mdi_eye : 12 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

การทำการตลาดออนไลน์ Facebook: เคล็ดลับเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจเริ่มต้น

การทำการตลาดออนไลน์ Facebook: เคล็ดลับเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจเริ่มต้น

Facebook ยังคงเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจ แม้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะกระจายตัวไปหลายช่องทาง แต่Facebook ยังคงเป็นอันดับ 1  ที่มี ผู้ใช้เกือบ 90% ที่ใช้งานเป็นประจำ (ข้อมูลอ้างอิง : Popticles.com) และ “Facebook Page” ยังคงเป็นจุดที่ผู้บริโภคยังคงใช้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ค้นหาข้อมูลสินค้า และสื่อสารกับแบรนด์โดยตรง

สำหรับธุรกิจที่เริ่มต้น การเข้าใจ “โครงสร้างการทำการตลาดออนไลน์ Facebook” ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับกลยุทธ์ เป็นสิ่งที่ช่วยลดต้นทุนการลองผิดลองถูก และเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้าสู่ตลาด

บทความนี้จะนำเสนอแนวปฏิบัติด้าน Facebook Marketing ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมเหตุผลเชิงลึก ว่าทำไมธุรกิจเริ่มต้นควรให้ความสำคัญกับระบบและกลยุทธ์มากกว่าการโพสต์แบบกระจัดกระจาย

ทำไม Facebook ยังเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มทำการตลาดออนไลน์

แม้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันจะกระจายอยู่ในหลายแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น TikTok, LINE, Instagram หรือ Marketplace—แต่ Facebook ยังคงเป็น “โครงสร้างหลัก” ของแบรนด์ เพราะผู้บริโภคใช้ Facebook เป็นจุดศูนย์กลางในการตรวจสอบตัวตนของธุรกิจ

1) Facebook คือ “ฐานข้อมูลความน่าเชื่อถือ” ของธุรกิจ

ในกระบวนการตัดสินใจซื้อ ลูกค้ายังคงจะเช็ก Facebook Page อยู่เช่นเคย คล้ายการตรวจสอบ Background ของแบรนด์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่าธุรกิจมีตัวตนจริง

สิ่งที่ลูกค้าตรวจสอบเสมอ:

  • ความถี่ในการโพสต์
  • ความเป็นมืออาชีพของคอนเทนต์
  • รีวิวจากผู้ใช้จริง
  • Feedback และความเร็วในการตอบ
  • ความชัดเจนของข้อมูลสินค้าและบริการ

“หน้าเพจที่ถูกต้อง” ไม่ใช่เพียงดูดี แต่ต้องให้ข้อมูลเพียงพอสำหรับการตัดสินใจ

2) เหมาะกับสินค้าที่ต้องการข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ

ผู้บริโภคใน Facebook ใช้เวลาบนเพจนานกว่าบนแพลตฟอร์มอื่นเพราะธรรมชาติของแพลตฟอร์มเอื้อต่อการอ่านและค้นคว้า เช่น รีวิว, วิธีใช้, Q&A ซึ่งเหมาะกับหมวดหมู่สินค้าอย่าง:

  • Beauty & Skincare
  • Health & Wellness
  • แม่และเด็ก
  • สินค้าไลฟ์สไตล์ที่มี Pain Point ชัดเจน
  • บริการที่ต้องอาศัยความไว้วางใจ

3) ระบบ Inbox ที่เอื้อต่อการปิดการขาย (Conversion-focused Communication)

Facebook เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ Conversion Rate ผ่านแชทสูงที่สุด เพราะผู้บริโภคชอบถามเพื่อ “ลดความเสี่ยงก่อนตัดสินใจซื้อ”

จุดแข็งของ Inbox:

  • ตอบโจทย์สินค้าที่ต้องอธิบาย
  • ทำ Upsell/Bundle ได้
  • เก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อ Follow-up ได้
  • สามารถสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว

