สร้าง Content 2025 ให้ปังและขายได้: เคล็ดลับที่แบรนด์ต้องรู้
ในปี 2025 คอนเทนต์ (Content) ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ขนาดเล็กหรือใหญ่ คอนเทนต์ไม่ใช่แค่การสื่อสารเพื่อขายสินค้าอีกต่อไป แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า สร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำในใจผู้บริโภค การสร้างคอนเทนต์จึงต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และนำเทรนด์ใหม่ๆ มาปรับใช้ให้ทันท่วงที บทความนี้จะเจาะลึก 6 กลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์ที่ทั้งปังและทำยอดขายได้อย่างยั่งยืน
กลยุทธ์ที่ 1: Content ที่เข้าถึง “Micro-Moments” ของลูกค้า
เจาะจุดเล็กๆ ในชีวิตประจำวันที่ลูกค้าต้องการคำตอบทันที
ลองนึกภาพตามว่าเมื่อไหร่ที่คุณหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา? ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่คุณมีความต้องการบางอย่างเกิดขึ้นทันที เช่น "อยากหาข้อมูล" "อยากไปที่ไหนสักแห่ง" "อยากทำอะไรบางอย่าง" หรือ "อยากซื้อสินค้า" ช่วงเวลาเหล่านี้คือ “Micro-Moments” ที่เกิดขึ้นนับไม่ถ้วนทุกวัน Micro-Moments ไม่ใช่แค่ “ลูกค้าหาข้อมูล” แต่คือ ช่วงเวลาที่พฤติกรรมเปลี่ยนเป็น Action ได้ทันที และนี่คือโอกาสทองของแบรนด์ที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า
- ทำยังไงถึงจะจับ Micro - Moments ของลูกค้าได้
- ลองใช้เครื่องมืออย่าง Google Trends หรือ Social Media Listening เพื่อวิเคราะห์ว่าลูกค้าของคุณมีคำถามหรือความต้องการอะไรบ้างที่เกิดขึ้นบ่อยๆ
- Mapping Customer Journey: เอา Moment มาวางใน Funnel Awareness (อยากรู้), Consideration (อยากเปรียบเทียบ), Conversion (อยากซื้อ)
เช่น "วิธีทำความสะอาดรองเท้าผ้าใบ" "ร้านกาแฟบรรยากาศดีใกล้ฉัน" หรือ "เสื้อยืดที่เหมาะกับการใส่ไปเที่ยวทะเล" จากนั้นจึงสร้างcontentที่ตอบคำถามเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมาและรวดเร็ว
- วิธีทำคอนเทนต์สำหรับ Micro-Moments:
ตัวอย่างการทำ Content:
- อาหารเสริม : คลิป 15 วิ “วิตามิน D กินเวลาไหนดี?” แทรกลิงก์สั่งซื้อทันที
และถ้าอยากต่อยอด ลองใช้ Influencer มารีวิวสินค้าในชีวิตประจำวัน จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและกระตุ้นยอดขายได้จริง อ่านเพิ่มเติม: หา Influencer โปรโมทอาหารเสริมอย่างไรให้ขายดี
- ร้านอาหาร : TikTok “5 เมนูห้ามพลาดที่ร้านเรา” แทรก Map location
Tips :
- ทำContentสั้นๆ ให้จบในไม่กี่วินาที : ผู้บริโภคไม่มีเวลามากนัก คอนเทนต์ ควรสั้น กระชับ และสื่อสารได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอ 15-30 วินาที, Infographic, หรือบทความสั้นๆ ที่มี Bullet Points เข้าใจง่าย
กลยุทธ์ที่ 2: Short-Form Video Content คือคีย์สำคัญ
TikTok, Reels, Shorts: ทำยังไงให้คนหยุดสไลด์แล้วดูคอนเทนต์คุณ
การเกิดขึ้นของแพลตฟอร์มอย่าง TikTok, Instagram Reels และ YouTube Shorts ทำให้วิดีโอสั้นกลายเป็นรูปแบบContentที่ทรงอิทธิพลที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถดึงดูดความสนใจและสร้างการรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว
วิธี ทํา คอน เท น ต์ Short-Form Video ให้ปัง:
- สร้าง Hook ใน 3 วินาทีแรก
: ผู้ชมจะตัดสินใจว่าจะดูต่อในเวลาเพียง 3 วิแรก ดังนั้น Hook ต้องดึงดูดความสนใจทันที อาจจะเป็นประโยคคำถามที่กระตุ้นความอยากรู้ เช่น คำถามแรง, Fact ชวนตกใจ, ภาพ Before/After - 30 วินาทีถัดไป
: เนื้อหาหลัก สั้น ตรงจุดเดียว เช่น รีวิว, วิธีใช้, Challenge - 3 วินาทีสุดท้าย
