Header-sellsuki.webp
S E L L S U K I
mdi_eye : 64 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

เจาะลึกตลาด “น้ำหอม” ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

data-research-insight-perfume-market.jpg

ในโลกของน้ำหอม มีความหลากหลายให้ได้ค้นหาและเลือกสรรค์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นดอกไม้ที่อ่อนหวาน กลิ่นผลไม้อันสดใส กลิ่นไม้หอมอันอบอุ่น รวมถึงกลิ่นเครื่องเทศอันเย้ายวน ทุกกลิ่นล้วนมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป การเลือกน้ำหอมที่เหมาะสมจึงเป็นการค้นพบกลิ่นที่สะท้อนความเป็นตัวตนคุณได้อย่างชัดเจน

SELLSUKI เข้าใจถึงความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค น้ำหอม ในยุคปัจจุบัน เราจึงให้ความสำคัญกับการทำ Social Listening เพื่อทำความเข้าใจถึงความต้องการ แนวโน้มความนิยม และความคิดเห็นของผู้บริโภค น้ำหอม อย่างแท้จริง ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ถูกนำมาวิเคราะห์และประมวลผล เพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ น้ำหอม ของเราให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัวยิ่งขึ้น

โดย SELLSUKI ใช้ Social Listening Tools เพื่อรวบรวมข้อมูลบน Social Media มาใช้ในการทำความรู้จักและเข้าใจในกลุ่มผู้บริโภคที่หลงรักผลิตภัณฑ์น้ำหอม รวมถึงการนำ Insight ของเทรนด์น้ำหอมในปัจจุบันมาเสิร์ฟให้กับเหล่าบรรดาผู้ผลิตน้ำหอมและผู้ที่สนใจในธุรกิจน้ำหอมได้มีข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในตลาดมากยิ่งขึ้น

5 ขั้นตอนการทำ Data Blueprint ด้วยเครื่องมือ Social Listening

data-research-insights-process.png

Step 1 - Crack โจทย์ไหนที่อยากรู้ 

ในขั้นตอนแรกสุดของเรานั้น เราจะต้องมีตีโจทย์ให้แตกว่าเราอยากรู้หรือศึกษาเรื่องอะไรที่คนพูดถึงกันในโซเชียลมีเดีย ในบทความนี้ ซึ่งจะเป็นคำว่า “น้ำหอม” และ “น้ำหอมไทย” นั่นเอง โดยเราจะเอาคำเหล่านี้มาดูว่าเทรนด์เป็นยังไง 

Step 2 - Set Keyword & Data Gathering

data-research-insight-perfume-social-listening-overview.jpg

ขั้นตอนต่อมาคือ การกำหนด Keyword ให้สอดคล้องกับหัวข้อที่เราต้องการศึกษา เพื่อทำการเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Gathering) และในหัวข้อนี้เราใช้คำว่าน้ำหอมนั่นเอง

ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกโดยใช้เครื่องมือ Social Listening ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการติดตามและวิเคราะห์การสนทนาบนโลกออนไลน์ พบว่าน้ำหอมเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจและมีการพูดถึงอย่างแพร่หลายในสังคมออนไลน์ โดยมีจำนวนการกล่าวถึงทั้งหมด 76,446 ครั้ง ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้แก่ Facebook, X (Twitter), Instagram, YouTube, TikTok และ Forum ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2025 ถึง 29 เมษายน 2025

เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่มีการพูดถึงน้ำหอมมากที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Facebook เป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการสนทนาและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหอมรองลงมาคือ X (Twitter) TikTok 

ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของน้ำหอมในชีวิตประจำวันของผู้คนในยุคปัจจุบัน และยังแสดงให้เห็นว่าโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางสำคัญในการแบ่งปันข้อมูล ประสบการณ์ และความคิดเห็นเกี่ยวกับน้ำหอม ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำหอมในการทำความเข้าใจพฤติกรรมและความสนใจของผู้บริโภค

Step 3 - Data Analyst & Visualize

ในขั้นตอนที่สาม เราจะต้องนำข้อมูลที่ได้จากแพลตฟอร์มต่างๆ มาทำการวิเคราะห์ (Data Analysis) แต่อย่าลืมตรวจสอบ และคัดกรองข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Keyword ออกก่อน เพื่อให้การวิเคราะห์ของเรานั้นมีความแม่นยำและชัดเจนมากที่สุด

data-research-insight-perfume-social-media-platform-percentage.jpg

Facebook: มีการกล่าวถึงมากที่สุดถึง 43.2% เนื่องจาก

  • ฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่: Facebook มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ในภาพ ทำให้มีโอกาสที่ผู้คนจะพูดคุยและแชร์เนื้อหาเกี่ยวกับความสนใจต่างๆ รวมถึงน้ำหอมมากที่สุด
  • หลากหลายรูปแบบเนื้อหา: ผู้คนแชร์ทั้งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และลิงก์ต่างๆ เกี่ยวกับน้ำหอม เช่น รีวิว ประสบการณ์ส่วนตัว ถามคำถาม หรือแสดงความคิดเห็น
  • กลุ่มและความสนใจ: มีกลุ่มต่างๆ มากมายที่เกี่ยวกับความงาม แฟชั่น และ น้ำหอม ซึ่งเป็นพื้นที่ให้สมาชิกมาพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยตรง
  • การแชร์จากแพลตฟอร์มอื่น: ผู้ใช้อาจแชร์ลิงก์หรือเนื้อหาเกี่ยวกับน้ำหอมจากเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ มายัง Facebook

