Header-sellsuki.webp
S E L L S U K I
mdi_eye : 25 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

บริการแพ็คของและจัดส่งสินค้าแบบมืออาชีพ ทำไมต้องใช้ Fulfillment?

บริการแพ็คของและจัดส่งสินค้ามืออาชีพ รูปในบทความ.webp

บริการแพ็คของและจัดส่งสินค้าแบบมืออาชีพ ทำไมธุรกิจที่โตไวถึงเลือกใช้ Fulfillment?

เพราะลูกค้าไม่ได้แค่ “ซื้อสินค้า” — แต่เขาซื้อ “ประสบการณ์ที่ดี” ด้วย

ในยุคที่ทุกอย่างสั่งได้แค่ปลายนิ้ว ลูกค้าคุ้นชินกับการ “สั่งวันนี้ ได้พรุ่งนี้” และคาดหวังว่าพัสดุที่จัดส่งมาถึงมือ จะได้รับการแบบแพ็คอย่างแน่นหนาและเรียบร้อย ถ้าส่งของช้า แพ็คไม่ดี หรือส่งผิดรุ่น ความประทับใจของลูกค้าก็น้อยลง และยอดขายก็อาจหายไปด้วย การแพ็คของและจัดส่งจึงไม่ใช่แค่เรื่องหลังบ้านธรรมดา แต่กลายเป็น “หัวใจสำคัญ” ของธุรกิจ E-Commerce โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่คู่แข่งมากขึ้น และลูกค้ามีความรู้สึกคาดหวังคุณภาพในการจัดส่งมากยิ่งขึ้น 

บริการแพ็คของและบริการส่งของ สำคัญแค่ไหน?

การแพ็คสินค้าไม่ได้แค่เพื่อความเรียบร้อย แต่มันสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ ความใส่ใจ และคุณภาพของบริการที่ลูกค้าจะได้รับ

  • หากสินค้าถูกแพ็คหลวมๆจนเสียหาย = ลูกค้าเสียความเชื่อมั่น
  • หากลืมใส่ของแถม หรือส่งสินค้าผิด = ลูกค้าก็อาจ “ไม่กลับมา” อีกเลย
  • หากจัดส่งล่าช้ากว่าที่แจ้งไว้ = ลูกค้าไม่พอใจ อาจย้ายไปซื้อจากร้านคู่แข่ง รวมถึงอาจจะส่งผลเสียเรื่อง SLA กับทางแพลตฟอร์มขายของออนไลน์

การเลือกใช้ บริการแพ็คของแบบมืออาชีพ จึงไม่ใช่แค่ความสะดวก แต่คือการลงทุนใน “ความสัมพันธ์ระยะยาว” กับลูกค้า

SLA คืออะไร? สำคัญยังไงกับธุรกิจ E-Commerce ใน Marketplace

SLA หรือ Service Level Agreement คือข้อตกลงเรื่องคุณภาพบริการ ที่แพลตฟอร์ม E-Commerce อย่าง Shopee, Lazada, TikTok Shop ฯลฯ ใช้เป็นเกณฑ์วัดว่า "ร้านค้าของคุณให้บริการดีแค่ไหน"

ตัวอย่าง SLA ที่สำคัญใน Marketplace

  • LSR (Late Shipment Rate) อัตราการจัดส่งสินค้าล่าช้า
    • เกณฑ์ขั้นต่ำ < 10% ถ้าไม่ผ่านจะเกิดอะไร? > ได้รับคะแนนพฤติกรรม และอาจถูกระงับสิทธิประโยชน์ในการขายรวมไปถึงร้านค้าอาจโดนระงบการใช้งานได้
  • NFR (Non-Fulfilment Rate) คืออัตราการจัดส่งสินค้าไม่สำเร็จ
    • เกณฑ์ขั้นต่ำ ≤ 10% ถ้าไม่ผ่านจะเกิดอะไร? > ได้รับคะแนนพฤติกรรม และอาจถูกระงับสิทธิประโยชน์ในการขาย

ฟังดูอาจเป็นเรื่องทางเทคนิค แต่ SLA มีผลโดยตรงต่อรายได้, ความน่าเชื่อถือ และการมองเห็นร้านของคุณในระบบโดยตรงเลยทีเดียว ถ้าคุณ “แพ็คของช้า จัดส่งไม่ทัน หรือจัดส่งไม่สำเร็จ” อยู่บ่อยๆ ระบบ Marketplace จะลดสิทธิประโยชน์ในการขาย หรืออาจถึงขั้นระงับการขายร้านของคุณ

บริการแพ็คของและบริการส่งของแบบมืออาชีพ มีขั้นตอนยังไงบ้าง?

แม้หลายคนจะเข้าใจว่า “การแพ็คของ” คือแค่ห่อของ ใส่กล่อง แล้วติดชื่อคนรับ แต่ในระบบบริการแพ็คของและส่งของแบบมืออาชีพที่ใช้ใน Fulfillment นั้น จะมีขั้นตอนที่ละเอียดและแม่นยำกว่านั้นมาก เพื่อให้ทุก ออเดอร์ถูกต้อง ตรงเวลา และส่งถึงมือผู้รับอย่างประทับใจ ซึ่งขั้นตอนบริการแพ็คของและบริการส่งสินค้าแบบมือาชีพจะมีขั้นตอนดังนี้

1. รับออเดอร์เข้าสู่ระบบ

เมื่อมีคำสั่งซื้อจาก Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือเว็บไซต์ของคุณ ระบบของ Fulfillment จะเชื่อมต่ออัตโนมัติ และดึงข้อมูลคำสั่งซื้อเข้าสู่แดชบอร์ดรวม โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลมือหรือคัดลอกจากหลายช่องทาง

2. หยิบสินค้า (Picking)

