Header-sellsuki.webp
S E L L S U K I
mdi_eye : 79 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

5 สัญญาณที่บอกว่า... ถึงเวลาต้องรีดีไซน์เว็บไซต์ของคุณแล้ว!

 

290525_5สัญญาณที่ต้องรีดีไซน์เว็บ.jpg

ทุกวันนี้ "เว็บไซต์" ไม่ได้เป็นแค่หน้าร้านออนไลน์ธรรมดาๆ อีกต่อไป แต่มันได้กลายเป็น "หัวใจสำคัญ" ของการทำธุรกิจออนไลน์ ที่สามารถเป็นเครื่องจักรในการช่วย ขายของ → เก็บข้อมูลลูกค้า → วิเคราะห์ → ยิงแคมเปญ → ปิดการขาย ได้ครบจบในที่เดียว

แต่เอ... เว็บไซต์ของคุณเนี่ย "พร้อม" กับบทบาทใหม่ที่สำคัญขนาดนี้แล้วหรือยัง? ลองมาเช็ก 5 ข้อนี้ดู ถ้าตรงเกิน 2 ข้อ... อาจจะถึงเวลาที่ต้องพิจารณารีดีไซน์เว็บไซต์ใหม่แล้ว เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ธุรกิจของคุณ "โตพุ่ง" แบบก้าวกระโดดเลยก็ได้!

1.เว็บไซต์ที่ทำได้แค่โชว์สินค้า แต่ไม่ได้เป็น MarTech

สมัยนี้ เว็บไซต์ไม่ได้มีหน้าที่แค่โชว์รูปสินค้าสวยๆ แล้วหวังให้คนกดซื้ออย่างเดียว แต่มันควรจะเป็น "หัวใจ" ของระบบ MarTech (Marketing Technology) ที่ช่วยให้เราสามารถ

  • รู้ว่าใครเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา: เหมือนมีพนักงานคอยสังเกตการณ์ลูกค้าที่เข้าร้านเลย! เราจะรู้ได้ว่าลูกค้ามาจากไหน สนใจสินค้าอะไรบ้าง ทำให้เราเข้าใจลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  • จดจำได้ว่าเขาสนใจอะไรเป็นพิเศษ: เว็บไซต์ที่ดีจะสามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมการเข้าชมสินค้าต่างๆ ได้ ทำให้เราเห็น "ความสนใจ" ของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ
  • ยิงแคมเปญกลับไปหาทันทีแบบอัตโนมัติ: พอเรารู้ว่าลูกค้าสนใจอะไร เว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับ MarTech จะสามารถส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังระบบการตลาดอื่นๆ เช่น LINE Official Account (LINE OA) หรือ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อยิงแคมเปญโฆษณา หรือข้อเสนอพิเศษที่ตรงใจลูกค้ากลับไปหาได้ทันทีแบบอัตโนมัติ ทำให้เพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น

พูดง่ายๆ ก็คือ เว็บไซต์ที่ครบเครื่องเรื่อง MarTech เนี่ย มันคือ "ระบบขายของอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง" 
ที่ทำงานแทนทีมงานของคุณได้เลย!

ถ้าเว็บไซต์ของคุณยังมีอาการเหล่านี้...

  • ไม่มีระบบวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน หรือมีแต่ใช้ยาก
  • ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ LINE OA, Chatbot หรือ CRM ไม่ได้
  • ไม่สามารถยิงแคมเปญการตลาดแบบอัตโนมัติไม่เป็น

แปลว่า... คุณกำลังเสียโอกาส (และยอดขาย!) ไปแบบเงียบๆ

4d482ce0-4abd-443f-aa22-a19e98334d7e.png

2.ดีไซน์โบราณ UX ใช้ยาก โดยเฉพาะในมือถือ

ลองหยิบมือถือคู่ใจขึ้นมาเปิดเว็บไซต์ของตัวเองดู แล้วลองสังเกตดูว่า...