: CTA ชัดเจน เช่น “สั่งที่ลิงก์”, “กดติดตามรับสูตรเพิ่ม” - ใช้รูปแบบ Content ที่หลากหลาย
:เช่น วิดีโอให้ความรู้ (Edutainment), วิดีโอเบื้องหลัง (Behind-the-scenes), วิดีโอรีวิวสินค้า, วิดีโอเล่าเรื่อง (Storytelling) หรือการทำ Challenge สนุกๆ ที่ให้ผู้ชมเข้ามามีส่วนร่วม
Tips :
- ใช้ Subtitles Dynamic : ตัวหนังสือเด้งตามคำพูด (เพิ่ม retention rate ~12–15%)
- ทำ Series Content : เช่น “คอนเทนต์วันละ 1 ทริค” → Algorithm จะป้อนต่อเนื่อง
กลยุทธ์ที่ 3: Personalization Content ทำให้ลูกค้ารู้สึกเฉพาะตัว
แนะนำ Content และสินค้าเฉพาะลูกค้าแต่ละคน
ผู้บริโภคในยุคนี้ต้องการรู้สึกว่า แบรนด์เข้าใจและเห็นคุณค่าของพวกเขา การทำ Personalization หรือการปรับแต่งContent ให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคนจึงมีความจำเป็นอย่างมากในการทำคอนเทนต์
วิธีทำคอนเทนต์แบบ Personalization:
- ใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน
: ใช้ข้อมูลการซื้อ, ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์, หรือสินค้าที่เคยสนใจ สร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจ เช่น ส่งอีเมลแนะนำสินค้าที่ลูกค้าเคยใส่ตะกร้าแต่ยังไม่ได้ซื้อ, แสดงโฆษณาใน Facebook ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ลูกค้าเคยค้นหา - แบ่งกลุ่มลูกค้า (Segmentation)
: หากยังไม่สามารถทำ Personalization ได้ในระดับรายบุคคล ให้เริ่มต้นจากการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมหรือความสนใจ แล้วสร้าง Content ที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มคนที่ชอบออกกำลังกายก็จะได้รับคอนเทนต์เกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬาและเทคนิคการดูแลสุขภาพ
Tips :
- อย่าทำเกิน เช่น ส่ง Notification วันละ 3–4 ครั้ง ลูกค้าจะ uninstall
หากคุณไม่มั่นใจในการทำ Content แบบ Personalization เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดที่ช่วยคุณวิเคราะห์และแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด ไม่ใช่แค่ตามอายุหรือเพศ แต่เจาะลึกไปถึงพฤติกรรม ความสนใจ และเส้นทางการซื้อ เพื่อสร้างคอนเทนต์และประสบการณ์แบบ Personalization ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ของคุณ ‘เข้าใจเขาจริง ๆ’ และพร้อมมอบสิ่งที่ตรงใจที่สุด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรา
กลยุทธ์ที่ 4: Interactive Content = Engagement + Data
Content ที่ “ให้ลูกค้ามีส่วนร่วม” = ได้ Engagement + ได้ Insight ฟรี
Content ที่ให้ผู้ชมมีส่วนร่วมหรือ Interactive Content เป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมในการเพิ่ม Engagement และที่สำคัญที่สุดคือการ เก็บข้อมูลเชิงลึก (Insight) ของลูกค้าได้อีกด้วย
วิธีทำคอนเทนต์แบบ Interactive Content ที่น่าสนใจ:
- Quiz
: “คุณเหมาะกับอาหารเสริมแบบไหน?” เก็บข้อมูล lifestyle + lead - Poll
: “อยากได้รสใหม่อะไร?” ใช้เป็น product research - Challenge
: ชวนลูกค้ามาทำ Challenge ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ เช่น "Challenge ถ่ายรูปกับเมนูสุดโปรดจากร้านของเรา" - UGC (User-Generated Content)
: กระตุ้นให้ลูกค้าสร้างคอนเทนต์เอง เช่น ให้ถ่ายรูปหรือวิดีโอรีวิวสินค้าแล้วติดแฮชแท็กของแบรนด์ เพื่อให้คุณสามารถนำคอนเทนต์เหล่านั้นไปใช้ต่อได้
กลยุทธที่ 5: Storytelling Content แบบใหม่: Beyond Selling
แบ่งปันเบื้องหลังสินค้า, ทีมงาน, ความสำเร็จลูกค้า