ธุรกิจที่ตอบเร็วและมี Script ที่ออกแบบดี จะปิดการขายได้มากขึ้นอย่างชัดเจน

เคล็ดลับทำ Facebook Marketing สำหรับธุรกิจเริ่มต้น

1) ตั้งโครงสร้างเพจให้ “พร้อมขาย” ก่อนทำคอนเทนต์หรือยิง Ads

ธุรกิจจำนวนมากเริ่มจาก “คอนเทนต์ก่อน” แต่ผู้เชี่ยวชาญจะเริ่มจาก “โครงสร้างก่อน”

สิ่งที่ต้องทำให้ครบ:

 Brand Identity บนเพจต้องชัดเจน

  • Profile + Cover ต้องสะท้อนตัวตนแบรนด์
  • Messaging ชัดว่าขายอะไรและจุดเด่นคืออะไร
  • ความน่าเชื่อถือ เช่น Certification, Guarantee

หากคุณคือเจ้าของธุรกิจมือใหม่ ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างBrand Identity ยังไง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Branding 101: เข้าใจ Brand คืออะไร เพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน

เนื้อหาอ้างอิง (Reference Content) ต้องมี

โพสต์สำคัญที่ควรปักหมุด:

  • จุดขายสินค้า
  • รีวิวรวม
  • วิธีสั่งซื้อ
  • คำถามที่ลูกค้าพบบ่อย

เป้าหมายคือ “ลดเวลาตัดสินใจของลูกค้า”

จัดหมวดหมู่สินค้าให้อ่านง่าย

ให้ข้อมูลครบถ้วน เช่น ราคา ขนาด ส่วนประกอบ วิธีดูแลเพราะข้อมูลไม่ครบ = Conversion หายทันที

2) ออกแบบคอนเทนต์ให้เป็น “Content Funnel” ไม่ใช่โพสต์แบบกระจัดกระจาย

การทำการตลาดออนไลน์ Facebook ที่ขายได้ ต้องมีคอนเทนต์ 3 ประเภทที่ทำงานร่วมกัน:

2.1.Awareness Content (ให้รู้จักแบรนด์)

  • เน้นสร้างความคุ้นเคย เช่น เรื่องราว, Insight, Pain Point

2.2.Consideration Content (ให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ)

เป็นคอนเทนต์ที่อธิบาย:

  • วิธีใช้
  • เปรียบเทียบ
  • จุดเด่นเชิงเทคนิค
  • รีวิวละเอียด

2.3.Conversion Content (ปิดการขาย)

เน้นโปรดักต์เป็นหลัก เช่น

  • รีวิวผู้ใช้จริง
  • Before/After
  • โปรโมชั่นเฉพาะช่วงเวลา

การเรียงลำดับคอนเทนต์ที่ดี = ต้นทุนโฆษณาที่ถูกลง + โอกาสปิดการขายสูงขึ้น

3) จัดการ Inbox อย่างเป็นระบบ (Structured Chat Process)

แชทคือหัวใจของยอดขายใน Facebook

ระบบแชทที่ดีต้องมี:

  • Response Time < 3 นาที
  • Script สำหรับคำถามสำคัญ
  • โฟลว์การปิดการขาย (เช่น ถามความต้องการ → เสนอแพ็กเกจ → ปิดการขาย)
  • Template ส่งรีวิว
  • ระบบ Follow-up เช่น แจ้งโปร แจ้งสินค้าเข้าใหม่

ธุรกิจที่มีระบบแชท = ยอดขายเติบโตไวกว่า 30–50%

4) วางโครงสร้างการยิงโฆษณาเพื่อเก็บข้อมูล ก่อนขยายสเกล

สำหรับธุรกิจเริ่มต้น การยิงโฆษณาแบบ “หว่าน” มักนำไปสู่การใช้งบโดยไม่ได้ผล การยิงอย่างมืออาชีพต้องเป็นแบบ “Funnel” เช่นกัน:

