ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลกในสายตาของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศที่ไม่ควรพลาด ด้วยเสน่ห์ของความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประเพณีอันงดงาม และธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งทะเลที่ใสสะอาด ภูเขาที่สูงตระหง่าน น้ำตกที่น่าตื่นตา รวมถึงวัดและโบราณสถาน ที่ทรงคุณค่าความเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้อาหารไทยที่มีรสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร และการต้อนรับที่อบอุ่นจากรอยยิ้มของคนไทย ล้วนสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก
นอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว การท่องเที่ยวภายในประเทศก็เติบโตไม่แพ้กัน โดยจากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในปี 2567 (มกราคม - สิงหาคม) การท่องเที่ยวของไทยสร้างมูลค่าสูงถึง 6 แสนล้านบาท อีกทั้งยังมีความหลากหลายในประเภทการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์คนไทยเองมากยิ่งขึ้น การท่องเที่ยวขยายไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศอย่างชัดเจน
ในบทความ Data Research ฉบับนี้ Sellsuki จะพาทุกคนมาสำรวจ Insight ของการท่องเที่ยวไทย ผ่านการวิเคราะห์ด้วย Social Listening Tools ซึ่งรวบรวมข้อมูลบนโซเชียลมีเดียตามนโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อดูแนวโน้มและทิศทางที่น่าสนใจของเทรนด์การท่องเที่ยวในปัจจุบัน
ด้วยการใช้ Social Listening ซึ่งเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัว ตามหลักการของ Data Research Blueprint
สำหรับขั้นตอนแรกต้องกำหนดหัวข้อที่ต้องการศึกษาหรือหัวข้อที่อยากรู้ โดยบทความนี้เราต้องการศึกษาเรื่องของ “การท่องเที่ยวไทยประเทศไทย” ว่าปัจจุบันมีกระแสในทิศทางใด และธุรกิจสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ต่อยอดในการทำการตลาดได้อย่างไร
ต่อมาเราต้องเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Gathering) ซึ่งการทำ Data Research เราต้อง กำหนด Keyword ให้สอดคล้องกับหัวข้อที่ต้องการศึกษา โดยครั้งนี้ขอกำหนดคำว่า การท่องเที่ยวประเทศไทย หรือ Amazingthailand ที่จะใช้กวาดข้อมูลบน Social Listening และกำหนดระยะเวลาการดึงข้อมูลย้อนหลัง ระหว่างวันที่ 17 กรกฎาคม ถึง 17 ตุลาคม 2024 หรือคิดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งเราได้รับข้อมูลทั้งหมด 24,467 Mentions บนช่องทาง Facebook, X (Twitter), Instagram, Youtube และ TikTok โดยข้อมูลที่ได้มาเป็นโพสต์สาธารณะ ภายใต้นโยบาย Policy ของแพลตฟอร์ม
จากข้อมูลเหล่านี้สามารถสะท้อนให้เห็นว่าช่องทาง Instagram และ Facebook นั้นมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการโปรโมทการท่องเที่ยวในประเทศไทยทั้งการโปรโมทภายในประเทศรวมถึงการโปรโมทสู่สายตาประชาคมโลกอีกด้วย
จากที่เราได้กวาดข้อมูลแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือ การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) แต่อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด และคัดกรองข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดออกก่อน ซึ่งจะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง มีประโยชน์ นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และนำไปใช้งานได้จริง