X (Twitter): มีการกล่าวถึงมากเป็นอันดับที่ 2 คิดเป็น 28.7% เนื่องจาก

  • การสนทนาแบบเรียลไทม์: X จะ เน้นการอัปเดตข่าวสารและความคิดเห็นแบบรวดเร็ว ผู้คนอาจทวีตเกี่ยวกับน้ำหอมที่เพิ่งลองใช้ ความประทับใจ หรือสอบถามความคิดเห็นจากผู้อื่น
  • การติดตามแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์: ผู้คนติดตามแบรนด์น้ำหอมหรืออินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามและแฟชั่น ทำให้เห็นและมีส่วนร่วมในการสนทนาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หรือโปรโมชั่นต่างๆ
  • การใช้แฮชแท็ก: แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับน้ำหอมช่วยให้ผู้คนค้นหาและเข้าร่วมในการสนทนาในหัวข้อที่สนใจได้ง่าย

TikTok: มีการกล่าวถึงมากเป็นอันดับที่ 3 โดยคิดเป็น 15% เนื่องจาก

  • รูปแบบวิดีโอสั้น: TikTok เน้นเนื้อหาวิดีโอสั้นที่น่าสนใจและสร้างสรรค์ ผู้คนอาจสร้างวิดีโอรีวิวน้ำหอมการแนะนำ หรือแสดงคอลเลคชั่นส่วนตัว
  • การเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่: TikTok มีผู้ใช้งานอายุน้อยจำนวนมาก ซึ่งอาจมีความสนใจในผลิตภัณฑ์ความงามและน้ำหอมที่เป็นกระแส
  • ความไวรัล: วิดีโอเกี่ยวกับน้ำหอมที่น่าสนใจมีโอกาสที่จะถูกแชร์และแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

Instagram: มีการกล่าวถึงเพียง 9.3% เนื่องจาก

  • เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นภาพและวิดีโอสวยงาม: Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับภาพถ่ายและวิดีโอที่มีคุณภาพ ผู้คนมักโพสต์ภาพน้ำหอมขวดสวยๆ หรือภาพตัวเองที่ใช้น้ำหอม
  • อินฟลูเอนเซอร์: อินฟลูเอนเซอร์ด้านความงามและแฟชั่นมีบทบาทสำคัญในการโปรโมทและรีวิวน้ำหอมบน Instagram
  • การแชร์ผ่าน Stories และ Reels: ฟีเจอร์ Stories และ Reels เป็นช่องทางที่ผู้คนแชร์ประสบการณ์การใช้น้ำหอมในชีวิตประจำวัน

YouTube มีการกล่าวถึงเพียง 2.5% เนื่องจาก

  • คลิปค่อนข้างยาว ไม่ค่อยตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน: YouTube เหมาะสำหรับการรีวิวน้ำหอมในรูปแบบวิดีโอที่ยาวและให้ข้อมูลเชิงลึก เช่น การอธิบายโน้ตกลิ่น ความติดทน และความคุ้มค่า
  • การเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์: ผู้คนมักค้นหาวิดีโอเปรียบเทียบน้ำหอมหลายๆ รุ่นหรือหลายๆ แบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อ
  • การสอนและแนะนำ: ช่อง YouTube ที่เกี่ยวกับความงามอาจมีการสอนวิธีการเลือกน้ำหอมให้เหมาะกับโอกาสต่าง

Forum: มีการกล่าวถึงน้อยที่สุด คิดเป็นเพียงแค่ 0.9% เนื่องจาก

  • การสนทนาเฉพาะกลุ่ม: Forum มักเป็นพื้นที่สำหรับการสนทนาในหัวข้อที่เฉพาะเจาะจง ผู้ที่สนใจน้ำหอมอย่างจริงจังอาจเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในรายละเอียด หรือสอบถามข้อมูลเชิงลึก
  • การค้นหาข้อมูลเก่า: Forum มักเก็บกระทู้เก่าๆ ไว้ ทำให้ผู้ที่สนใจสามารถค้นหาข้อมูลหรือความคิดเห็นในอดีตได้

Social Data Stat Overview

data-research-insight-perfume-social-media-stat-overview.jpg

จากข้อมูล Social Data Stat Overview พบว่า การมีส่วนร่วม (Engagements) ที่โดดเด่นที่สุดคือบน TikTok (เส้นสีฟ้า) โดยมีการพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปลายกุมภาพันธ์ถึงต้นมีนาคม

ปรากฏการณ์นี้เชื่อมโยงกับการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่ได้รับความนิยม ซึ่งเป็นการโปรโมทน้ำหอมโดยอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ที่มีชื่อเสียง 

การที่กราฟ TikTok พุ่งสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์มีประสิทธิภาพในการสร้างความสนใจในน้ำหอมได้ โดยเฉพาะยิ่งเมื่อมีอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์มาทำการโปรโมท 