  • ตัวหนังสือมันจิ๋วหลิว ต้องซูมแล้วซูมอีกไหม?
  • ปุ่มกดต่างๆ มันเล็ก กดไม่ค่อยโดน ต้องเล็งอยู่นานไหม?
  • ถ้ามีอาการเหล่านี้ล่ะก็... แปลว่าคุณอาจกำลัง "ผลักลูกค้าออกจากเว็บไซต์โดยไม่รู้ตัว"! ลองคิดดู ถ้าเราเข้าไปในร้านค้าแล้วหาอะไรไม่เจอ ทางเดินวกวน เราก็อยากจะออกไปหาร้านอื่นใช่ไหม? เว็บไซต์ก็เหมือนกันเลย

การปรับเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยได้เยอะ

  • ใช้ Responsive Design ที่ปรับอัตโนมัติตามหน้าจอ: หมายถึงว่า ไม่ว่าลูกค้าจะเข้าเว็บจากคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือมือถือ เว็บไซต์ของเราก็จะปรับขนาดและจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ให้เหมาะสมกับหน้าจอโดยอัตโนมัติ ทำให้ดูง่าย สบายตา และใช้งานสะดวก
  • ฟอนต์ ปุ่ม ฟอร์ม ต้องใหญ่พอและกดง่าย: ยิ่งปุ่ม CTA (Call to Action) เช่น "ซื้อเลย" หรือ "ติดต่อสอบถาม" ควรจะใหญ่และเด่นชัด เพื่อให้ลูกค้ากดง่าย ไม่ต้องเสียเวลาเล็ง
  • ดีไซน์ให้ดู "น่าเชื่อถือ" และ "ตรงกับแบรนด์": สีสัน รูปภาพ และองค์ประกอบต่างๆ ควรจะสะท้อนความเป็นแบรนด์ของคุณ ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยและวางใจ
     

จำไว้! เว็บไซต์ที่ดูดี ใช้ง่าย ไม่ต้องสอน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้แบบทันใจเลย!

a80f41e5-11df-4a3e-aac6-a83a289566f9.png

3.โหลดช้า หน่วง ล่มง่าย = เสียลูกค้าทั้งก้อน

"เว็บไซต์ช้า" ไม่ใช่แค่ทำให้หงุดหงิด แต่มันคือ "อุปสรรคตัวร้าย" ที่ทำให้ลูกค้าหายไปก่อนที่จะเห็นสินค้าของคุณด้วยซ้ำไป! ลูกค้าสมัยนี้ใจร้อน รอไม่ถึง 3 วินาทีก็อาจจะปิดไปเว็บอื่นแล้ว!

เคสที่พบบ่อยๆ ก็คือ

  • ยิงแอดแล้วคนแห่เข้า แต่เว็บไซต์เปิดไม่ทัน: แอดมินยิงโฆษณาไปแล้ว คนคลิกเข้ามาเยอะแยะ แต่เว็บค้าง โหลดช้า ลูกค้าก็หงุดหงิด ปิดหนีไปหมด เสียทั้งค่าโฆษณา เสียทั้งโอกาส
  • หน้า Checkout โหลดไม่ขึ้นตอนจะจ่ายเงิน: ลูกค้าตัดสินใจซื้อแล้ว พอถึงขั้นตอนจ่ายเงิน หน้าเว็บกลับโหลดไม่ขึ้น หรือล่มไปดื้อๆ นี่คือโอกาสปิดการขายที่หลุดลอยไปเลย!
  • ระบบหลังบ้านค้างตอนพีคพอดี: เช่น ช่วงโปรโมชั่นใหญ่ๆ หรือเทศกาลลดกระหน่ำ แล้วระบบจัดการหลังบ้านค้าง จะดูออเดอร์ก็ไม่ได้ จะจัดการสต็อกก็ไม่ได้ วุ่นวายไปหมดเลย
     

สิ่งที่ควรทำเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้

  • ปรับเว็บไซต์ให้รองรับคนเข้าเยอะๆ แบบไม่พัง (Scalable): "Scalable" ก็คือความสามารถของระบบเว็บไซต์ที่จะสามารถขยายตัวรองรับผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นได้โดยที่ระบบยังคงทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ล่มง่ายๆ
  • ใช้ CDN (Content Delivery Network), Caching และโฮสต์ที่ "อึด ถึก ทน":
    • CDN: เหมือนมีคลังสินค้ากระจายอยู่ทั่วโลก เวลาลูกค้าเข้าเว็บ ข้อมูลก็จะถูกส่งมาจากคลังที่ใกล้ที่สุด ทำให้โหลดเร็วขึ้นมาก
    • Caching: เป็นการเก็บข้อมูลที่ใช้งานบ่อยๆ ไว้ชั่วคราว เพื่อเวลาลูกค้าเข้ามาครั้งต่อไป เว็บไซต์ก็ไม่จำเป็นต้องประมวลผลใหม่ทั้งหมด ทำให้โหลดเร็วขึ้น
    • โฮสต์ที่อึด ถึก ทน: คือบริการที่เก็บข้อมูลเว็บไซต์ของเราไว้บนเซิร์ฟเวอร์ที่เสถียร มีประสิทธิภาพสูง ทำให้เว็บไซต์ไม่ล่มง่ายๆ ไม่ว่าจะคนเข้าเยอะแค่ไหน
  • ตัดปลั๊กอินหรือโค้ดที่ไม่จำเป็นออก: บางทีการมีปลั๊กอินหรือโค้ดที่มากเกินไป หรือไม่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสม ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้าได้
     

