Fulfillment คืออะไร

Fulfillment คือบริการ คลังสินค้า ตัวช่วยลดเวลาการทำงานสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ชออนไลน์ หรือที่เราอาจเรียกกันว่า โกดังแพ็คของ โดยไม่ว่าจะจำหน่ายผ่านช่องทาง Marketplace, Social Commerce หรือผ่านร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์เอง บริการ Fulfillment ก็พร้อมเชื่อมต่อกับทุกช่องทางการขาย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์  โดย Fulfillment ให้บริการได้ตั้งแต่ สต็อกสินค้า จากนั้นรอรับคำสั่งซื้อจากช่องทางการขายต่าง ๆ ของร้านค้า ที่ระบบได้เชื่อมต่อข้อมูลผ่าน API ไว้ ส่งต่อให้พนักงานภายในคลังสินค้าหยิบสินค้า ติดใบปะหน้า แพ็คสินค้า และส่งมอบให้ผู้บริการขนส่งแต่ละราย ก่อนสินค้าส่งถึงมือผู้สั่งซื้อในท้ายที่สุด นอกจากนี้ บริการ Fulfillment ยังเน้นการให้บริการดูแลแก้ไขทุกปัญหาระบบหลังบ้านอย่างตรงจุด ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการภายในคลังสินค้า รวมถึงการดูแลระบบจัดการออเดอร์จากช่องทางการขายต่าง ๆ หมดกังวลเรื่องระบบหลังบ้านที่ยุ่งยาก ช่วยเพิ่มโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจของร้านค้าออนไลน์

คลังสินค้าทั่วไป (Warehouse) แตกต่างจาก คลังสินค้า Fulfillment อย่างไร

บริการ Fulfillment ทำงานอย่างไร

1. เชื่อมต่อร้านค้า
   เป็นบริการเชื่อมต่อช่องทางการขายของร้านค้าเข้ากับระบบจัดการออเดอร์ - Order Management System (OMS) เพื่อรับออเดอร์คำสั่งซื้อ โดยระบบ OMS จะเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Warehouse Management System (WMS) ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการคลังสินค้าภายในคลังสินค้า เพื่อให้ร้านค้าสามารถเช็คสต๊อคสินค้า และตรวจสอบสถานะออเดอร์ในแต่ละขั้นตอนได้แบบ Real-Time
    
2. QC และจัดเก็บ
   บริการจัดเก็บ และ QC ตรวจสอบคุณภาพสินค้า ทำการนับจำนวนสินค้าเบื้องต้น ก่อนนำสินค้าเข้าจัดเก็บภายในคลังสินค้า โดยมีประเภทห้องในการจัดเก็บทั้งห้องอุณหภูมิปกติ และห้องควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะความต้องการของสินค้าแต่ละประเภท
    
3. หยิบและแพ็ค
   เมื่อได้รับออเดอร์คำสั่งซื้อ จะทำการตรวจสอบความถูกต้องของสินค้าในระบบ พนักงานจะทำหน้าที่หยิบสินค้าจากพื้นที่จัดเก็บหรือบนชั้นวางตามรายการสั่งซื้อ ก่อนทำการแพ็คลงบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม หรือตามรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางร้านค้า เช่น มีการใส่ของแถม หรือแนบการ์ดอวยพร
    
4. ส่งต่อขนส่ง
   ขั้นตอนการเตรียมจัดส่ง ผ่านผู้ให้บริการขนส่งแต่ละราย เช่น ไปรษณีย์ไทย, KEX, J&T, DHL (เป็นต้น) ครอบคลุมทุกรูปแบบการส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการเก็บเงินปลายทาง (COD) โดยสามารถเช็คเลข Tracking Number เช็คสถานะการจัดส่ง เพื่อติดตามผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอดเวลา

ข้อดีของการใช้คลังสินค้าออนไลน์ Fulfillment

การใช้คลังสินค้าออนไลน์ มักส่งผลดีกับลูกค้าที่มีจำนวนออเดอร์จำนวนมากต่อวัน หรือร้านค้าที่ต้องการการจัดเก็บสินค้าและแพ็กแบบพิเศษ เพราะเนื่องจากการประหยัดเวลา และต้นทุนในการจัดเก็บสินค้าหรืออุปกรณ์ในการแพ็คแล้ว ยังช่วยให้ร้านค้าสามารถใช้เวลาไปกับการโฟกัสการพัฒนาสินค้า กลยุทธ์การตลาดและการขาย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรายได้และการเติบโตของร้านค้า

ข้อควรระวังในการเลือกใช้คลังสินค้าออนไลน์

1. การบริการลูกค้า (Customer Support)
   เลือกผู้ให้บริการ Fulfillment ที่มีการบริการลูกค้าที่ดี มีโครงสร้างทีม Customer Support หลังบ้านที่ชัดเจน มีช่องทางติดต่อและสามารถตอบสนองต่อปัญหาหรือคำถามของคุณได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลจาก marketplace ที่มีการอัพเดทนโยบายและ SLA อยู่ตลอดเวลา
    
2. ตำแหน่งที่ตั้ง (Location)
   ตำแหน่งคลังสินค้าของผู้ให้บริการ ควรอยู่ในทำเลที่ช่วยให้ส่งสินค้าทำได้อย่างรวดเร็วและประหยัดต้นทุนการขนส่ง เช่น อยู่ใกล้กับศูนย์คัดแยกของผู้ให้บริการขนส่งพัสดุ อยู่ใกล้กับสถานที่ที่เป็น Hub ในการกระจายสินค้า โดยเฉพาะหากคุณมีออเดอร์หลักกับผู้ให้บริการขนส่งพัสดุเจ้าใดเจ้านึง การเลือกคลังสินค้า Fulfillment ในทำเลที่ใกล้และเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการจัดส่งที่ล่าช้าแก่ร้านค้าของคุณ
    
3. ความแม่นยำในการจัดการสินค้า (Inventory Accuracy)
   ควรสอบถามผู้ให้บริการ Fulfllment เกี่ยวกับระบบจัดการออเดอร์ (OMS) และระบบสต๊อกสินค้า (WMS) ถึงประสิทธิภาพ เช่น หรือความสามารถในการจัดเก็บสินค้าด้วยระบบ FIFO, FEFO ซึ่งจะช่วยให้การจัดเก็บและการหยิบสินค้าเป็นไปตามหลักการบริหารจัดการคลังสินค้า สินค้าเก่าออกก่อนและสินค้าใหม่ออกหลัง รวมถึงสต็อกสินค้ามีความถูกต้อง ลดความเสี่ยงจากการสูญหายของสินค้า ซึ่งการนับสต็อกสินค้าผิดพลาด อาจส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าและความพึงพอใจของลูกค้า
    
4. ระบบจัดการออเดอร์ (Order Management Integration)
   Fulfillment ที่ดี ควรมีระบบคลังสินค้า (WMS) ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบ Order Management System (OMS) ได้โดยตรงอย่างราบรื่น เพื่อให้การส่งออเดอร์จากช่องทางการขายต่าง ๆ ของคุณสามารถส่งคำสั่งให้คลังสินค้าสามารถจัดการออเดอร์ หยิบและแพ็คได้แบบ Real-Time รวมถึงฟีเจอร์การบริหารจัดการสต๊อกสินค้าของคุณได้เบื้องต้น เช่น ฟีเจอร์การแจ้งนำสินค้าเข้า และการตรวจสอบสต๊อกผ่านระบบ OMS
    