เจ้าหน้าที่จะเดินไปยังคลังเพื่อหยิบสินค้าตามออเดอร์ ด้วยระบบแผนผังที่แยกโซนชัดเจน และสแกนบาร์โค้ดทุกชิ้น เพื่อป้องกันการหยิบผิดรุ่น ผิดสี ผิดไซซ์

3. แพ็คสินค้า (Packing)  

เมื่อสินค้าถูกหยิบมาครบเรียบร้อยแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการแพ็คสินค้าอย่างมืออาชีพ โดยจะเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้า เช่น                                                                                                                

  • ห่อบับเบิลกันกระแทก สำหรับสินค้าที่บอบบางแตกง่าย อย่างเช่น แก้ว จาน
  • ใส่ถุงแบรนด์หรือกล่องพรีเมียม สำหรับสินค้าที่มีความต้องการพิเศษ อย่างเช่น เสื้อผ้า
  • แนบใบเสร็จ / คู่มือ / ใบปลิวโปรโมชัน
  • ผูกเชือก / ใส่ของแถมตามแคมเปญ

4. พิมพ์ใบปะหน้าและเชื่อมขนส่ง (Label & Shipping)

ระบบจะพิมพ์ใบปะหน้า (Shipping Label) ที่มีชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร และ Tracking พร้อมโลโก้ขนส่ง

จากนั้นระบบจะทำการ “จองรอบส่ง” กับบริษัทขนส่ง เช่น Flash, Kerry, J&T, ไปรษณีย์ไทย ฯลฯ

โดยเลือกขนส่งที่เร็วที่สุดตามปลายทางและน้ำหนัก

5. ส่งของออกจากคลังและแจ้ง Tracking อัตโนมัติ

หลังจากจัดส่งแล้ว ระบบจะส่ง SMS / อีเมล / ข้อความแจ้งเลข Tracking ให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติ

คุณไม่ต้องคัดลอกเลข Tracking ส่งเอง

เปรียบเทียบ: แพ็คสินค้าเอง VS ใช้บริการ Fulfillment แบบมืออาชีพ

บริการแพ็คของและจัดส่งสินค้ามืออาชีพ รูปในบทความ2.webp

แม้การแพ็คของเองจะดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาๆ ของคนขายของออนไลน์ แต่เมื่อยอดขายเริ่มเพิ่มขึ้น  งานที่ดูเหมือนจะจัดการได้ ก็อาจกลายเป็นเรื่องวุ่นๆ ที่ทำให้คุณ “หมดแรงก่อนโต” เราลองมาดูกันแบบชัด ๆ ว่า การแพ็คเอง กับ การใช้บริการ Fulfillment ต่างกันตรงไหน และผลกระทบจากความแตกต่างเหล่านี้ กระทบต่อ “ความไว้วางใจของลูกค้า” อย่างไรบ้าง

ประเด็นสำคัญ

แพ็คสินค้าเอง

ใช้บริการ Fulfillment 

แบบมืออาชีพ

เวลา/แรงงานต้องแพ็คเอง หรือจ้างคนช่วยช่วงสั้น ๆ เสียเวลาหลังเลิกงานมีทีมงานประจำจัดการให้ทั้งหมดคุณมีเวลาทำการตลาดหรือพัฒนาสินค้าแทน
ความถูกต้องในการจัดส่งเสี่ยงแพ็คผิด หยิบของผิด หรือลืมของแถมมีระบบตรวจสอบหลายชั้น (การสแกนบาร์โค้ด, แพ็คตามระบบ)
คุณภาพของการแพ็คสินค้ากล่อง/ถุงอาจหลากหลาย ไม่สม่ำเสมอแพ็คอย่างมืออาชีพ มีวัสดุกันกระแทก ซองแบรนด์ กล่องพรีเมียม
ความเร็วในการส่งสินค้าส่งได้วันละจำกัด ขึ้นอยู่กับเวลาว่างและขนส่งแพ็ค-ส่งตาม SLA ที่กำหนดไว้ ส่งได้หลายร้อยออเดอร์ต่อวัน
ความคงเส้นคงวา (Consistency)แล้วแต่วัน แล้วแต่คนแพ็คทุกออเดอร์เป็นไปตามขั้นตอนมาตรฐานเดิม
การรองรับช่วงออเดอร์พีคช่วง Flash Sale จัดไม่ทัน ออเดอร์ตกหล่นFulfillment มีทีมรองรับ, ระบบวางแผนสต็อก,   จัดส่งทันเวลา
ต้นทุนรวมทั้งหมดดูเหมือนถูก แต่มีต้นทุนแฝง (ค่าแรง ค่าอุปกรณ์ ความผิดพลาด)จ่ายตามการใช้จริง ไม่ต้องแบกรับต้นทุนพนักงาน ต้นทุนอุปกรณ์
ภาพลักษณ์แบรนด์พัสดุอาจดูธรรมดา ไม่สื่อถึงแบรนด์พัสดุแพ็คสวย ตรงตามแบรนด์ ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของแบรนด์

 

จะเห็นได้ว่าการใช้บริการแพ็คสินค้าและจัดส่งแบบมืออาชีพ (Fullfiment) สามารถช่วยให้ทุกการส่งสินค้าของคุณเป็นเรื่องง่ายๆ และไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ยกระดับการให้บริการของคุณสร้างยอดขายพร้อมทั้งลดต้นทุนไปพร้อมๆกัน

 

สนใจใช้งาน Akita ระบบ Fulfillment ที่ช่วยให้เรื่องหลังบ้านเป็นเรื่องที่ “ง่ายขึ้น” 

หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Website : บริการระบบคลังสินค้า เก็บ แพ็ก ส่ง Akita | Sellsuki

แท็ก e-CommerceFulfillment

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article