mdi_eye : 12 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

CPAS คืออะไร วิธียิงโฆษณา CPAS บน Facebook ฉบับ Step-by-Step

วิธียิงโฆษณา CPAS บน Facebook ฉบับ Step-by-Step
วิธียิงโฆษณา CPAS บน Facebook

ยินดีด้วยที่คุณตัดสินใจมาถูกทางแล้ว! ในคู่มือฉบับนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกทุกขั้นตอนการติดตั้งและยิงโฆษณา CPAS เพื่อให้ร้านค้า Marketplace ของคุณเข้าถึงลูกค้าได้ก้าวกระโดด

ถ้าอยากเพิ่มยอดขายใน Shopee หรือ Lazada แค่รอลูกค้าเข้ามาค้นหาไม่พออีกแล้ว!

CPAS คือทางลัดที่ให้ร้านคุณ “บุกออกไปหาลูกค้าก่อน” ทั้งบน Social Media ที่คนไทยใช้ทุกวัน อย่าง Facebook และ Instagram พร้อมตามเก็บลูกค้าที่เคยสนใจให้กลับมาซื้อในร้านคุณ


CPAS คืออะไร?

CPAS ย่อมาจาก Collaborative Performance Advertising Solution คือ รูปแบบโฆษณาบน Facebook ที่ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee และ Lazada เพื่อแสดงโฆษณาสินค้าที่ลูกค้าสนใจบน Facebook โดยระบบจะดึงข้อมูลจากแคตตาล็อกสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมาแสดงเป็นโฆษณาแบบไดนามิก ทำให้ผู้ใช้งานเห็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเลือกซื้อของตนเอง ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการทำงาน

  1. Facebook เชื่อมต่อกับข้อมูลสินค้าของ Shopee/Lazada
  2. ดึงข้อมูลสินค้าจากร้านมาสร้างเป็น Catalog อัตโนมัติ
  3. เมื่อยิงโฆษณา Facebook จะติดตาม Pixel ของ Marketplace ไปด้วย
  4. ลูกค้ากดโฆษณา → เปิดแอพ Marketplace ได้เลย (ถ้าติดตั้งแอปพลิเคชันแล้ว)
  5. Facebook จะรู้ว่าใครคลิก ใครซื้อ ใครยกเลิก - ทำให้วิเคราะห์และ optimize ได้แม่นยำ

CPAS ต่างจากโฆษณาธรรมดายังไง?

โดยทั่วไปแล้ว CPAS จะเหมาะกับการโฆษณาที่เป็นวัตถุประสงค์ (Objective) Sales/Conversions ดังนั้น เรามาเปรียบเทียบโฆษณาแบบ CPAS กับ โฆษณาปกติ ที่เป็นวัตถุประสงค์ Sales/Conversions กัน เพื่อให้เห็นความแตกต่างได้ชัด

เปรียบเทียบ CPAS ads กับ โฆษณาแบบทั่วไป

 

ข้อดีสำคัญของ CPAS:

✅ Customer Journey สั้นลง = โอกาสซื้อเพิ่ม

✅ Facebook รู้ว่าใครซื้อจริง = Optimize ได้แม่นยำ

✅ ข้อมูลสินค้าอัปเดตอัตโนมัติ = ไม่ต้องมานั่งแก้ Catalog

✅ ลูกค้าไว้ใจมากกว่า = เพราะซื้อใน Marketplace ที่คุ้นเคย


เงื่อนไขการขอใช้ CPAS

ก่อนจะเริ่ม ต้องเช็คก่อนว่าร้านคุณผ่านเกณฑ์หรือยัง

สำหรับ Shopee CPAS

ข้อมูลอาจแตกต่างกันไปตามประเทศและนโยบายของ Shopee ในแต่ละช่วงเวลา แต่โดยทั่วไปต้องมี :

✅ พื้นฐาน:

  • มีร้านค้าใน Shopee ที่ใช้งานอยู่
  • มีสินค้าที่ Active และเคยมีออเดอร์
  • Rating ร้านค้าดี (แนะนำ 4.0+ ดาว)
  • ไม่มี Violation หรือการฝ่าฝืนนโยบาย

✅ ที่ต้องเตรียม:

  • Facebook Business Manager
  • Facebook Ad Account (สร้างใหม่)
  • Facebook Page

หมายเหตุ: เงื่อนไขอาจเปลี่ยนแปลง แนะนำให้สอบถาม Shopee Account Manager หรือตรวจสอบจาก Seller Center

สำหรับ Lazada CPAS

จากข้อมูลอย่างเป็นทางการของ Lazada มีเงื่อนไข 2 แบบ ขึ้นอยู่กับประเภทร้าน:

ถ้าเป็น LazMall: ต้องมีเงื่อนไข 6 ข้อนี้

  1. ต้องมี Key Account Manager หรือมียอดผู้ติดตามเพจ Facebook ของร้านค้ามากกว่า 10,000 คน
  2. ต้องมีสินค้าที่ active และมีคำสั่งซื้ออย่างน้อย 1 ครั้ง มากกว่า 15 สินค้า
  3. ร้านค้าต้องเปิดมามากกว่า 60 วัน
  4. ยินยอมให้ Lazada เข้าถึงข้อมูลแสดงการทำงานของโฆษณา CPAS เพื่อการติดตามรายงานผล
  5. สินค้าและโฆษณาจะต้องไม่ผิดนโยบายการโฆษณาของ Facebook
  6. ต้องเซ็นสัญญาข้อตกลง

