Header-sellsuki.webp
S E L L S U K I

FOMO Marketing: เทคนิคการปิดการขายฉบับเซียน มือใหม่ก็ทำได้!

mdi_eye : 63 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน
FOMO Marketing: เทคนิคการปิดการขายฉบับเซียน มือใหม่ก็ทำได้!

closing_sales_techniques_fomo_marketing_887e3168a4 (2).jpg

เคยไหม? ‘รู้สึกกลัว’ ที่จะพลาดโอกาสสำคัญไปหาก ‘ไม่รีบลงมือทำ’ อะไรสักอย่าง ซึ่งการโดนกระตุ้นให้รู้สึก ‘อยากลงมือทำ’ เนื่องจาก ‘ความกลัว’ นี้เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า FOMO หรือ Fear of Missing Out นั่นเอง

อย่างไรก็ดี ความรู้สึก FOMO นี้สามารถนำมาปรับใช้กับเทคนิคการตลาดออนไลน์ จนก่อเกิดเป็น FOMO Marketing ซึ่งเป็นวิธีการปิดการขายที่ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เช่นกัน

รู้แบบนี้แล้ว หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพล่ะก็ มาทำความรู้จักเทคนิคการปิดการขายอย่าง FOMO Marketing ให้มากขึ้นในบทความนี้กัน!

รู้จัก FOMO Marketing

ความรู้สึกของมนุษย์เป็นสิ่งที่แสนทรงพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ความรู้สึกกลัว’ ที่จะไม่ได้รับ ‘การยอมรับ’ จากสังคมที่อยู่รอบด้าน

ด้วยเหตุนี้ ใครหลายคนจึงเลือกที่จะทำตามเทรนด์ของโลกออนไลน์ อย่างการดูละครหลังข่าวและซีรีส์ดังเพื่อให้คุยกับคนรอบตัวรู้เรื่อง ไปจนถึงการติดตามข่าวสำคัญผ่านโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม ตลอดจนลองทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ใครก็ว่าดีอยู่เสมอ จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Fear Of Missing Out หรือ FOMO นั่นเอง

อย่างไรก็ดี ความกลัวและความต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้กลับไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เนื่องจากความรู้สึก FOMO นี้สามารถช่วยกระตุ้นให้ใครหลายคนได้ทดลองทำสิ่งใหม่ จนค้นหาความชอบตัวเองเจอ ไปจนถึงการได้เข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ในชีวิตเช่นกัน

สำหรับในแง่มุมการตลาดแล้ว ‘ความกลัว’ สามารถนำมาปรับใช้เพื่อสร้างยอดขายผ่านเทคนิคการปิดการขายที่เรียกว่า FOMO Marketing ซึ่งจะโฟกัสไปที่การสร้าง Sense of Urgency เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ‘หากไม่รีบทำอะไรสักอย่างจะพลาดโอกาสสำคัญไป’

ทำไม FOMO Marketing ถึงได้ผล?

หากคำอธิบายข้างต้นยังทำให้เห็นภาพไม่ชัดเจน ลองมาคิดตามสถานการณ์ตัวอย่างว่า หากวันหนึ่งได้ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด ระหว่างทางได้เจอกับร้านอาหาร A ที่มีรถยนต์และผู้คนรอคิวอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว หลายคนก็มักสงสัยเหมือนกันว่า ‘ร้านอาหาร A มีอะไรดี/สงสัยจะอร่อย’ จนทำให้บางครั้งอยากลองขับรถเข้าไปดู หรือลองกินร้านอาหาร A ดูสักครั้ง

FOMO Marketing เองก็เป็นกลยุทธ์ที่สามารถสร้าง ‘ความอยากเลี้ยวรถไปร้านอาหาร A’ จากความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นที่มีรากฐานมาจากความกลัวตกเทรนด์ โดยหากมองไปอีกขั้นแล้ว ‘ความอยากรู้จักร้านอาหาร A’ นี้เปรียบได้กับการกระตุ้นให้ลูกค้าอยากรับรู้ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เพิ่มโอกาสในการปิดการขายต่อมาได้

FOMO Marketing ต่างจากโปรโมชันลดแลกแจกแถมอย่างไร?

เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ เจ้าของธุรกิจหลายคนคงสงสัยอยู่ไม่น้อยว่า วิธีการปิดการขายอย่าง FOMO Marketing นั้นแตกต่างจากการจัดโปรโมชันลดแลกแจกแถมอย่างไร

คำตอบ คือ FOMO Marketing จะโฟกัสไปที่การสร้างความรู้สึกที่ต้องรีบตัดสินใจ เพราะกลัวจะพลาดโอกาสสำคัญ ในขณะที่การจัดโปรโมชันลดแลกแจกแถมนั้นมีจุดประสงค์ให้ลูกค้าเห็นความคุ้มค่าของการซื้อสินค้า ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีความรู้สึกที่ต้องรีบตัดสินใจอยู่ในโปรโมชันก็ได้

อย่างไรก็ดี หากต้องการให้โปรโมชันลดแลกแจกแถมเห็นผลลัพธ์มากยิ่งขึ้น เจ้าของธุรกิจสามารถนำ FOMO Marketing เข้าไปปรับใช้ได้ เช่น กำหนดระยะเวลาสำหรับโปรโมชัน หรือสิทธิพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมที่จะได้รับ หากเข้าร่วมโปรโมชันในช่วงเวลานี้ เป็นต้น

how_to_close_sale_fomo_marketing_f4c1cc311d.jpg

ข้อดีของ FOMO Marketing

การจะทำ FOMO Marketing ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ 3 ข้อ คือ จำนวนสินค้าที่จำกัด การยอมรับจากสังคม และความรู้สึกเร่งรีบจากการกลัวว่าจะพลาดอะไรบางอย่าง

ด้วยเหตุนี้ หากสินค้าของคุณมีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานจริง การใช้เทคนิค FOMO Marketing ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยผลักดันให้สินค้าของคุณกลายเป็นอีกหนึ่ง #ของมันต้องมี ในเวลาที่ทุกคนต้องการ

นอกจากนี้ วิธีการปิดการขายอย่าง FOMO Marketing ยังถือเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ไปพร้อมกัน โดยหากยิ่งสินค้ามีคุณภาพ ใช้งานได้ดี และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วยแล้ว ธุรกิจของคุณก็จะยิ่งมีโอกาสเติบโตได้สูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

มีงานศึกษาพบว่า คนยุคมิลเลนเนียล หรือ Gen Y มากกว่า 69% ตัดสินใจซื้อสินค้าบางประเภทเนื่องจากความรู้สึก FOMO ดังนั้น เทคนิคการปิดการขายอย่าง FOMO Marketing จึงเป็นเคล็ดลับที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมาย Gen Y ได้อย่างตรงจุดเช่นกัน

ข้อควรระวังของ FOMO Marketing

เช่นเดียวกับกลยุทธ์การตลาดวิธีอื่น การจะทำ FOMO Marketing ให้ประสบความสำเร็จและส่งผลดีต่อแบรนด์ในระยะยาว จำเป็นต้องอาศัย ‘คุณภาพของสินค้า’ เช่นกัน

ดังนั้น หากธุรกิจนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพออกมาขาย ใกล้หมดอายุ มีตำหนิ มีปัญหาด้านการใช้งาน ตลอดจนต้องการโละสต็อกโดยไม่แจ้งรายละเอียดให้ลูกค้าทราบ แม้ FOMO Marketing จะช่วยสร้างยอดขายได้ก็จริง แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะใช้ได้ผลเพียง 1 ครั้งเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วลูกค้าก็จะทราบถึงคุณภาพสินค้าและเดินจากไปในที่สุด

ด้วยเหตุนี้ หากต้องการปรับใช้ FOMO Marketing ให้มีประสิทธิภาพ ขอแนะนำให้ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าให้ดี พร้อมสร้างความเชื่อมั่นโดยการแจ้งรายละเอียดของสินค้าทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าได้พิจารณาเลือกซื้อต่อไป จะได้ลดความเสี่ยงการเป็นปรากฏการณ์ ‘ไฟไหม้ฟาง’ ที่สร้างยอดขายถล่มทลายได้เพียงครั้งเดียว