การที่อินฟลูเอนเซอร์สามารถสื่อสารเสน่ห์ของน้ำหอมให้เข้ากับคาแรคเตอร์ของตนเองได้ และการใช้รูปแบบวิดีโอสั้นของ TikTok ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิด Engagement สูง

โดยสรุป กราฟนี้ชี้ให้เห็นว่าการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์บน TikTok เป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลในการสร้างการมีส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์น้ำหอม

Social Data Stat by Hashtag Cloud

Sellsuki ใช้ Hashtag Cloud ฟีเจอร์ที่ช่วยค้นพบแฮชแท็กน่าสนใจ รวมไปถึงภาพรวมของข้อมูลและเทรนด์ที่สอดคล้องกับ Keyword ของเรา หากต้องการจะหา Hashtag ที่เกี่ยวข้องกับน้ำหอม เราก็ต้องไม่ลืมที่จะวิเคราะห์ข้อมูลจากที่ Hashtag Cloud ด้วยเช่นเดียวกัน

แต่ก่อนที่จะลงลึกไปในส่วนของรายละเอียด วันนี้ Sellsuki จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจคร่าวๆ กันก่อนว่า แฮชแท็กสำคัญกับการตลาดออนไลน์อย่างไร โดยแฮชแท็กไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ธรรมดา แต่เป็น เครื่องมือทรงพลัง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการตลาดออนไลน์ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น

  • เพิ่มการเข้าถึง (Reach): ช่วยให้โพสต์ของคุณไปไกลกว่าเดิม
  • สร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness): ให้คนจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
  • ส่งเสริมแคมเปญ (Campaign Promotion): กระตุ้นการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ
  • วิเคราะห์เทรนด์ (Trend Analysis): เกาะติดกระแสที่ผู้บริโภคสนใจ
  • เสริม SEO: เพิ่มโอกาสให้แบรนด์ถูกค้นพบในโลกออนไลน์

โดยทาง Sellsuki จะพาทุกคนมาเจาะลึกกันอีกหน่อยเกี่ยวกับ แฮชแท็ก (Hashtag) ที่น่าสนใจแต่ละตัว แต่ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจคร่าวๆ ก่อนว่าเจ้าตัว “แฮชแท็ก” มันสำคัญอย่างไรกับ การตลาดออนไลน์ โดยแฮชแท็กเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเพิ่มทั้ง การเข้าถึง (Reach) การรับรู้ถึงแบรนด์ (Brand Awareness) การส่งเสริมแคมเปญ (Campaign Promotion) วิเคราะห์เทรนด์ (Trend Analysis) และเสริมการทำ การตลาดออนไลน์ ผ่าน SEO ต่อไปเราจะมาวิเคราะห์แต่ละแฮชแท็กที่เกี่ยวกับ การออกกำลังกาย ซึ่งจากข้อมูล Social Data Stat Overview โดย Hashtag Cloud พบว่า เมื่อค้นหาแฮชแท็ก ที่เกี่ยวข้องบนโซเชียลมีเดีย

data-research-insight-perfume-hashtag-cloud.jpg

หลังจากที่ทางทีมงานของ Sellsuki ได้รวบรวมแฮชแท็กยอดนิยมที่เกี่ยวข้องกับ น้ำหอม บนโซเชียลมีเดีย จะพบว่ามีการระบุถึงการใช้งานแฮชแท็กหลักๆ คือ #น้ำหอม, #ppnaravit, และ #versacefragrances ซึ่งเป็นแฮชแท็กที่ถูกใช้งานบ่อยครั้ง รองลงมาคือแฮชแท็กอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องและถูกใช้ในระดับรองลงมา เช่น #น้ำหอมแบรนด์, #รีวิวน้ำหอม, #น้ำหอมแท้, #perfume, #thebeautrium, #bt_scentoflove, #eveandboy, และ #boyaxlookkaew เป็นต้น

จาก Hashtag Cloud ยังแสดงให้เห็นถึงแฮชแท็กอื่นๆ ที่น่าสนใจและถูกใช้ในการพูดถึง น้ำหอม ในบริบทต่างๆ เช่น ชื่อแบรนด์เฉพาะ (#versace), ชื่ออินฟลูเอนเซอร์ (#ppnaravit, #boyaxlookkaew), ร้านค้า (#eveandboy, #thebeautrium), หรือแม้แต่แคมเปญ (#pondxversacefragrancesph)

เมื่อพิจารณาจาก Top 10 Hashtags ทางด้านขวา จะเห็นว่า #น้ำหอม เป็นแฮชแท็กที่มีจำนวนการใช้งานสูงสุดถึง 2,549 ครั้ง คิดเป็น 17.79% ตามมาด้วย #perfume ที่ 2,271 ครั้ง (15.82%) และ #versacefragrances ที่ 1,743 ครั้ง (12.15%) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการใช้แฮชแท็กเหล่านี้ในการค้นหา แบ่งปันข้อมูล และเข้าร่วมการสนทนาเกี่ยวกับ น้ำหอม บนโซเชียลมีเดีย โดยทีมงาน Sellsuki ขอพาทุกคนมาดูเหตุผลคร่าวๆว่าทำไม Hashtag 3 อันดับแรก ถึงถูกติดแท็กมากที่สุด