Phase 1  สร้างฐาน Warm Audience

ยิงคอนเทนต์ Awareness เพื่อเก็บคนสนใจ เช่น ดูวิดีโอ, คลิกดูโพสต์, กดไลก์เพจ เป็นกลุ่มที่ต้นทุนถูกที่สุดและคุณภาพดีที่สุด

Phase 2  สร้างความเข้าใจ (Consideration Ads)

ให้เห็นรีวิว วิธีใช้ Testimonials ลดความลังเล

Phase 3 Conversion + Remarketing

ยิงเฉพาะคนที่เคยสนใจ เป็นกลุ่มที่ปิดการขายได้คุ้มที่สุด ลูกค้ารู้จักแบรนด์แล้ว ไม่ต้องหว่าน

Phase 4  ขยายสเกล (Scale-Up)

เมื่อเฟส 1–3 เสถียรแล้วค่อยเพิ่มงบ หรือเพิ่ม Audience

ข้อดีของการทำแบบมืออาชีพ:

ค่าแอดลดลง

ยิงเฉพาะคนที่มีโอกาสซื้อ

ได้ฐานลูกค้าจริง ไม่ใช่แค่ยอดไลก์

สร้างข้อมูลระยะยาว (Data Asset)

Facebook Ads ที่ดีไม่ใช่โฆษณาสวยแต่คือโครงสร้างที่ “ทำงานร่วมกันทุกชิ้น”

5) ใช้รีมาร์เก็ตติ้งเป็นหัวใจสำคัญ

หลายๆครั้งยอดขายใน Facebook มาจากกลุ่มที่เคย “สนใจแล้วแต่ยังไม่ซื้อ”

กลุ่มที่ต้องทำรีมาร์เก็ตติ้ง:

  • คนที่เคยทักแชท
  • คนที่กดดูสินค้า
  • คนที่ดูวิดีโอเกิน 50%
  • คนที่กดไลก์หรือแชร์โพสต์

คอนเทนต์ที่เหมาะกับรีมาร์เก็ตติ้ง:

  • รีวิวจริง
  • สินค้าขายดี
  • โปรโมชั่นเฉพาะลูกค้าที่เคยสนใจ

นี่คือตัวช่วยลดต้นทุน CAC (Customer Acquisition Cost) ได้ดีที่สุด

หากคุณกลัวว่าจะทำโฆษณาบน Facebook จะเสียเงินเปล่า เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญใน ​​การทําการตลาด ออนไลน์ facebook ทั้งเรื่องของการทำ Branding การออกแบบ Customer Journey และยิงads ตรงกลุ่มเป้าหมาย ที่หลายธุรกิจให้ความไว้วางใจ ทักมาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเราได้เลย

ความผิดพลาดที่ทำให้ Facebook ไม่สร้างยอดขาย

  •  เน้นคอนเทนต์สวย แต่ไม่ตอบ Pain Point
  •  เพจไม่ให้ข้อมูลพอในการตัดสินใจ
  •  ไม่มีระบบแชท (Chat Process)
  •  ยิงแอดแบบกว้าง ไม่แบ่งเฟส
  •  ไม่ทำรีมาร์เก็ตติ้ง
  • ไม่วัดผลหรือไม่อ่าน Data

ธุรกิจที่ทำตามนี้ = ต้นทุนสูง, Conversion ต่ำ และ ROI ติดลบ

การมีตัวตนหลายแพลตฟอร์มก็สำคัญอย่างยิ่งในยุคนี้

แม้ Facebook จะเป็นศูนย์กลางของแบรนด์ แต่การมีตัวตนบนหลายช่องทางคือวิธีเพิ่มโอกาสการขายแบบทวีคูณ เพราะลูกค้าไม่ได้อยู่ที่เดียวอีกต่อไป

ผู้บริโภคยุคใหม่ใช้หลายแพลตฟอร์มควบคู่กัน เช่น:

  • ดูแรงบันดาลใจ ความสนุกสนาน บน TikTok
  • เช็กราคา + รีวิวบน Facebook
  • ติดตามโจทย์หรือถามเพิ่มเติมใน LINE OA
  • ซื้อบน Shopee, Lazada หรือ TikTok Shop