จากข้อมูล Social Listening พบว่านักเดินทางเลือกใช้ Instagram เป็นช่องทางหลักในการพูดคุย แชร์คลิป และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยวประเทศไทย โดยมีสัดส่วนถึง 45.5% ของการพูดถึงทั้งหมด หรือคิดเป็น 11,117 Mentions รองลงมาคือ Facebook โดยมีสัดส่วน 37.3% ของการพูดถึงทั้งหมด หรือคิดเป็น 9,134 Mentions ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองแพลตฟอร์มนี้ มีบทบาทสำคัญในการสร้างและเผยแพร่กระแสความนิยมของการท่องเที่ยวประเทศไทยในปัจจุบัน
จากการวิเคราะห์เพิ่มเติมพบว่า การกล่าวถึง "การท่องเที่ยวไทย" บน Facebook และ Instagram เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยที่สุดเนื่องจากหลายปัจจัยที่สอดคล้องกับลักษณะการใช้งานของแพลตฟอร์มเหล่านี้และพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ได้แก่
1.แพลตฟอร์มเน้นภาพและวิดีโอ: ทั้ง Facebook และ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับการแชร์ภาพถ่ายและวิดีโอ ซึ่งสอดคล้องกับการท่องเที่ยวที่มีลักษณะเชิงภาพ เช่น ภาพสถานที่สวยงาม วัฒนธรรม อาหาร และประสบการณ์ท่องเที่ยวอื่น ๆ ทำให้ผู้ใช้นิยมแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวของตนเองผ่านภาพและวิดีโอที่สร้างความประทับใจได้ง่าย
2.การบอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัว: คนส่วนใหญ่มักชอบแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวสถานที่ ร้านอาหาร หรือการโพสต์ภาพความประทับใจจากการเดินทาง การบอกเล่าเรื่องราวในลักษณะนี้ดึงดูดความสนใจจากเพื่อน ๆ และผู้ติดตามได้ดี ซึ่งสอดคล้องกับการใช้งานของทั้งสองแพลตฟอร์ม
3.กลุ่มผู้ใช้งานหลากหลาย: Facebook มีผู้ใช้งานที่หลากหลายทุกช่วงอายุ ในขณะที่ Instagram มีผู้ใช้ที่มักเป็นคนรุ่นใหม่ที่นิยมท่องเที่ยวและใช้แพลตฟอร์มในการอัปเดตชีวิตประจำวัน ดังนั้น การท่องเที่ยวไทยจึงถูกพูดถึงมาก เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นและแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางในหลากหลายรูปแบบ
4.ความสะดวกในการแชร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์: นักท่องเที่ยวสามารถโพสต์ภาพและวิดีโอได้ทันทีจากสถานที่ที่พวกเขาเดินทางไป ทำให้การแชร์ประสบการณ์สดใหม่และน่าติดตามมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มแฮชแท็กหรือเช็คอินสถานที่ได้ ทำให้โพสต์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยถูกเห็นและกระจายอย่างรวดเร็ว
5.แบรนด์และผู้ประกอบการใช้เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว: บนทั้ง Facebook และ Instagram แบรนด์ โรงแรม หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ในการโปรโมทกิจกรรม แพ็กเกจท่องเที่ยว และส่วนลด ซึ่งกระตุ้นให้มีการพูดถึงการท่องเที่ยวไทยมากขึ้นจากทั้งฝั่งนักท่องเที่ยวและผู้ให้บริการ
จากข้อมูล Social Data Stat Overview หรือ ภาพรวมสถิติข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย พบว่ายอด Engagement ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบน TikTok ซึ่งเป็นผลมาจากการทำคลิปสั้นพาชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เน้นความสวยงามและเสน่ห์เฉพาะตัวของแต่ละสถานที่ คลิปเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการถ่ายทอดบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจในระยะเวลาสั้นๆ และมีพลังในการสร้างความประทับใจ นอกจากนี้ยังจะมีเหตุผลอื่นๆอีก 3 ประการ ที่ทำให้ยอด Engagement บน Tiktok นั้นสูงกว่าช่องทางอื่นๆ บนโซเชียลมีเดีย