  • #น้ำหอม: เป็นคำหลัก โดยตรงและกว้างที่สุด ที่คนส่วนใหญ่ใช้เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นการรีวิว ถามคำถาม หรือแชร์ความชอบ จึงมีการใช้งานสูงสุด
  • #perfume: เป็นคำในภาษาอังกฤษ ที่หมายถึงน้ำหอม ทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่ใช้ภาษาไทย
  • #versacefragrances: เป็นแฮชแท็ก เฉพาะเจาะจงแบรนด์ Versace ผู้ที่ชื่นชอบหรือต้องการข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหอมแบรนด์นี้โดยเฉพาะจึงนิยมใช้

Categories Overall

data-research-insight-perfume-category-overall.jpg

จากกราฟภาพรวมหมวดหมู่ของน้ำหอมที่ถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดีย พบว่า ในส่วนของ "กลิ่นน้ำหอม" เป็นประเด็นที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด คิดเป็น 34.2% โดยมีกลิ่นยอดนิยมอย่าง Woody, Sexy, Floral, Leather, Citrus และ Powdery รองลงมาคือ "เหตุผลในการซื้อ" ที่ 25.6% ซึ่งปัจจัยหลักๆ ได้แก่ กลิ่นหอม, แพ็กเกจ, กระแสรีวิว และราคา นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึง "น้ำหอมแบรนด์ต่างประเทศ" ในสัดส่วนที่น่าสนใจคือ 22.8% โดยมีแบรนด์หลากหลายที่ถูกกล่าวถึง เช่น Armani, Burberry และ Chanel ในขณะที่ "น้ำหอมแบรนด์ไทย" มีสัดส่วนการพูดถึงอยู่ที่ 9.6% และ "ประเภทน้ำหอม" เช่น Eau de Cologne, Eau de Toilette และ Eau de Parfum มีสัดส่วน 7.8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับกลิ่นและเหตุผลในการซื้อเป็นหลัก เมื่อพูดถึงน้ำหอมบนโลกออนไลน์

ประเภทของน้ำหอม

data-research-insight-perfume-types.jpg

กราฟนี้แสดงสัดส่วนการพูดถึง "ประเภทน้ำหอม" บนโซเชียลมีเดีย โดย Eau de Parfum ได้รับการพูดถึงมากที่สุดถึง 64% ตามมาด้วย Eau de Toilette ที่ 33% และ Eau de Cologne ที่ 3%  

  • Eau de Parfum เป็นประเภทน้ำหอมที่มีความต้องการในตลาดสูงที่สุด เนื่องจากมีการพูดถึงและอาจมีความสนใจจากผู้บริโภคมากที่สุด การที่ได้รับการพูดถึงในสัดส่วนที่สูง อาจบ่งชี้ถึงความพึงพอใจในความเข้มข้นของกลิ่นและความติดทนของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เพราะว่าน้ำหอมประเภทนี้มีความติดทนนานสุดนั่นเอง
  • ในทางกลับกัน Eau de Cologne มีสัดส่วนการพูดถึงน้อยที่สุด ซึ่งอาจสะท้อนถึงความต้องการที่ต่ำกว่า หรืออาจเป็นเพราะผู้บริโภคไม่ได้ให้ความสำคัญกับการระบุประเภทนี้มากนักในการสนทนา ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งที่อาจเป็นไปได้คือน้ำหอมประเภทนี้มีความติดทนน้อยสุดนั่นเอง
  • ส่วน Eau de Toilette ยังคงมีการพูดถึงในสัดส่วนที่น่าสนใจ ในแง่ของความติดทนของน้ำหอมประเภทนี้นั้นจัดอยู่ในระดับปานกลาง โดยน้ำหอมกลุ่มนี้เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ยังคงได้รับความนิยมและมีฐานผู้บริโภคอยู่บ้าง

เหตุผลประกอบการซื้อน้ำหอม

data-research-insight-perfume-purchase-reasons.jpg

กราฟนี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อน้ำหอม สิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุดคือ กลิ่นติดทนนาน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% นั่นหมายความว่า ผู้ซื้อส่วนใหญ่คาดหวังว่าน้ำหอม ที่พวกเขาเลือกจะสามารถมอบความหอมที่ยาวนานได้ตลอดวัน โดยไม่ต้องเติมซ้ำบ่อยๆ ความต้องการนี้อาจมาจากความรู้สึกคุ้มค่า อยากให้เงินที่จ่ายไปได้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ยาวนาน และความสะดวกสบายที่ไม่ต้องพกพาน้ำหอม ไปเติมระหว่างวัน

รองลงมาคือ ราคา ที่ 32% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับความสมเหตุสมผลของราคา เมื่อเทียบกับคุณภาพและปริมาณของน้ำหอม พวกเขามองหาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มค่าและอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้

ในขณะที่ปัจจัยอย่างด้านบรรจุภัณฑ์หรือแพ็กเกจ มีสัดส่วนเพียง 4% ซึ่งบ่งบอกได้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของน้ำหอม อาจไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากนัก แม้ว่าแพ็กเกจที่สวยงามอาจดึงดูดความสนใจในตอนแรก แต่สิ่งที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญมากกว่าคือคุณภาพของเนื้อน้ำหอมเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความติดทนของกลิ่น และความคุ้มค่าด้านราคา

