมแต้มยังเป็นกลยุทธ์ที่สามารถปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจตั้งแต่ระดับ SMEs ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่อีกด้วย

ข้อดีของระบบสะสมแต้ม

หลายคนอาจเข้าใจว่า การใช้ระบบสะสมแต้มร่วมกับการขายของผ่าน LINE จะมีประโยชน์แค่ช่วยกระตุ้นลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำตามเงื่อนไขที่วางไว้เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การใช้ระบบสะสมแต้มออนไลน์มาพร้อมกับประโยชน์มากมายหลายด้าน เช่น

1. ช่วยวางแผนการตลาด ขยายฐานลูกค้าใหม่

ส่วนใหญ่แล้ว ระบบสะสมแต้มในปัจจุบันจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ทั้งวันเดือนปีเกิด เพศ ความชอบ ไปจนถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้า ทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนการตลาดเพื่อสร้างยอดขายได้ เช่น จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับวันเกิด มอบส่วนลดสำหรับคนอายุเท่านี้ ไปจนถึงการแจกของรางวัลสำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าตามพฤติกรรมของลูกค้า เป็นต้น

2. ตัวช่วยกระตุ้นความถี่ในการซื้อ

สำหรับธุรกิจที่วางเงื่อนไขการแลกแต้มอย่างเหมาะสม ลูกค้าหลายคนเองก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อซ้ำเช่นกัน เช่น การจัด Bundle Deal เฉพาะผู้ที่ทำการซื้อสินค้าไปแล้ว ไปจนถึงการลดจำนวนคะแนนที่ใช้แลกของรางวัลในเวลาที่กำหนด

3. เพิ่มความประทับใจให้กับธุรกิจ รักษาฐานลูกค้า

ระบบสะสมคะแนนไม่ได้มีแค่ฟีเจอร์ในการเก็บคะแนนและข้อมูลของลูกค้าเท่านั้น แต่ธุรกิจยังสามารถใช้งานระบบสะสมแต้มที่มีฟีเจอร์พิเศษอย่างการเก็บคะแนนร่วมกัน การแลกแต้มร่วมกับเพื่อน ไปจนถึงการสร้างแคมเปญให้แก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่มได้ ซึ่งในจุดนี้ ธุรกิจสามารถวางแผนดูแลความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เพิ่มความประทับใจและโอกาสในการกลับมาซื้อซ้ำอีกด้วย

4. ตัวช่วยบริหารต้นทุนธุรกิจ

ระบบสะสมแต้มที่มีประสิทธิภาพมาพร้อมกับระบบที่ช่วยประมวลผลประสิทธิภาพในการดำเนินการได้ เช่น ประสิทธิภาพของแคมเปญที่จัดร่วมกับระบบสะสมคะแนน ไปจนถึงการเช็กสต๊อก การจัดส่ง รวมถึงต้นทุนทางธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งธุรกิจเองก็สามารถนำข้อมูลในส่วนนี้ไปพิจารณา เพื่อวางแผนลดข้อผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนเพื่อสร้างผลกำไรที่มากขึ้นได้เช่นกัน

ข้อควรระวังของระบบสะสมแต้ม

เช่นเดียวกับทุกระบบบนโลกนี้ การใช้งานระบบสะสมแต้มร่วมกับการขายของผ่าน LINE ก็มาพร้อมกับข้อควรระวังเช่นเดียวกัน โดยสำหรับผู้ที่สนใจใช้ระบบสะสมแต้มเพื่อสร้างยอดขาย ผู้เชี่ยวชาญรับทำ LINE OA ขอฝากข้อควรระวังไว้ให้พิจารณา ดังนี้

1. ระวังการสร้างเงื่อนไขสะสมแต้มที่ไม่มีประสิทธิภาพ

หากต้องการใช้งานระบบสะสมแต้มให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ธุรกิจจำเป็นต้องวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวธุรกิจ สินค้า และกลุ่มลูกค้า
เช่น หากเป็นธุรกิจที่สินค้ามีราคาสูงมาก อาศัยระยะเวลาในการทำที่นาน ไปจนถึงการสร้างเงื่อนไขการแลกคะแนนที่ซับซ้อน หรือการสะสมคะแนนดูแล้วไม่ได้มีสิทธิพิเศษมากมาย โอกาสในการสร้างยอดขายจากระบบสะสมแต้มก็จะน้อยลงเช่นกัน
หากนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงธุรกิจที่ใช้เวลาในการกลับมาซื้อซ้ำนานอย่าง ‘ร้านทำฟัน’ หรือ ‘เฟอร์นิเจอร์’ ดู โดยหากกำหนดระยะเวลาการแลกคะแนนที่จำกัดมาก ๆ ลูกค้าก็อาจจะกลับมาใช้สิทธิ์ไม่ทัน ทำให้การใช้ระบบสะสมคะแนนต้องเสียเปล่านั่นเอง
ดังนั้น อย่าลืมกำหนดเงื่อนไขการสะสมแต้มที่เหมาะสมกับธุรกิจ ไม่ซับซ้อน ไม่เปลี่ยนแปลงตามอำเภอใจ ตลอดจนควรกำหนดของรางวัลที่ ‘ตรงปก’ เพื่อสร้างความเชื่อใจให้แก่ลูกค้าด้วย