นั่นหมายความว่าแบรนด์ที่ “โผล่ในทุกจุดที่ลูกค้าเดินผ่าน” จะมี โอกาสปิดการขายสูงกว่า แบรนด์ที่อยู่แค่ช่องทางเดียว นี่คือหลักการที่มืออาชีพเรียกว่า Omnichannel Presence

Omnichannel ไม่ได้แปลว่าต้องเล่นทุกแพลตฟอร์ม แต่ต้องออกแบบตามพฤติกรรมลูกค้า

ลักษณะของ Omnichannel ที่ดีคือ:

  • แต่ละช่องทางมีบทบาทของตัวเอง
  • การสื่อสารสอดคล้องกัน
  • ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เดียวกัน แม้ย้ายแพลตฟอร์มก็ยังมีประสบการณ์ต่อเนื่อง

การออกแบบ Journey แบบนี้ทำให้ลูกค้าเห็นคุณ “ทุกที่ที่เขาอยู่” และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมยอดขายถึงเพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบ

สรุป Facebook ยังเป็นรากฐานสำคัญของระบบการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจเริ่มต้น

แม้โลกการตลาดจะหมุนเร็ว มีแพลตฟอร์มใหม่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ Facebook ยังคงเป็น “ศูนย์กลางความน่าเชื่อถือ” และเป็นจุดที่ลูกค้าทุกกลุ่มเข้ามาค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าธุรกิจจะอยู่ในหมวดสินค้าไหนก็ตาม

ธุรกิจที่ทำ Facebook Marketing ได้ผลจริง คือธุรกิจที่มี ระบบครบทั้ง 5 ส่วน:

  1. เพจที่น่าเชื่อถือ  บอกตัวตนแบรนด์ชัดเจน ให้ข้อมูลครบ ลดความลังเลของลูกค้า
  2. Content Funnel ที่วางตามกลยุทธ์  Awareness  Consideration  Conversion
  3. Inbox Process ที่ออกแบบอย่างมืออาชีพ  ตอบไว มี Script และ Follow-up ช่วยปิดการขาย
  4. โครงสร้างการยิง Ads ที่เก็บข้อมูลก่อนขยายสเกล  ยิงเป็นเฟส ไม่เผางบ
  5. Remarketing ที่ไม่ปล่อยให้ลูกค้าที่สนใจหลุดไป  ทำซ้ำ เพิ่ม Conversion ทันที

ธุรกิจที่ทำครบทั้ง 5 กลไกนี้ จะเจอต้นทุนโฆษณาที่ถูกลง ยอดปิดการขายเพิ่มขึ้น และสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนได้ง่ายกว่าการโพสต์แบบสุ่มหรือยิงแอดแบบหว่านมาก

การทำการทำการตลาดออนไลน์ Facebook อาจดูง่าย แต่การทำให้ “ได้ยอดขายจริง” ต้องอาศัยทั้งกลยุทธ์ คอนเทนต์ การตั้งค่าแอดที่แม่นยำ และระบบวัดผลที่ถูกต้อง 
ถ้าคุณต้องการทีมที่ช่วยตั้งระบบให้ครบ  Branding, Content Funnel, Customer Journey, Ads Setup และ Remarketing แบบมืออาชีพ   ทีม WizeMoves Consult พร้อมช่วยคุณตั้งแต่ 0 ถึงยอดขายจริง
เราช่วยให้หลายธุรกิจเริ่มจากเพจว่าง ๆ กลายเป็นระบบที่สร้างรายได้จริง

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจที่เชี่ยวชาญต้องนึกถึง Sellsuki ผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่ครบเครื่องมากที่สุด ผู้ช่วยมองหาทางที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือ WizeMoves Consult ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย หรือ WizeMoves e-Dis บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี พร้อมด้วย Akita Fulfillment บริการคลังสินค้าครบวงจร และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ

แท็ก FacebookMarketing

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article