จากมุมมองของผู้บริโภค ข้อมูลชุดนี้ชี้ให้เห็นว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของน้ำหอมในด้านความติดทนนานของกลิ่นเป็นอันดับแรก ควบคู่ไปกับการพิจารณาราคาที่เหมาะสม พวกเขาต้องการน้ำหอมที่มีคุณภาพดีและใช้งานได้ยาวนาน โดยที่ราคาไม่สูงจนเกินไป ในขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกหรือแพ็กเกจเป็นปัจจัยรองในการตัดสินใจซื้อ

กลิ่นน้ำหอม

data-research-insight-perfume-scents.jpg

กราฟนี้แสดงสัดส่วนการพูดถึง "กลิ่นน้ำหอม" บนโซเชียลมีเดีย โดย กลิ่น Woody ได้รับการพูดถึงมากที่สุดที่ 27% รองลงมาคือ กลิ่น Floral ที่ 23%, กลิ่น Citrus ที่ 16%, และ กลิ่น Sexy กับ กลิ่น Fruity ที่ 7% เท่ากัน ส่วนกลิ่นอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุมีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ 20% 

  • กลิ่น Woody เป็นกลุ่มกลิ่นที่ได้รับความนิยมและมีการพูดถึงมากที่สุด ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบกลิ่นแนวอบอุ่น นุ่มลึก และมีความเป็นธรรมชาติ
  • กลิ่น Floral ก็ยังคงได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับสอง แสดงให้เห็นว่ากลิ่นดอกไม้ต่างๆ ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคจำนวนมาก
  • กลิ่น Citrus ก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่มองหากลิ่นที่สดชื่น กระปรี้กระเปร่า
  • กลิ่น Sexy และ กลิ่น Fruity แม้จะมีสัดส่วนที่เท่ากันและน้อยกว่ากลิ่นอื่นๆ แต่ก็ยังคงมีกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสนใจ
  • ในส่วนของกลื่นอื่นๆ ที่มีสัดส่วน 20% นั้น ถือเป็นกลุ่มกลิ่นที่ไม่ได้ถูกระบุชื่ออย่างชัดเจนในกราฟ แต่ก็เป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีกลุ่มกลิ่นอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อยู่พอสมควร เช่น Gourmand, Aquatic/Oceanic, Green, Spicy, Aromatic และ Aldehydic เป็นต้น 

น้ำหอมแบรนด์ไทย

data-research-insight-perfume-thai-brands.jpg

กราฟนี้แสดงสัดส่วนการพูดถึง "น้ำหอมแบรนด์ไทย" บนโซเชียลมีเดีย โดย Madame Fin ได้รับการพูดถึงมากที่สุดถึง 36% รองลงมาคือ Janua ที่ 18%, Love Potion ที่ 16%, Panpuri ที่ 7%, และ Windscent ที่ 6% ส่วนแบรนด์ไทยอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุมีสัดส่วนรวมกันอยู่ที่ 17% 

Madame Fin มีการถูกกล่าวถึงมากที่สุด ถึง 36% เนื่องจาก 

  • การตลาดและการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง: Madame Fin มีการทำการตลาดออนไลน์ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ดี มีการใช้โซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ หรือมีแคมเปญที่น่าสนใจ ทำให้เกิดการพูดถึงและแชร์ต่อในวงกว้าง
  • ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเป็นที่นิยม: แบรนด์มีผลิตภัณฑ์น้ำหอมที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกัน และมีบางรุ่นที่เป็นที่นิยมและถูกพูดถึงเป็นพิเศษ
  • รีวิวและกระแสจากผู้ใช้งานจริง: ผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Madame Fin มีการรีวิวและบอกต่อประสบการณ์ที่ดี ทำให้เกิดการพูดถึงในเชิงบวกและสร้างความน่าสนใจให้กับผู้บริโภครายอื่นๆ
  • การใช้ Influencer Marketing: แบรนด์มีการร่วมงานกับ Influencer ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งช่วยในการโปรโมทผลิตภัณฑ์และสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง

Janua ถูกกล่าวถึงเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 18% เนื่องจาก

  • เอกลักษณ์ของแบรนด์และผลิตภัณฑ์: Janua มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเรื่องของกลิ่น หรือคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ ที่ทำให้ผู้บริโภคจดจำและพูดถึง
  • ฐานลูกค้าที่ภักดี: แบรนด์สร้างฐานลูกค้าที่ชื่นชอบและภักดีต่อผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดการบอกต่อและพูดถึงในกลุ่มผู้ใช้งาน
  • การปรากฏตัวบนโซเชียลมีเดีย: Janua มีการสื่อสารและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคบนโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ

Love Potion ถูกกล่าวถึงเป็นอันดับที่ 3 โดยคิดเป็นอัตราส่วน 16% เนื่องจาก 

  • ชื่อแบรนด์ที่น่าสนใจและดึงดูด: ชื่อ "Love Potion" อาจเป็นที่น่าสนใจและทำให้เกิดการจดจำได้ง่าย
  • การใช้กลยุทธ์ CEO Branding ของซ้อก้าด: ซ้อก้าดสร้าง CEO branding โดยเน้นความเป็นตัวของตัวเองสูง ทั้งสไตล์การแต่งตัว การพูดที่ตรงไปตรงมา และการสร้างคอนเทนต์ที่เข้าถึงง่าย ทำให้แบรนด์ Love Potion ดู จริงใจและน่าเชื่อถือเพราะเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของเธอ

โดย Panpuri และ Windscent มีสัดส่วนการพูดถึงที่น้อยกว่า ซึ่งอาจหมายถึงการรับรู้แบรนด์หรือความนิยมในโลกออนไลน์ยังไม่สูงเท่าแบรนด์อื่นๆ สำหรับแบรนด์ไทยอื่นๆ ที่รวมอยู่ในกลุ่ม "Other" 17% นั้น แสดงให้เห็นว่ายังมีแบรนด์ไทยอีกหลายแบรนด์ที่อยู่ในตลาดและอาจมีกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสนใจอยู่ แต่ยังไม่ได้มีการพูดถึงในวงกว้างเท่าแบรนด์หลักๆ ที่กล่าวมา

น้ำหอมแบรนด์ต่างประเทศ

data-research-insight-perfume-international-brands.jpg

กราฟนี้แสดงสัดส่วนการพูดถึง "น้ำหอมแบรนด์ต่างประเทศ" บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจและความนิยมของแบรนด์ต่างๆ ในกลุ่มผู้บริโภคออนไลน์ 

Versace ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเป็นอันดับแรก มากถึง 33% เนื่องจาก

  • ความนิยมสูงและมีการพูดถึงมาก: Versace เป็นแบรนด์ที่ได้รับความสนใจและการพูดถึงมากที่สุด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาดน้ำหอม ผู้บริโภคอาจมีความคุ้นเคยกับแบรนด์นี้เป็นอย่างดี หรืออาจชื่นชอบผลิตภัณฑ์และมีการพูดถึงในเชิงบวก
  • การตลาดที่ประสบความสำเร็จ: แบรนด์ Versace มีการทำการตลาดออนไลน์ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างการรับรู้แบรนด์และโปรโมทผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการพูดถึงในวงกว้าง
  • ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์: Versace มีผลิตภัณฑ์น้ำหอม ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นที่สดชื่น หรูหรา หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Dior ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเป็นอันดับที่สอง โดยคิดเป็น 13% เนื่องจาก

  • แบรนด์หรูและเป็นที่รู้จัก: Dior เป็นแบรนด์หรูที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในระดับโลก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคให้ความสนใจและพูดถึงมากที่สุด
  • ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Iconic: Dior อาจมีผลิตภัณฑ์น้ำหอม บางรุ่นที่เป็น Iconic และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการพูดถึงและแนะนำกันในกลุ่มผู้บริโภค
  • ภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง: แบรนด์ Dior มีภาพลักษณ์ที่หรูหรา สง่างาม และมีสไตล์ ซึ่งดึงดูดผู้บริโภคที่ต้องการแสดงออกถึงความเป็นตัวตนผ่านการใช้น้ำหอม

Armani ถูกกล่าวถึงเป็นอันดับที่ 3 โดยมีอัตราการกล่าวถึงอยู่ที่ 9% เนื่องจาก

  • ความเรียบหรูและทันสมัย: Armani เป็นแบรนด์ที่เน้นความเรียบหรู ทันสมัย และมีสไตล์มินิมอล ซึ่งอาจเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคบางกลุ่ม
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ: Armani เป็นที่รู้จักในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและมีความพิถีพิถันในการผลิต
  • การตลาดที่เน้นความคลาสสิก: แบรนด์ Armani มีการทำการตลาดที่เน้นความคลาสสิกและสง่างาม ซึ่งอาจดึงดูดผู้บริโภคที่ชื่นชอบสไตล์นี้

Lancome มีการกล่าวถึงน้อยที่สุด คิดเป็นเพียง 6% เนื่องจาก 

  • ภาพลักษณ์ของแบรนด์: Lancome มักถูกมองว่าเป็นแบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์เป็นหลัก ไม่ได้โดดเด่นในเรื่องของน้ำหอมขนาดนั้น
  • ความหวือหวาและความเป็นแฟชั่นที่เป็นรอง: Versace และ Dior มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในด้านแฟชั่นและความหรูหรา ซึ่งอาจเป็นหัวข้อที่น่าสนใจและถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียมากกว่า Lancome 

น้ำหอมแบรนด์อื่นๆ ถูกกล่าวถึงรวมกันประมาณ 32% เนื่องจาก 

  • ความหลากหลายของแบรนด์: ยังมีแบรนด์น้ำหอมต่างประเทศอีกมากมายที่ได้รับความสนใจและมีการพูดถึงบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจรวมถึงแบรนด์ niche, แบรนด์ที่มีชื่อเสียงเฉพาะกลุ่ม, หรือแบรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
  • ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค: การที่มีแบรนด์หลากหลายถูกพูดถึง แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกันในเรื่องของกลิ่น สไตล์ และราคาของน้ำหอม

สัดส่วนประชากรที่สนใจ 

data-research-insight-perfume-interest-by-demographic.jpg

การวิเคราะห์ข้อมูลตามเพศ (Pie Chart):