1.การแสดงภาพที่โดดเด่นและน่าสนใจ: การท่องเที่ยวไทยมักเน้นความงดงามของธรรมชาติ วัฒนธรรม และสถานที่ที่น่าทึ่ง ซึ่ง TikTok เป็นช่องทางที่เหมาะสมในการนำเสนอภาพที่มีชีวิตชีวาและดึงดูดสายตา การใช้ฟิลเตอร์ เสียงเพลง และการตัดต่อที่มีความสร้างสรรค์ช่วยเพิ่มพลังให้กับคลิปท่องเที่ยว ทำให้ดูน่าสนใจและน่าจดจำมากขึ้น
2.การแพร่กระจายไวรัลได้ง่าย: TikTok มีระบบการแสดงผลที่ช่วยให้คอนเทนต์สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่คลิปที่มาจากบัญชีผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถกลายเป็นไวรัลได้หากมีเนื้อหาที่น่าสนใจ การท่องเที่ยวไทยจึงได้รับการกล่าวถึงและแชร์ต่อในวงกว้างได้ง่าย
3.ฟีเจอร์เพลงและเสียงที่ช่วยเพิ่มอารมณ์ในคลิป: เพลงและเสียงที่ใช้ใน TikTok ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศและความรู้สึกในคลิปวิดีโอ ทำให้คลิปท่องเที่ยวดึงดูดความสนใจและเกิดการมีส่วนร่วมสูงขึ้น ผู้ชมรู้สึกเชื่อมต่อกับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่นำเสนอ
Sellsuki ใช้ Hashtag Cloud ฟีเจอร์ที่ช่วยค้นพบแฮชแท็กน่าสนใจ รวมไปถึงภาพรวมของข้อมูลและเทรนด์ที่สอดคล้องกับ Keyword ของเรา
จากข้อมูล Hashtag Cloud บนโซเชียลมีเดีย พบว่า #amazingthailand นั้นครองแชมป์แฮชแท็กที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยการติดแฮชแท็กนี้บนโซเชี่ยลมีเดียมากถึง 23,744 ข้อความ หรือคิดเป็น 51.69% ในขณะที่อันดับ 2 คือ #thailand มีการติดแฮชแท็กนี้ 5,538 ข้อความ หรือคิดเป็น 12.06% ตามมาด้วย #bangkok มีการติดแฮชแท็กนี้ 2,079 ข้อความ หรือคิดเป็น 4.53% นอกจากนี้ยังมีการติดแฮชแท็กอื่นๆ อีก เช่น #travel #thailandtravel #travelthailand #unseenthailand #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ #เมืองน่าเที่ยว โดยมีการกล่าวถึงแฮชแท็กเหล่านี้อย่างละ 1,000-2,000 ข้อความ
ไขข้อสงสัยเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ทางทีมงาน Sellsuki ก็ไม่พลาดที่จะหาเหตุผลมาอธิบายว่าทำไมแฮชแท็ก #AmazingThailand, #Thailand และ #สุขทันทีที่เที่ยวไทย ติดอันดับต้นๆ บนโซเชียลมีเดีย เนื่องจากแฮชแท็กเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการโปรโมตจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ได้รับการใช้งานอย่างต่อเนื่องและมีการรับรู้ในวงกว้าง แฮชแท็กเหล่านี้มักถูกใช้ในโพสต์ที่แชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยว ภาพสถานที่สวยงาม หรือรีวิวเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งานทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ #Thailand ยังเป็นแฮชแท็กทั่วไปที่ค้นหาได้ง่ายและเชื่อมโยงกับคอนเทนต์หลากหลายเกี่ยวกับประเทศไทย ขณะที่ #สุขทันทีที่เที่ยวไทย ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศและสร้างความรู้สึกบวกต่อการเดินทางในประเทศ การใช้แฮชแท็กเหล่านี้ทำให้คอนเทนต์มี Engagement สูง เนื่องจากสอดคล้องกับความนิยมของผู้ใช้และความสนใจในเรื่องการท่องเที่ยว
จากข้อมูล Hashtag Cloud พบว่าราคาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการ
เราสามารถใช้เครื่องมือ Ubersuggest เพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Keyword เที่ยวไทย ได้ โดยพบว่ากิจกรรมที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ได้แก่
หลังจากที่เรารวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการแบ่งประเภทข้อมูล (Categories) เพื่อให้สามารถกำหนดหัวข้อหรือประเด็นเชิงลึก (Insights) ที่เราต้องการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองมาดูกันว่าเมื่อเราจัดกลุ่มข้อมูลจาก 24,467 Mentions ออกเป็นประเภทต่างๆ จะพบข้อมูลที่น่าสนใจอะไรบ้าง มาดูกันเลย!