ถ้าเป็นร้านค้าทั่วไป (ไม่ใช่ LazMall): ต้องมีเงื่อนไข 5 ข้อนี้

  1. เป็นผู้ขายบน Lazada Marketplace
  2. มีสินค้าที่ยังคงขายและเคยมีออเดอร์อย่างน้อย 1 ครั้ง
  3. สินค้าไม่ผิดนโยบายการโฆษณาของ Facebook
  4. ยินดีให้ Facebook เข้าถึงข้อมูลการทำงานของโฆษณา CPAS
  5. รับทราบและยินยอมให้ Lazada ใช้การ filter สินค้าบางแบรนด์ที่ซ้ำกับ LazMall ออกจาก Catalog

✅ ที่ต้องเตรียม:

  • URL ร้านค้า
  • Seller ID
  • Facebook Business Manager ID
  • Facebook Ad Account ID (ที่สร้างใหม่)

วิธีขอ Catalog CPAS

ภาพรวมขั้นตอนทั้งหมด

  1. เตรียมข้อมูล → ขอ ID ต่างๆ จาก Facebook
  2. ยื่นคำขอ → กรอกฟอร์มขอ Catalog จาก Marketplace
  3. รอการอนุมัติ → 3-5 วันทำการ (Lazada) หรือตาม Shopee
  4. รับ Catalog → Marketplace จะ Share Catalog มาให้
  5. เชื่อมต่อ → กด Accept ใน Facebook Business Manager

สิ่งสำคัญ: ไม่สามารถสร้าง Catalog CPAS เองได้ ต้องให้ Marketplace เป็นคนสร้างแล้ว Share มาให้


ขั้นตอนการยิงแอด CPAS

เมื่อได้ Catalog มาแล้ว มาเริ่มสร้างโฆษณากันเลย!

ขั้นตอนที่ 1: สร้าง Campaign

1. เข้า Facebook Ads Manager

2. คลิก Create → เลือก New Campaign

เลือก Objective:

  • Sales (แนะนำ) หรือ
  • Catalog Sales

3. ตั้งชื่อ Campaign ให้จำง่าย

  • ตัวอย่างเช่น : CPAS_Lazada_Fashion_Jan2025

4. Campaign Budget Optimization (CBO):

  • เลือกเปิด ถ้าต้องการให้ Facebook จัดสรรงบอัตโนมัติ (แนะนำถ้ามีหลาย Ad Set)
  • เลือกปิด ถ้าต้องการควบคุมงบแต่ละ Ad Set เอง

ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่า Ad Set

1. Catalog Settings

  • เลือก Catalog ที่ Marketplace Share มาให้
  • เลือก Product Set (ถ้าต้องการโฆษณาแค่บางสินค้า)

2. Performance Goal

  • เลือก Maximize number of conversions
  • Conversion Event: Purchase (หรือ Add to Cart ถ้าเพิ่งเริ่ม)

3. Budget & Schedule

งบประมาณแนะนำ:

  • ทดลอง: 300-500 บาท/วัน (7-14 วัน)
  • ขยายผล: 1,000-2,000 บาท/วัน
  • Scale: 3,000+ บาท/วัน

Schedule:

  • Run ads all the time (แนะนำ)
  • หรือกำหนดเวลาถ้ารู้ว่าช่วงไหนลูกค้าซื้อเยอะ

4. Audience (กำหนดกลุ่มเป้าหมาย)

  • แนะนำเริ่มจาก หาลูกค้าใหม่ด้วย Broad Audience ใช้ Interest ก่อน : ในช่วงแรกแนะนำให้เน้นไปที่เพิ่มคนเข้าถึงร้านก่อนหากร้านค้ามีข้อมูลเพียงพอแล้วค่อยทำ Retargeting ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ามากกว่า
  • แนะนำให้ใช้ Retargeting : เมื่อมีข้อมูลคนเข้าชมร้านประมาณนึงแล้ว และมีข้อมูลเพียงพอให้ระบบเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าที่มีโอกาสซื้อสูง และนำข้อมูลมาใช้ทำ Retargeting โดยข้อมูลที่เราได้แชร์มาจาก Marketplace จะมีดังนี้

Retargeting Audience:

  • คนที่เคยเข้าร้านในแต่ไม่ซื้อ
  • คนที่ Add to Cart แต่ยังไม่ Checkout

ขยายฐานด้วย Lookalike Audience:

  • สร้างจากลูกค้าใน Retargeting Audience
  • เลือก % ที่ 1-3% (แม่นยำ) หรือ 5-8% (กว้าง)

5. Placements

  • เลือก Advantage+ Placements (แนะนำ)