การเล่าเรื่องราวของแบรนด์สามารถสร้างความผูกพันและแรงบันดาลใจให้ลูกค้า การทำ Storytelling ไม่ใช่แค่การบอกว่าสินค้าคุณดีอย่างไร แต่เป็นการสร้างอารมณ์และคุณค่าทางจิตใจ
วิธีทำคอนเทนต์ เล่าเรื่องให้แบรนด์ถูกจดจำ:
- เล่าเรื่องราวเบื้องหลัง
: พาผู้ชมไปดูเบื้องหลังการทำงาน ตั้งแต่กระบวนการผลิต, ที่มาของวัตถุดิบ, หรือความตั้งใจของทีมงานที่ทุ่มเทเพื่อสร้างสรรค์สินค้าที่ดีที่สุด - แบ่งปันความสำเร็จของลูกค้า
: แทนที่จะเล่าว่าสินค้าคุณดีแค่ไหน ให้เล่าเรื่องราวของลูกค้าที่ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากใช้สินค้าของคุณ จะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่า - แสดงคุณค่าและจุดยืนของแบรนด์
: เล่าว่าแบรนด์ของคุณมีแนวคิดหรือความเชื่ออย่างไรในการดำเนินธุรกิจ เช่น การรักษาสิ่งแวดล้อม, การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น, หรือการให้โอกาสคนชายขอบ
กลยุทธ์ที่ 6: Data-driven Content: วัดผลแล้วปรับแบบทันที
Metrics ที่สำคัญ: CTR, Engagement, Conversion
การทำ Content ที่ไม่มีการวัดผลก็เหมือนการยิงธนูโดยไม่เล็งเป้าหมาย การใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนจะช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์ที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Metrics ที่สำคัญสำหรับการวัดผลคอนเทนต์:
- Click-Through Rate (CTR)
: อัตราส่วนของจำนวนคนที่คลิกเข้าชมคอนเทนต์ต่อจำนวนคนที่เห็นคอนเทนต์นั้นๆ ยิ่งสูงยิ่งดี - Engagement Rate
: อัตราส่วนของการมีส่วนร่วม เช่น การกดไลก์ คอมเมนต์ แชร์ หรือบันทึกโพสต์ ยิ่งสูงยิ่งแสดงว่าคอนเทนต์นั้นโดนใจผู้ชม - Conversion Rate
: อัตราส่วนของผู้ชมที่ทำตามเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ เช่น การซื้อสินค้า, การสมัครสมาชิก, หรือการกรอกฟอร์ม
เทคนิค A/B Testing:
- A/B Testing คือการสร้างContent 2 เวอร์ชั่นที่แตกต่างกันเล็กน้อยเพื่อทดสอบว่าแบบไหนมีประสิทธิภาพกว่า เช่น ทดสอบหัวข้อบทความ 2 แบบ, ภาพหน้าปกวิดีโอ 2 แบบ, หรือข้อความ Call-to-action 2 แบบ จากนั้นจึงเลือกใช้เวอร์ชั่นที่ทำได้ดีกว่า
สรุป: สร้างContent แห่งอนาคตไม่ใช่เรื่องยาก
การสร้างContent ที่ประสบความสำเร็จในปี 2025 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่สูงลิ่ว แต่ขึ้นอยู่กับ ความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค และ ความสามารถในการปรับตัว ให้เข้ากับเทรนด์ใหม่ๆ หากคุณสามารถนำ 6 กลยุทธ์นี้ไปปรับใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ Micro-Moments, การใช้ Short-Form Video, การทำ Personalization, การสร้าง Interactive Content, การเล่าเรื่องแบบใหม่, และการใช้ข้อมูลในการวัดผล คุณก็จะมีเครื่องมือในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและยั่งยืนในยุคดิจิทัลได้อย่างแน่นอน
อยากทำคอนเทนต์ให้ปังแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน? WizeMoves Consult ช่วยครบ ตั้งแต่คิดคอนเทนต์ วางแพลตฟอร์ม ไปจนถึง Tracking และวิเคราะห์ผลลัพธ์จริง ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับกลยุทธ์ต่อได้จริง ไม่ต้องเดาสุ่ม ไม่ต้องลองผิดลองถูกซ้ำซ้อน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านคอนเทนต์ ฟรี 30 นาที
หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือ WizeMoves Consult ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย หรือ WizeMoves e-Dis บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี พร้อมด้วย Akita Fulfillment บริการคลังสินค้าครบวงจร และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