2.อย่าลืมคำนวณต้นทุนธุรกิจก่อนใช้งานทุกครั้ง

เช่นเดียวกับการจัดโปรโมชันพิเศษให้แก่ลูกค้า ธุรกิจเองก็ต้องคำนวณต้นทุนทั้งหมดก่อนตัดสินใจใช้งานระบบสะสมแต้มเช่นกัน โดยหากยิ่งเป็นระบบสะสมแต้มที่มีฟีเจอร์พิเศษมากเท่าไหร่ หรือช่วยให้การขายของผ่าน LINE มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่าใด ตัวระบบก็มีแนวโน้มว่าจะมีราคาที่สูงตั้งแต่หลักพันไปจนถึงเกือบแสนเลยก็ว่าได้
ดังนั้น หากไม่อยากให้ธุรกิจต้องแบกรับต้นทุนมหาศาลโดยไม่ทันตั้งตัว อย่าลืมคำนวณต้นทุนธุรกิจและความเสี่ยงที่จะใช้งานแล้วไม่ได้ผลร่วมด้วย

เทคนิคการใช้งานระบบสะสมแต้มบน LINE ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

สำหรับธุรกิจไหนที่ต้องการใช้งานระบบสะสมแต้ม เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขายของผ่าน LINE ให้มากขึ้น ลองนำ 3 เทคนิคการตั้งเงื่อนไขแลกคะแนนที่นำมาฝากนี้ไปปรับใช้ดู!

1. กำหนดของรางวัลอย่างอิสระ

เช่น กำหนดเงื่อนไขให้ลูกค้าสามารถนำคะแนนมาแลกเป็นของรางวัลที่ต้องการได้อิสระ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลด โค้ดส่งฟรี ไปจนถึงสินค้าภายในร้าน หรือจะทำเป็นภารกิจเล็ก ๆ ให้ลูกค้าซื้อสินค้าและเก็บคะแนน เพื่อรับ Bundle Bonus ในการซื้อครั้งต่อไปก็ได้เช่นกัน

2. กำหนดจำนวนคะแนนเป็นเปอร์เซ็นต์ส่วนลดที่จะได้รับ

ธุรกิจส่วนใหญ่มักกำหนดจำนวนครั้งในการซื้อสินค้าเพื่อแลกรับส่วนลด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธุรกิจยังสามารถเพิ่มเงื่อนไขสะสมจำนวนครั้งที่ซื้อ เพื่อมาแลกเป็นเปอร์เซ็นต์ส่วนลดได้
เช่น การซื้อ 1 ครั้งได้รับส่วนลด 1% หากซื้อครั้งที่ 2 จะได้รับส่วนลดเพิ่มมาอีก 2% เมื่อทบรวมกับครั้งที่ 1 แล้วจะรวมเป็นส่วนลด 3%

3. กำหนดเงื่อนไขตามหลัก 3 - 5 - 8 - 10

การที่ลูกค้าซื้อสินค้ามากกว่า 3 ครั้งเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า ลูกค้าคนดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะพัฒนามาเป็นลูกค้าประจำมากที่สุด ดังนั้น หากต้องการเพิ่มโอกาสการซื้อซ้ำให้ได้มากที่สุด ขอแนะนำให้ลองกำหนดส่วนลด หรือของรางวัลที่ไล่มูลค่าให้สูงขึ้นนับจากการซื้อครั้งที่ 3 เป็นต้นไป
เช่น กำหนดส่วนลด 5% สำหรับการซื้อครั้งที่ 3 ส่วนลด 7% สำหรับการซื้อครั้งที่ 5 และมีการมอบของรางวัลมูลค่า 300 บาทสำหรับการซื้อครั้งที่ 8 สุดท้ายจึงมอบส่วนลดสำหรับการซื้อครั้งที่ 10 อีก 15%

เพียงเท่านี้ ธุรกิจก็สามารถเริ่มต้นวางแผนใช้งานระบบสะสมแต้มได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างยอดขายได้จริงแล้ว อย่างไรก็ดี นอกจากระบบสะสมแต้มแล้ว เจ้าของธุรกิจยังควรติดตั้งและสมัคร LINE OAเพื่อช่วยให้การขายของผ่าน LINE มีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือ และรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยสร้างยอดขายได้จริง

Sellsuki มาพร้อมบริการรับทำ LINE OA
จากผู้เชี่ยวชาญ LINE Agency Partner พร้อมแพ้คเกจแบบครบวงจรที่ช่วยเสริมให้ธุรกิจเติบโตด้วยเครื่องมือจาก LINE ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของธุรกิจมากกว่า 6,000 LINE Accounts ให้ดูแลทุกความต้องการเรื่องการขายของผ่าน LINE แบบครบ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://lineagency.sellsuki.com
FB Sellsuki : https://www.facebook.com/Sellsuki
Youtube : https://www.youtube.com/c/Sellsuki
TikTok : https://www.tiktok.com/@sellsuki.official