6. Optimization & Delivery

  • Conversion Event: Purchase
  • Attribution: 7-day click or 1-day view

ขั้นตอนที่ 3: สร้าง Ad Creative

1. Ad Format

  • Single Image - โชว์สินค้าหลักชัดเจน
  • Carousel - โชว์หลายสินค้า/หลายมุม (3-10 รายการ)
  • Collection - เหมือน Catalog สวยหรู
  • Video - แสดงการใช้งาน

2. เขียน Primary Text หรือ แคปชั่นของโพสต์

กฎสำคัญ:

  • 40-50 ตัวอักษรแรกต้องดึงดูด
  • บอกประโยชน์ชัดเจน
  • ใช้ Emoji (แต่อย่าเยอะเกินไป)

ตัวอย่างที่ดี:
 Flash Sale! ลด 50% วันนี้เท่านั้น

 เสื้อผ้าแฟชั่นคุณภาพพรีเมี่ยม

 ราคาเริ่มต้นเพียง 199 บาท

 ส่งฟรีทั่วไทย ไม่มีขั้นต่ำ

 เหลือเวลาอีก 6 ชม. เท่านั้น!

3. Headline

  • สั้น กระชับ ไม่เกิน 40 ตัวอักษร
  • ตัวอย่าง:
    • "ลด 50% วันนี้-พรุ่งนี้!"
    • "คลิกเลย! เหลือ 20 ชิ้น"
    • "ส่งฟรี! สั่งเลย"

4. Call-to-Action

  • เลือก Shop Now (เหมาะที่สุดสำหรับ CPAS)

6. Destination

  • ระบบจะดึงลิงก์จาก Catalog อัตโนมัติ
  • หรือเลือกสินค้าที่ต้องการโฆษณาจาก Product Set

ขั้นตอนที่ 4: Review & Publish

  1. ตรวจสอบทุกอย่างอีกครั้ง
  2. ดูตัวอย่างโฆษณาใน Desktop และ Mobile
  3. เช็คว่า Catalog ดึงข้อมูลถูกต้อง (ราคา, รูป, ชื่อสินค้า)
  4. กด Publish
  5. รอการอนุมัติ (ปกติ 1-24 ชั่วโมง)

การติดตามผลและวิเคราะห์

Metrics ที่ต้องดูทุกวัน

1. ROAS (Return on Ad Spend)

  • สูตร: (ยอดขาย ÷ ค่าโฆษณา)
  • เป้าหมายขั้นต่ำที่แนะนำ: 2.5:1 (ใช้ 1 บาท ได้กลับ 2.5 บาท)
  • ดีมาก: 4:1 ขึ้นไป
  • เยี่ยม: 6:1 ขึ้นไป

2. CPC (Cost Per Click)

  • ที่เหมาะสม: 2-4 บาทต่อคลิก (ขึ้นอยู่กับสินค้า)
  • ถ้าสูงกว่า 6 บาท = Targeting หรือ Creative ต้องปรับ

3. CTR (Click-Through Rate)

  • ที่เหมาะสม:: 1.5% ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับสินค้า)
  • ต่ำกว่า 0.8% = รูปหรือข้อความไม่ดึงดูดพอ

4. Conversion Rate

  • ที่เหมาะสม:: 3 -7% (ขึ้นอยู่กับราคาสินค้า)
  • ต่ำกว่า 2% = หน้าสินค้าหรือราคามีปัญหา

5. Cost Per Purchase

  • ควรไม่เกิน 20-30% ของกำไรสุทธิ (ขึ้นอยู่กับสินค้าและแบรนด์)
  • ตัวอย่าง: ขายได้ 500 บาท กำไร 150 บาท → Cost Per Purchase ไม่ควรเกิน 30-45 บาท

วิธีแก้:

  1. CTR ต่ำ → เปลี่ยนรูปหรือข้อความ
  2. CPC สูง → ปรับ Targeting หรือเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย
  3. Conversion Rate ต่ำ → เช็คหน้าสินค้า (ราคา รีวิว รูปภาพ)
  4. ROAS ต่ำ → เปลี่ยนสินค้าที่โฆษณา หรือปรับราคา

เทคนิคเพิ่มยอดให้ปัง

1. สร้างยอดคนเข้าร้านให้มากไว้ก่อน

  • สำคัญอย่างมากโดยเฉพาะร้านที่เพิ่งเริ่ม
  • เน้นยอดคนเข้าร้าน เพราะสำคัญต่อการเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้าของระบบ
  • แม้จะเน้นยอดคนเข้าร้าน แต่ก็ควรเลือกใช้ Broad Audience ที่ตรงกับสินค้าที่สุด

2. ทำ Retargeting อย่างจริงจัง

  • เพื่อกระตุ้นคนที่มีแนวโน้มสนใจสินค้า ให้ตัดสินใจซื้อ
  • คนที่เคยดูสินค้าใน 7 วัน
  • คนที่ Add to Cart แต่ไม่ซื้อ
  • คนที่เข้าร้านแต่ไม่ Add to Cart

3. Test เปรียบเทียบ Creative เป็นประจำ

  • อย่างน้อย 3-5 รูปแบบ
แท็ก AdvertisingDigital Marketinge-CommerceOmni ChannelShopeeLazadaFacebook

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article