ในส่วนของหมวดหมู่การค้นหาหรือ (Categories Overall) เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศไทยจะพบว่าผู้คนมักจะค้นหา"สถานที่" (Location) มากที่สุดบนโซเชี่ยลมีเดีย โดยคิดเป็น 48.8% ตามมาด้วย "ปัจจัยในการตัดสินใจไปเที่ยว" ที่มีการค้นหาบนโลกออนไลน์ถึง 36.6% นอกจากนี้ยังมีหมวดหมู่การค้นหาอื่นๆ อีก เช่น "สถานที่ท่องเที่ยว" ซึ่งเมื่อนำไปคิดเป็นสัดส่วนจะอยู่ที่ 7.7% และ "ลักษณะการท่องเที่ยว" หรือคิดเป็นเพียง 6.9% จากหมดหมู่การค้นหาทั้งหมด
จากข้อมูลพบว่า ภาคกลาง เป็นภูมิภาคที่มีการพูดถึง "การท่องเที่ยวประเทศไทย" มากที่สุดถึง 33.3% ซึ่งก็ไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไหร่เนื่องจากภาคกลางเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของประเทศ มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย
อันดับที่ 2 คือภาคใต้ โดยมีการพูดถึงบนโซเชี่ยลมีเดียอยู่ที่ 23.7 % เพราะมีปัจจัยต่างๆ หลายประการที่ส่งผลต่อความนิยมในการท่องเที่ยวในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะความงดงามของธรรมชาติ เช่น ชายหาดที่สวยงามและมีชื่อเสียง
อันดับที่ 3 คือภาคเหนือ โดยมีการพูดถึงบนโซเชี่ยลมีเดียอยู่ที่ 13.4 % เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ เช่น เทือกเขาสูง น้ำตก และอากาศเย็นสบาย ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
โดยอันดับที่ 4 5 และ 6 คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันตก ตามลำดับ
ในส่วนของปัจจัยในการตัดสินใจไปเที่ยวก็น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าผู้คนในสมัยนี้จะคำนึงถึง "ประสบการณ์ที่จะได้รับ" มากที่สุดเป็นอันดับแรก โดยคิดเป็นร้อยละถึง 45.6 ของคำค้นหาทั้งหมดเกี่ยวกับ "ปัจจัยในการตัดสินใจไปเที่ยว"บนโซเชี่ยลมีเดียเลยทีเดียว โดยปัจจัยในการตัดสินใจไปเที่ยงอันดับที่ 2 ที่ผู้คนคำนึงถึงนั้นจะเป็นในส่วนของ "ราคา" ซึ่งจะคิดเป็นร้อยละ 35.8 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ถูกคำนึงถึงเช่นกัน อาทิ ปัจจัยในด้าน "การพักผ่อน" ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 14.6 และ ปัจจัยในด้าน "การเดินทาง" คิดเป็นเพียงร้อยละ 3.9
ทั้งนี้ทาง Sellsuki ก็ได้ไปสืบหาคำอธิบายว่าทำไมผู้คนในยุคนี้จึง คำนึงถึง "ประสบการณ์ที่จะได้รับ" และปัจจัยทางด้าน "ราคา" มากกว่าปัจจัยอื่นๆ มาเสิร์ฟให้อ่านอีกเช่นเดียวกัน
ในยุคปัจจุบัน ผู้คนมักให้ความสำคัญกับ "ประสบการณ์ที่จะได้รับ" และ "ราคา" ในการท่องเที่ยวมากขึ้น เนื่องจากหลายปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท่องเที่ยว เช่น การมองหาประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมายมากกว่าการเดินทางแบบเดิมๆ โดยเฉพาะการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นและการทำกิจกรรมที่น่าสนใจ ซึ่งผู้บริโภคตระหนักถึงคุณค่าของประสบการณ์ที่ได้รับ
นอกจากนี้ความหลากหลายของข้อมูลจากโซเชียลมีเดียทำให้ผู้คนสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวและรีวิวจากผู้ที่เคยไปเยือนจริงๆ ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้การเลือกประสบการณ์ที่มีคุณภาพและคุ้มค่าต่อการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ หากได้รับประสบการณ์ที่ดี คนบางกลุ่มก็พร้อมจะเก็บภาพบรรยากาศเหล่านั้นไปบอกเล่าหรือบอกต่อในโซเชี่ยลมีเดียซึ่งจะเป็น user-generated content (คอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้ใช้งานจริง โดยที่เจ้าของธุรกิจไม่จำเป็นต้องเสียเงินจ้างให้มาทำให้)ให้กับบรรดาโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร หรือ คาเฟ่ ที่คนกลุ่มนี้เข้าไปเยี่ยมเยียนอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน การแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวที่สูงขึ้นทำให้ผู้ให้บริการต้องเสนอราคาและแพ็คเกจที่ดึงดูด ความคาดหวังในเรื่องราคาทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเปรียบเทียบแพ็คเกจต่าง ๆ และเลือกสิ่งที่ให้ความคุ้มค่าที่สุด