จำไว้! เว็บไซต์ที่ "ลื่นทุกจังหวะ" จะช่วยให้คุณ ไม่พลาดทุกโอกาสทอง ในการสร้างยอดขายเลย!

384b01a8-dcd4-4904-be4a-4ab80a2c7e40.png

4.ค้นหาใน Google แล้วไม่เจอเว็บตัวเองเลย!?

การทำ SEO (Search Engine Optimization) ไม่ใช่ของแถม แต่มันคือ "ด่านหน้า" ที่ลูกค้าจะเจอธุรกิจของคุณก่อนใคร เลย! ถ้าพิมพ์ชื่อสินค้าที่คุณขายแล้วไม่ติดอันดับการค้นหาบน Google แปลว่า... คุณกำลัง "เสียลูกค้าให้คู่แข่งฟรีๆ" ทุกวัน เลย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลผ่าน Google และมักจะคลิกเข้าชมเว็บไซต์ที่อยู่อันดับต้นๆ

ปรับยังไงให้ SEO ของเว็บไซต์ดีขึ้น

  • วางโครงสร้างเว็บไซต์ให้ Google เข้าใจง่าย (URL, Meta tag, H1):
    • URL (Uniform Resource Locator): คือที่อยู่ของเว็บไซต์ ควรจะสั้น กระชับ และสื่อความหมาย
    • Meta tag: เป็นข้อมูลย่อๆ ที่บอก Google ว่าหน้านี้เกี่ยวกับอะไร จะแสดงผลในหน้าค้นหาของ Google
    • H1 (Heading 1): คือหัวข้อหลักของหน้านั้นๆ ควรมี Keyword หลักอยู่ด้วย เพื่อให้ Google เข้าใจว่าหน้านี้เน้นเรื่องอะไรเป็นพิเศษ
  • ใช้คีย์เวิร์ด (Keyword) ที่คนค้นหาจริงๆ ไม่ใช่แค่ที่เราคิดเอง: ต้องมีการวิเคราะห์ว่าลูกค้าค้นหาคำว่าอะไรบ้าง เพื่อนำมาปรับใช้ในเนื้อหาเว็บไซต์
  • เขียนคอนเทนต์ หรือหน้า Landing Page ที่ "ตอบคำถามลูกค้า": คอนเทนต์ที่ดีไม่ได้แค่โชว์สินค้า แต่ต้องให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แก้ปัญหา หรือตอบคำถามที่ลูกค้าสงสัย จะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเรามีประโยชน์และมีคุณภาพ
  • ผสาน SEO กับ MarTech เช่น การเก็บ Leads หรือยิงแคมเปญกลับไปหา: เมื่อลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์จากการค้นหา เราก็สามารถใช้ MarTech ในการเก็บข้อมูลการเข้าชม หรือข้อมูลติดต่อ เพื่อนำไปยิงแคมเปญการตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมายในอนาคตได้
     

จำไว้! SEO ที่ดี = ลูกค้าใหม่เข้าทุกวัน โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเพิ่มเลย!

2a148b12-f21a-461b-a9f7-6dea32aa985a.png

5.เว็บไม่มี "ความน่าเชื่อถือ" ไม่เหมือนแบรนด์มืออาชีพ

แม้ว่าลูกค้าจะรู้จักแบรนด์ของคุณดีแค่ไหน แต่ถ้า "เว็บไซต์ของคุณดูไม่น่าไว้ใจ" พวกเขาก็อาจจะเปลี่ยนใจไปหาคู่แข่งที่ดูมีความเป็นมืออาชีพมากกว่าทันที! เพราะในโลกออนไลน์ "ภาพลักษณ์" บนเว็บไซต์ คือความน่าเชื่อถืออันดับแรกของแบรนด์