  • เพศหญิง: มีสัดส่วนความสนใจในน้ำหอมสูงถึง 72.8% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงเป็นกลุ่มที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์นี้อย่างมาก
  • เพศชาย: มีสัดส่วนความสนใจอยู่ที่ 27.2% ซึ่งแม้จะน้อยกว่าเพศหญิงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงเป็นกลุ่มที่มีความสนใจในน้ำหอมในระดับหนึ่ง

การวิเคราะห์ข้อมูลตามช่วงอายุ (Bar Charts):

กราฟแท่งแสดงสัดส่วนความสนใจในน้ำหอมในแต่ละช่วงอายุ โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม พร้อมระบุสัดส่วนร้อยละของการพูดถึงทั้งหมดในแต่ละกลุ่มอายุ

  • 25 - 34 ปี: เป็นกลุ่มอายุที่มีความสนใจในน้ำหอมมากที่สุด โดยมีสัดส่วนการพูดถึงสูงถึง 53.08% ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของการพูดถึงทั้งหมด
  • 18 - 24 ปี: เป็นกลุ่มอายุที่มีความสนใจรองลงมา โดยมีสัดส่วน 28.81%
  • 35 - 44 ปี: มีสัดส่วนความสนใจอยู่ที่ 9.73%
  • น้อยกว่า 18 ปี: มีสัดส่วนความสนใจค่อนข้างน้อยที่ 7.22%
  • 45 ปีขึ้นไป: มีสัดส่วนความสนใจน้อยที่สุดเพียง 1.17%

การคาดคะเนเหตุผล:

  • ความสนใจตามเพศ:
    • เพศหญิง: โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงมักมีความสนใจในผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องหอมมากกว่าผู้ชาย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม และความคาดหวังในการดูแลภาพลักษณ์
    • เพศชาย: ความสนใจในน้ำหอมในกลุ่มผู้ชายอาจเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากสังคมเปิดกว้างมากขึ้น และผู้ชายหันมาดูแลตัวเองและเสริมบุคลิกภาพมากขึ้น
  • ความสนใจตามช่วงอายุ:
    • 25 - 34 ปี: เป็นช่วงวัยทำงานตอนต้นถึงกลาง ซึ่งอาจมีกำลังซื้อสูงและให้ความสำคัญกับการสร้างความประทับใจและเสริมบุคลิกภาพในการทำงานและสังคม
    • 18 - 24 ปี: เป็นช่วงวัยรุ่นตอนปลายถึงวัยเริ่มต้นทำงาน ซึ่งเริ่มมีความสนใจในการสร้างภาพลักษณ์และอาจเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้น
    • 35 - 44 ปี: เป็นช่วงวัยทำงานที่มีความมั่นคงในระดับหนึ่ง แต่อาจมีเวลาในการสนใจเรื่องความงามน้อยลง หรืออาจมีน้ำหอมที่ใช้ประจำอยู่แล้ว
    • น้อยกว่า 18 ปี: กลุ่มนี้อาจยังไม่มีกำลังซื้อมากนัก หรือความสนใจอาจยังไม่ชัดเจนเท่ากลุ่มวัยที่โตกว่า
    • 45 ปีขึ้นไป: กลุ่มนี้อาจมีน้ำหอมที่ชื่นชอบและใช้เป็นประจำอยู่แล้ว หรือความสนใจในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาจลดลง

สรุปสัดส่วนประชากรที่สนใจแบบพอสังเขป: ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มผู้หญิง โดยเฉพาะในช่วงอายุ 25 - 34 ปี เป็นกลุ่มที่มีความสนใจในน้ำหอมมากที่สุด รองลงมาคือกลุ่มผู้หญิงอายุ 18 - 24 ปี และกลุ่มผู้ชายอายุ 25 - 34 ปี ผู้ประกอบการในตลาดน้ำหอมควรให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด

Step 4 - Summarize

data-research-insight-perfume-summary.jpg

น้ำหอมไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ที่มอบความหอม แต่ยังสะท้อนบุคลิก ไลฟ์สไตล์ และอารมณ์ของผู้ใช้ในแต่ละวัน การเลือกน้ำหอมจึงเปรียบได้กับการสื่อสารตัวตนโดยไม่ต้องเปล่งเสียงออกมา

จากการวิเคราะห์บทสนทนาบนโซเชียลมีเดีย พบว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่มีการพูดถึงน้ำหอมมากที่สุด ตามด้วย X (Twitter) และ TikTok โดยคำหลักที่ถูกใช้มากที่สุดในการพูดคุยคือน้ำหอม

ในด้านข้อมูลประชากรจะเห็นได้ว่าผู้หญิงให้ความสนใจในน้ำหอมมากกว่าผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 25 - 34 ปี ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เหตุผลที่ผู้บริโภคเลือกซื้อน้ำหอมคือ ความติดทนของกลิ่น ตามด้วยราคา ส่วนเรื่องแพ็กเกจจิ้งนั้นมีอิทธิพลน้อยที่สุด

ในส่วนกลิ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือกลิ่น Woody รองลงมาคือ Floral และ Citrus และยังมีกลุ่มกลิ่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจและมีโอกาสเติบโตในตลาด

สำหรับแบรนด์ไทยที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ Madame Fin ตามด้วย Janua และ Love Potion ส่วนฝั่งแบรนด์ต่างประเทศ Versace ครองอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ Dior และ Armani โดยเฉพาะบน TikTok การตลาดผ่าน Influencer มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความสนใจและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค

สุดท้ายนี้ ข้อมูลจาก Social Listening ช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรม ความชอบ และความคิดเห็นของลูกค้า เพื่อนำไปต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ วางกลยุทธ์การตลาด และสื่อสารอย่างตรงใจกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น

Step 5 - Make Solution & Idea

จุดประกายธุรกิจน้ำหอม สร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้ SME ไทย

สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม หรือ SME ไทยที่ต้องการต่อยอดและสร้างการเติบโตในตลาดที่มีเสน่ห์นี้ ข้อมูลจากการวิเคราะห์ Social Listening ข้างต้นได้ฉายภาพที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพื่อนำไปสู่แนวทางการดำเนินงานที่เฉียบคมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน

สำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจน้ำหอม อย่าลืม…..

  1. อย่าลืมศึกษาความต้องการของตลาดอย่างลึกซึ้ง: ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ "ความติดทนของกลิ่น" เป็นอันดับแรก และกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้หญิงในช่วงอายุ 25-34 ปี การทำความเข้าใจความต้องการและรสนิยมของกลุ่มนี้อย่างละเอียด จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง
  2. อย่าลืมสร้างความโดดเด่นของกลิ่น: ตลาดน้ำหอมมีการแข่งขันสูง การสร้างสรรค์กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ น่าจดจำ และแตกต่างจากคู่แข่ง จะเป็นหัวใจสำคัญในการดึงดูดผู้บริโภค ลองสำรวจและพัฒนาจากวัตถุดิบที่น่าสนใจ หรือสร้างเรื่องราวเบื้องหลังกลิ่นที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกและประสบการณ์ของผู้คน
  3. อย่าลืมให้ความสำคัญกับคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผล: แม้ว่าแพ็กเกจจะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อ แต่คุณภาพของน้ำหอมและความคุ้มค่าของราคายังคงมีความสำคัญ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ จะช่วยสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคง
  4. อย่าลืมใช้ประโยชน์จาก Social Media: แพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram และ TikTok เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างการรับรู้แบรนด์ และสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ รีวิวจากผู้ใช้จริง หรือการร่วมงานกับ Influencer สามารถสร้างกระแสและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้
  5. อย่าลืมสร้างตัวตนของแบรนด์ด้วย Storytelling ที่ทรงพลัง: นอกเหนือจากกลิ่นแล้ว การสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจให้กับแบรนด์ การสื่อถึงคุณค่าและเอกลักษณ์ที่แตกต่าง จะช่วยสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคและทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำ

สำหรับ SME ไทยที่ผลิตน้ำหอม อย่าลืม….

  1. อย่าลืมต่อยอดจากความนิยมของแบรนด์ไทย: ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า Madame Fin เป็นแบรนด์ไทยที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด การศึกษาปัจจัยความสำเร็จของแบรนด์เหล่านี้ และนำมาปรับใช้กับธุรกิจของคุณ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและแนวทางในการพัฒนา
  2. อย่าลืมพัฒนาคุณภาพและความติดทนของกลิ่น: การลงทุนในการพัฒนาสูตรน้ำหอมให้มีความติดทนนาน และมีคุณภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าสินค้านำเข้า จะเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
  3. อย่าลืมสร้างเครือข่ายและการ Collaboration: การร่วมมือกับ Influencer, บล็อกเกอร์ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ จะช่วยขยายการเข้าถึงและสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความงามและน้ำหอม ก็เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่ายและหาพันธมิตรทางธุรกิจ
  4. อย่าลืมรับฟังเสียงของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง: การทำ Social Listening และการเก็บ Feedback จากลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เข้าใจความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดได้อย่างลงตัว

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะรู้สึกว่ายังไม่พร้อมในการทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำหอม หรือไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร รวมถึงอาจจะยังไม่ชำนาญในบางแพลตฟอร์ม ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปหากให้เราช่วย เพราะ Sellsuki อยากพาธุรกิจของคุณโตไปกับเรานะ เรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร (WizeMoves Consult) ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย (WizeMoves e-Dis) บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,0000 บัญชี (LINE Agency) และอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ

สำหรับคนที่อยากเจาะลึก Data Research Insight เวอร์ชันเต็มของเดือนนี้ สามารถดาวน์โหลดฟรี เพียงลงทะเบียนด้านล่างนี้ได้เลย!

และเพื่อไม่ให้พลาดความรู้ และสาระสำคัญแบบนี้ก่อนใคร อย่าลืมกดติดตามน้องสุกิบนช่องทางต่างๆ เหล่านี้ Facebook, Youtube, Instagram และ TikTok 

แท็ก Data ResearchBrandingInfluencer Marketing

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article
Unlock the Power of Data
ดาวน์โหลดฟรี! คู่มือการวิจัยข้อมูล
เรียนรู้กลยุทธ์ เครื่องมือ และเคล็ดลับ
Unlock the Power of Data
ดาวน์โหลดฟรี! คู่มือการวิจัยข้อมูล
เรียนรู้กลยุทธ์ เครื่องมือ และเคล็ดลับ