5. ต้นทุน (Cost Efficiency)
   บริการ Fulfillment ควรมีค่าบริการที่โปร่งใสและคุ้มค่า คุณควรพิจารณาทั้งต้นทุนการจัดเก็บพื้นที่ ค่าหยิบ ค่าแพ็ค ค่าขนส่ง และค่าบริการย่อยอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคลังสินค้าสามารถให้บริการที่คุ้มค่า และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะสำหรับธุรกิจของคุณ

Fulfillment เจ้าไหนดี

เราแนะนำ Akita Fulfillment คลังสินค้าออนไลน์ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอนในการให้บริการ 

Akita Fulfillment บริการ Fulfllment ที่ช่วยให้ร้านค้าออนไลน์รับออเดอร์ผ่าน Social Media, Marketplace และร้านค้าออนไลน์ของคุณ สามารถจัดการสต็อกได้อย่างเป็นระบบครบวงจร เรามีทีมหลังบ้านพร้อม Support และเครื่องมือที่ช่วยคุณตั้งแต่ขั้นตอนการนำสินค้าเข้าคลัง จนถึงปิดการขาย พร้อมแพ็คและจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าด้วยการจัดการเพียงครั้งเดียว ทำให้การจัดการร้านค้าเป็นเรื่องง่าย สนใจใช้บริการ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Akita Fulfillment

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบริการ Fulfillment

1. ใช้บริการ Fulfillment แล้วต้นทุนแพงขึ้นหรือไม่?
การใช้บริการ Fulfillment อาจดูเหมือนเพิ่มต้นทุนในช่วงแรก แต่เมื่อพิจารณาในระยะยาวแล้วกลับช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การจัดการออเดอร์ด้วยตัวเองมักมีค่าใช้จ่ายแฝงที่คาดไม่ถึง เช่น การซื้อบรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์การแพ็คสินค้า รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจผันแปรและควบคุมได้ยาก อย่างไรก็ตาม บริการ Fulfillment สามารถช่วยลดภาระเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการมีเครือข่ายการจัดซื้อที่ครอบคลุม สามารถจัดหาวัสดุบรรจุภัณฑ์ในราคาที่แข่งขันได้ พร้อมทั้งมีระบบการจัดการพนักงานที่คล่องตัวมากกว่าการบริหารจัดการด้วยตัวเอง

2. คิดราคาค่าบริการ Fulfillment เป็นอย่างไร?
ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ จะสรุปรายละเอียดค่าบริการตามรายการที่เกิดขึ้นจริงเป็นรายเดือน โดยคิดราคาค่าบริการหลัก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

• ค่าบริการตามออเดอร์ที่เกิดขึ้น ได้แก่ ค่าบริการหยิบ ค่าบริการแพ็ค ค่าบริการตามขนาดบรรจุภัณฑ์ ค่าบริการขนส่งตามน้ำหนักหรือขนาดของสินค้า ค่าบริการย่อยอื่น ๆ (ปริ้นเอกสาร, แนบการ์ด เป็นต้น)
• ค่าบริการอื่น ๆ เช่น ค่าบริการพื้นที่จัดเก็บ ค่าบริการ QC พิเศษ ค่าบริการจับเซทสินค้า ค่าบริการติด สคบ./มอก. เป็นต้น

3. บริการคลังสินค้า Fulfillment รองรับสินค้าประเภทใดบ้าง?
ผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะรองรับสินค้าที่หลากหลายประเภท เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาหารหรืออุปกรณ์สัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ และจัดเก็บภายใต้ห้องอุณหภูมิทั่วไป หรือห้องควมคุมอุณหภูมิ ทั้งนี้ จำเป็นต้องสอบถามผู้ให้บริการ Fulfillment แต่ละรายอีกครั้ง ถึงความสามารถและข้อจำกัดในการรองรับสินค้าบางประเภท

หากต้องการสอบถาม Akita Fulfillment สำหรับประเภทสินค้าที่สามารถรองรับได้ สามารถกรอกรายละเอียดสอบถามได้เลยที่ https://www.sellsuki.co.th/solutions/akita#SolutionsGetQuote