ในส่วนของลักษณะการท่องเที่ยวจากข้อมูลพบว่าการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาตินั้นเป็นลักษณะการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดโดยมีสัดส่วนถึง 45.9% สำหรับลักษณะการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมรองลงมานั่นคือการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีสัดส่วน 29.2% และการท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษนั้นสัดส่วน 25%
อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย เนื่องจากความหลากหลายทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่โดดเด่นของประเทศ โดยการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น การเดินป่า ปีนเขา หรือการดำน้ำในทะเลสวยงาม ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและการผจญภัย
นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียง เช่น อุทยานแห่งชาติ, ชายหาดที่สวยงาม และภูเขาที่มีทิวทัศน์ที่น่าทึ่ง ขณะที่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากประเทศไทยมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น วัดวาอาราม, งานเทศกาลพื้นบ้าน และประเพณีต่างๆ ที่น่าสนใจ
นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้การท่องเที่ยวทั้งสองประเภทนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนในยุคปัจจุบันที่มองหาประสบการณ์ที่มีคุณค่าและคุ้มค่าที่จะจดจำไปอีกนานแสนนาน
สำหรับการท่องเที่ยวในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายประเภทให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรร ทั้งการพักผ่อน การทำกิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมทางน้ำ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย โดยองค์การท่องเที่ยวโลกได้แบ่งลักษณะการท่องเที่ยวออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ
การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติจะเป็นการที่มุ่งเน้นในเรื่องการสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น การเดินป่า การชมสัตว์ป่า หรือการตั้งแคมป์ในพื้นที่ธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดกับสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการอนุรักษ์ อย่าง เส้นทางศึกษาธรรมชาติทุ่งโปรงทอง จังหวัดระยอง, อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี หรือ เขาช้างเผือก จังหวัดกาญจนบุรี
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจะเน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับวันธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เช่น การเยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ การเข้าร่วมงานเทศกาล และการสัมผัสศิลปะท้องถิ่นเพื่อให้เข้าใจถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม อย่าง ชุมชนปากน้ำประแส จังหวัดระยอง หรือ ชุมชนบ้านแหลมมะขาม จังหวัดตราด
การท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษ
การท่องเที่ยวในความสนใจพิเศษนั้นรวมถึงการท่องเที่ยวที่มีความเฉพาะเจาะจงตามความสนใจ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา หรือการท่องเที่ยวกีฬา ซึ่งตอบสนองความต้องการและความสนใจเฉพาะของนักท่องเที่ยวในกลุ่มเหล่านั้น อย่าง การเที่ยวชมงานประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี หรือ ประเพณีวันสารทเดือนสิบ จังหวัดนครศรีธรรมราชสถานที่ท่องเที่ยว
ความสนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติกับไทยแตกต่างกันอย่างไร
สำหรับการเลือกท่องเที่ยวของคนต่างชาติกับคนไทยมีความแตกต่างกันในหลายด้าน โดยขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ความคุ้นเคย และจุดมุ่งหมายในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น วัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยว ที่คนต่างชาติมักมาเพื่อพักผ่อน สัมผัสวัฒนธรรมใหม่ ส่วนคนไทยนั้นมักท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายจากชีวิตประจำวันโดยการไปยังสถานที่ที่สะดวกสบาย
ในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย 10 ลำดับแรก จากข้อมูลพบว่า ลำดับที่หนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะเป็นเกาะสมุยของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ครองสัดส่วนสูงถึง 18.5% ลำดับถัดมาจะเป็นถ้ำนาคา สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬที่มีสัดส่วน 10.3% ลำดับที่ 3 จะเป็นวัดโพธิ์ ของจังหวัดกรุงเทพฯ สัดส่วน 9.9%
ลำดับที่ 4 นั้นเป็นวัดใหญ่วัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิษณุโลก ที่สัดส่วน 9.8% ลำดับที่ 5 เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก สัดส่วน 9.8% เท่ากับวัดใหญ่ ลำดับที่ 6 เป็นหาดป่าตอง ของจังหวัดภูเก็ต ที่มีสัดส่วน 9.3% ลำดับที่ 7 จะเป็นเกาะช้าง จังหวัดตราด สัดส่วน 9%
ลำดับที่ 8 ดอยอ่างขาง ของจังหวัดเชียงใหม่ สัดส่วน 8.1% ลำดับที่ 9 เป็นปาย ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีสัดส่วน 7.8% และลำดับที่ 10 ของสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจะเป็นน้ำตกเหวนรก ของจังหวัดนครนายก ที่ได้สัดส่วน 7.6% นั่นเอง
หากอ้างอิงเพียงแค่ข้อมูลและสถิติจากโซเชียลมีเดียจะพบว่าประชากรในช่วงอายุ 25-34 ปี จะเป็นกลุ่มที่กล่าวถึง "การท่องเที่ยวประเทศไทย" มากที่สุด โดยแบ่งเป็นเพศหญิง 53% และเพศชาย 47% หากพิจารณาข้อมูลชุดนี้ลึกลงไปอีกจะพบว่ามีการพูดถึงมากกว่า 8,000 Mentions ในกลุ่มประชากรในช่วงอายุ 25-34 ปี ที่เป็นเพศหญิง และราวๆ 6,000 Mentions เป็นเพศชายในช่วงอายุเดียวกัน
การท่องเที่ยวในประเทศไทยกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น การฟื้นตัวนี้เกิดจากความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวหลังช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยเน้นการส่งเสริมการเดินทางในประเทศด้วยแคมเปญและโครงการต่างๆ ที่จูงใจให้นักท่องเที่ยวไทยออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย
ประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นและกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ที่มีความงดงามและเป็นเอกลักษณ์ เช่น อุทยานแห่งชาติ น้ำตก ภูเขา และทะเลสวยงามตามแนวชายฝั่ง การได้สัมผัสธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวสายผจญภัยและผู้ที่ต้องการพักผ่อนท่ามกลางความสงบของธรรมชาติ
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน เพราะประเทศไทยเป็นที่รู้จักจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน วัดวาอารามที่งดงาม และโบราณสถานที่ทรงคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นวัดพระแก้ว วัดโพธิ์ หรือโบราณสถานในอยุธยา นักท่องเที่ยวที่สนใจเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นจะได้สัมผัสกับความประณีตทางสถาปัตยกรรมและประเพณีพื้นบ้านที่ยังคงสืบสานมาจนถึงปัจจุบัน