ตัวอย่างเทคนิคของ FOMO Marketing ที่น่าสนใจ

สำหรับธุรกิจของใครที่อยากปรับใช้ FOMO Marketing ดูบ้าง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรให้เหมาะสม ลองมาเรียนรู้จากตัวอย่างการใช้เทคนิคการปิดการขาย FOMO Marketing ที่น่าสนใจ ดังนี้

1. กำหนดเวลาสำหรับโปรโมชัน

  • เช่น ส่งฟรีถึงเที่ยงคืน ส่วนลดสำหรับลูกค้าที่ช็อปภายใน 4 ทุ่ม

2. สร้าง Sense of Urgency

  • เช่น การส่งข้อความแจ้งเตือนว่าสินค้าในตะกร้ากำลังลดราคา / เหลือน้อยแล้ว ให้รีบซื้อก่อนที่สินค้าจะหมด ตลอดจนการสร้างฟีเจอร์ให้มองเห็นว่า สินค้าชิ้นนี้มีคนกำลังดูอยู่กี่คน ซื้อไปแล้วกี่คน ให้ความรู้สึกคล้ายกับเว็บไซต์จองโรงแรมที่แสดงตัวเลขผู้ที่สนใจโปรโมชันและห้องพัก

3. คำนวณตัวเลขให้เห็นชัดเจน

  • เช่น ซื้อวันนี้ ลด 50% แต่ถ้าซื้อพรุ่งนี้ ลด 15% หรือจะคำนวณเงินเป็นตัวเลขแบบรายวัน เพื่อแสดงให้เห็นความคุ้มค่าก็ได้เช่นกัน

4. Bundle Deals

  • เช่น ซื้อสินค้า A คู่กับสินค้า B ก่อนเที่ยงคืน ได้รับส่วนลด 50% แถมบริการส่งฟรี แต่หากซื้อสินค้า A และสินค้า B แยกกันจะได้รับส่วนลดสินค้าแยกกันอย่างละ 15% และต้องเสียค่าส่ง

5. ใช้ Social Proof

  • เช่น รีวิวจากผู้ใช้งานจริง / Influencer ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้า ทั้งยังสร้างความรู้สึก #ของมันต้องมี ให้แก่ลูกค้าอีกด้วย

6. มอบสิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล

  • เช่น ส่งโค้ดลดราคาให้กับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ดีลพิเศษสำหรับวันเกิด หรือสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเพียงคนเดียว

ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ ธุรกิจก็สามารถปรับใช้เทคนิคการปิดการขายอย่าง FOMO Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างยอดขายได้จริงแล้ว อย่างไรก็ดี เมื่อตัดสินใจใช้ FOMO Marketing เพื่อดึงดูดลูกค้าจำนวนมากแล้ว ธุรกิจเองจำเป็นต้องบริหารความคาดหวังของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมองหาวิธีคุยกับลูกค้าแบบออนไลน์เพื่อให้ทันต่อทุกความต้องการ

สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการผู้ช่วยในการตอบแชทและเข้าถึงการสั่งซื้อที่ทันใจลูกค้า เพื่อบริหารความคาดหวังที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นให้ลูกค้าเร่งซื้อของ ที่ Sellsuki พร้อมช่วยคุณตอบโจทย์การบริหารความคาดหวังด้วยบริการแอดมินตอบแชทระดับคุณภาพ พิมพ์ถูกต้อง วางแผนตอบแชทมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสปิดการขาย พร้อมช่วยเสริมประสิทธิภาพ FOMO Marketing ไปอีกขั้น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://lineagency.sellsuki.com/

หรือช่องทางโซเชียลมีเดีย

LINE OA : https://page.line.me/pld0867p?openQrModal=true
FB Sellsuki : https://www.facebook.com/Sellsuki
Youtube : https://www.youtube.com/c/Sellsuki
TikTok : https://www.tiktok.com/@sellsuki.official

แท็ก MarketingOnline BusinessSales

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article