อาการที่พบบ่อยๆ ที่ทำให้เว็บไซต์ดูไม่น่าเชื่อถือ

  • ดีไซน์เว็บไซต์ดูเก่า โลโก้แตก รูปภาพไม่ชัดเจน
  • ไม่มีรีวิวจากลูกค้าจริง หรือ Social Proof อื่นๆ เช่น รางวัลที่ได้รับ หรือโลโก้พาร์ทเนอร์ที่น่าเชื่อถือ
  • ไม่มีหน้าแสดงข้อมูลบริษัทที่ชัดเจน หรือช่องทางการติดต่อที่ครบถ้วน
  • เว็บไซต์ไม่ใช้ SSL / HTTPS (เว็บขึ้นว่า "ไม่ปลอดภัย!" ที่แถบ Address Bar)
    • HTTPS (Hypertext Transfer Protocol Secure) และ SSL Certificate (Secure Sockets Layer) คือโปรโตคอลความปลอดภัยที่ช่วยเข้ารหัสข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับเว็บไซต์ ทำให้ข้อมูลที่ส่งผ่านกันเป็นความลับ ไม่สามารถถูกดักจับไปได้ง่ายๆ การมี HTTPS จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าโดยเฉพาะเวลาที่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลบัตรเครดิต
  • ไม่อัปเดตเนื้อหา ยังคงค้างโปรโมชั่นเก่าๆ ตั้งแต่ปีมะโว้!
     

ผลกระทบที่เกิดขึ้น

  • ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน จะเกิดความลังเล ไม่กล้ากดซื้อสินค้าหรือบริการ
    แม้สินค้าจะดีแค่ไหน แต่ถ้าเว็บไซต์ไม่น่าเชื่อถือ ก็อาจทำให้พลาดโอกาสในการขายไปอย่างน่าเสียดาย
     

จะทำยังไงให้เว็บไซต์ดูน่าเชื่อถือขึ้น

  • ออกแบบเว็บไซต์ให้ "ดูมืออาชีพ" ทันสมัย และใช้งานง่าย
  • ใส่รีวิวจากลูกค้าจริง หรือโลโก้พาร์ทเนอร์ที่น่าเชื่อถือบนเว็บไซต์
  • สร้างหน้า "เกี่ยวกับเรา" และ "ช่องทางติดต่อ" ที่ชัดเจนและครบถ้วน
  • ใช้ HTTPS และระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆ เพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า
     

ถึงตรงนี้... คุณเริ่มเห็นภาพแล้วใช่ไหม? การรีดีไซน์เว็บไซต์ไม่ใช่แค่เรื่องของ "ความสวยงาม" เท่านั้น แต่มันคือการ "ยกเครื่องระบบธุรกิจ" ให้ทันโลก และพร้อมที่จะเติบโตในทุกมิติเลย!

เว็บไซต์ที่ดีต้อง

  • ใช้งานง่ายทุกหน้าจอ ไม่ว่าจะจากมือถือหรือคอมพิวเตอร์
  • โหลดไว ลื่นไหล ไม่มีสะดุด ทำให้ลูกค้าไม่หงุดหงิด
  • ช่วยทีมการตลาดเก็บข้อมูลลูกค้า และยิงแคมเปญได้อย่างแม่นยำ
  • สามารถปรับเปลี่ยนหรืออัปเดตข้อมูลเองได้ง่ายๆ
    และที่สำคัญที่สุด... ดึงดูดลูกค้าได้จริง และเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าได้
     

ถ้าคุณกำลังเจอปัญหาเหล่านี้ในเว็บไซต์ของตัวเองอยู่ล่ะก็... นี่อาจเป็น "จังหวะที่ดีที่สุด" ที่จะเปลี่ยนมันใหม่ให้กลายเป็น เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดของธุรกิจคุณ เลย!


อยากรีดีไซน์เว็บไซต์ใหม่ใช่ไหม?

ให้ Wizemoves Martech ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด!

✅ เชื่อมต่อ MarTech ได้เต็มระบบ 
✅ เก็บข้อมูลลูกค้าได้อัตโนมัติ 
✅ ส่งแคมเปญได้อย่างแม่นยำแบบมืออาชีพ 
✅ และช่วยสร้างยอดขายอย่างยั่งยืน

WizeMoves_Blog_CTA

แท็ก e-CommerceTechnologyWebsite

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article