อีกประเภทหนึ่งคือ การท่องเที่ยวตามความสนใจพิเศษ ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือการท่องเที่ยวเชิงกีฬา แหล่งท่องเที่ยวที่มีการจัดกิจกรรมเฉพาะทางเหล่านี้สร้างความตื่นเต้นและตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่มของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยมีความหลากหลายมากขึ้นและสามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการที่แตกต่างกันได้กว้างขวาง
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น เกาะสมุยที่มีชายหาดสวยงาม, ถ้ำนาคาในจังหวัดบึงกาฬที่มีหินลักษณะพิเศษคล้ายงูยักษ์ และวัดโพธิ์ที่มีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการท่องเที่ยวในระยะยาวขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวอย่างมีจิตสำนึก โดยนักท่องเที่ยวต้องร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวให้คงอยู่ในสภาพที่ดี การเดินทางท่องเที่ยวที่ไม่ทำลายธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นจะช่วยให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญในระดับโลกต่อไป
ในขั้นตอนสุดท้ายคือการสร้างทางเลือกและต่อยอด ซึ่งคราวนี้ทางทีมงาน Sellsuki ขอแนะนำในการทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ดังต่อไปนี้
ข้อแนะนำเรื่องการทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว
การทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม บาร์ ร้านอาหาร และคาเฟ่ จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม เนื่องจากแต่ละช่องทางมีลักษณะเฉพาะที่ต่างกัน การวางแผนเพื่อดึงดูดลูกค้าคือหัวใจสำคัญ นี่คือข้อแนะนำในการทำการตลาดบนแพลตฟอร์มหลัก:
1. Facebook
2. Instagram
3. TikTok
4. LINE Official & LINE OpenChat
5. X (Twitter เดิม)
เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับทุกแพลตฟอร์ม
การผสมผสานการใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภทจะช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ และรักษาลูกค้าเก่าให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง
อ่าน Data Research Insight จบแล้วใช่ไหม? สามารถดาวน์โหลด e-Book ฉบับเต็มที่ด้านล่างได้ ฟรี! เพื่อเสริมความรู้และนำไปต่อยอดธุรกิจของคุณได้เลย!
เพื่อไม่พลาดความรู้ดีๆ และสาระสำคัญแบบนี้ก่อนใคร อย่าลืมกดติดตามน้องสุกิบนช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram และ TikTok
สำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ และที่ปรึกษาธุรกิจมืออาชีพ ที่พร้อมพาธุรกิจของคุณเติบโตไปอีกขั้นต้อง Sellsuki ที่เป็นมากกว่าเพื่อนคู่คิดที่คุณกำลังมองหา
เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ โดยสามารถตอบโจทย์ตรงจุดทุกความต้องการ เราพร้อมแล้วที่จะพาธุรกิจของคุณเติบโตไปกับเรานะ
อ่าน Data Research Insight กันจบแล้วใช่ไหม? สามารถดาวน์โหลด E-book ฉบับเต็มที่ด้านล่างได้ ฟรี! เพื่อเสริมความรู้และนำไปต่อยอดธุรกิจของคุณได้เลย!
และเพื่อไม่ให้พลาดความรู้และสาระสำคัญแบบนี้ก่อนใคร อย่าลืมกดติดตามน้องสุกิบนช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram และ TikTok
สำหรับเจ้าของธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ และที่ปรึกษาธุรกิจมืออาชีพ ที่พร้อมพาธุรกิจของคุณเติบโตไปอีกขั้น Sellsuki เป็นมากกว่าเพื่อนคู่คิดที่คุณกำลังมองหา
เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ โดยสามารถตอบโจทย์ตรงจุดทุกความต้องการ เราพร้อมแล้วที่จะพาธุรกิจของคุณเติบโตไปกับเรานะ