ออกแบบ Rich Menu ให้เป็น ‘หน้าเว็บไซต์ย่อส่วน’ ที่ลูกค้ากดใช้ซ้ำทุกวัน

ในบรรดาฟีเจอร์ของ LINE OA ฟีเจอร์ Rich Menu ถือเป็นเครื่องมือที่ลูกค้าจะได้เห็นเป็นอันดับต้น ๆ ตั้งแต่เพิ่มเพื่อน และทุกครั้งที่เปิดหน้าแชทเพื่อสื่อสารกับแบรนด์ ในวันที่ลูกค้าไม่ได้เข้ามาแชทกับแบรนด์เพียงครั้งเดียวแล้วจบ แต่คาดหวัง “ประสบการณ์ที่สะดวก รวดเร็ว และจำทางได้” Rich Menu บน LINE OA จึงไม่ควรถูกมองว่าเป็นแค่ปุ่มทางลัดธรรมดาอีกต่อไป

หากออกแบบอย่างมีกลยุทธ์ Rich Menu สามารถทำหน้าที่เหมือน “หน้าเว็บไซต์ย่อส่วน” ที่ช่วยนำทางลูกค้า ตั้งแต่รู้จักแบรนด์ ไปจนถึงตัดสินใจซื้อ และที่สำคัญคือ ลูกค้าสามารถกดใช้งานซ้ำได้โดยไม่ต้องพิมพ์ถามซ้ำ ๆ

บทความนี้จะพาคุณมาดูว่า เราจะออกแบบ Rich Menu ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในมุมธุรกิจ การตลาด และ Customer Experience ได้อย่างไร

Rich Menu ไม่ใช่แค่ปุ่ม แต่คือ “แผนที่นำทางลูกค้า”

ปัญหาที่หลายธุรกิจเจอเหมือนกันคือ มี Rich Menu แต่ลูกค้าแทบไม่กด หรือกดแล้วก็ยังสับสน ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ สาเหตุหลักไม่ได้อยู่ที่ลูกค้า แต่อยู่ที่ เราออกแบบ Rich Menu โดยคิดจากฝั่งธุรกิจ มากกว่าฝั่งผู้ใช้งาน

Rich Menu ที่ดี ควรทำหน้าที่เหมือนหน้าแรกของเว็บไซต์ คือ

• บอกลูกค้าให้รู้ว่า “ที่นี่คืออะไร”
• ชี้นำว่า “ถ้าจะทำสิ่งนี้ ต้องกดตรงไหน”
• ลดคำถามซ้ำ ๆ ที่ลูกค้าต้องพิมพ์ถาม
• ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าใช้งานง่าย โดยไม่ต้องคิดเยอะ

เมื่อ Rich Menu ทำหน้าที่เหล่านี้ได้ Customer Experience จะดีขึ้นทันที และภาระของแอดมินก็ลดลงอย่างชัดเจน

คิด Rich Menu แบบเว็บไซต์ย่อส่วน ต้องมีอะไรบ้าง?

ลองนึกภาพว่า Rich Menu คือหน้าเว็บไซต์ 1 หน้า สิ่งที่ควรมี ไม่ได้ต่างจากโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีเลย

1) ปุ่ม “เริ่มต้นใช้งาน” หรือข้อมูลพื้นฐาน

ลูกค้าใหม่ที่แอด LINE OA เข้ามา สิ่งแรกที่อยากรู้คือ

• ร้านขายอะไร มีสินค้า/บริการแบบไหน
  
   
• ถ้าลูกค้าอยากรู้จักแบรนด์มากขึ้น หรือดูข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม ต้องไปตรงไหนต่อ หรือเริ่มต้นอย่างไรดี
  
   

ตัวอย่างปุ่มที่ควรมี เช่น  “ดูสินค้า / บริการ”, “แนะนำสำหรับมือใหม่”, “เริ่มต้นสั่งซื้อ” ปุ่มเหล่านี้ช่วยลดโอกาสที่ลูกค้าจะเงียบหาย เพราะไม่รู้จะเริ่มตรงไหน

2) ปุ่มสำหรับคำถามยอดฮิต (FAQ)

แทนที่จะปล่อยให้ลูกค้าพิมพ์ถามซ้ำ ๆ  Rich Menu สามารถเป็นทางลัดไปยังคำตอบได้ทันที เช่น

• วิธีการสั่งซื้อ, วิธีการจอง
• วิธีชำระเงิน
• การจัดส่ง, ระยะเวลารอสินค้า
• เงื่อนไขการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

ยิ่งลูกค้าเข้าถึงคำตอบได้เร็วเท่าไร โอกาสปิดการขายก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และ Rich Menu ไม่ได้มีไว้แค่ตอบคำถาม แต่ควรช่วยผลักดันเป้าหมายทางธุรกิจด้วย เช่น

• ปุ่ม “โปรโมชั่นวันนี้”
• ปุ่ม “สั่งซื้อทันที”
• ปุ่ม “จองคิว / จองโต๊ะ”
• ปุ่ม “ติดต่อแอดมิน”

นี่คือจุดที่ Rich Menu ทำหน้าที่เหมือน Landing Page ที่คอยพาลูกค้าไปสู่ Conversion โดยไม่ต้องพิมพ์อะไรเลย

ออกแบบ Rich Menu ให้ลูกค้า “กดใช้ซ้ำ” ต้องคิดแบบไหน?

หนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของ Rich Menu คือ ลูกค้ากลับมากดใช้งานซ้ำเอง โดยไม่ต้องบอก

หลักคิดง่าย ๆ คือ

• ใช้คำสั้น ชัด เข้าใจทันที
• เรียงลำดับปุ่มจาก “สำคัญกับลูกค้า” ก่อน “สำคัญกับแบรนด์”
• อย่าใส่ทุกอย่างลงไปในหน้าเดียวจนแน่นเกินไป
• แบ่ง Rich Menu เป็นหลายชุด ตามช่วงเวลา หรือพฤติกรรมลูกค้า

ตัวอย่างเช่น

• ลูกค้าใหม่ > Rich Menu แนะนำร้าน + วิธีเริ่มต้น
  
   
• ลูกค้าเก่า > Rich Menu โปรโมชั่น / สั่งซ้ำ / ติดตามออเดอร์
  
   

การเปลี่ยน Rich Menu ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น และแบรนด์ดูใส่ใจรายละเอียด

Rich Menu ที่ดี = Customer Experience ที่ดีขึ้นทันที

เมื่อ Rich Menu ถูกออกแบบอย่างมีกลยุทธ์ สิ่งที่ธุรกิจจะได้กลับมา ไม่ใช่แค่ความสวยงาม แต่คือ

• ลูกค้าใช้งานง่ายขึ้น
• เวลาตัดสินใจซื้อสั้นลง
• ถามคำถามซ้ำ ๆ ลดลง
• แอดมินทำงานง่ายขึ้น
• แบรนด์ดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือมากขึ้น

การออกแบบ Rich Menu ที่ดี ไม่เพียงช่วยเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อยกระดับ Customer Experience และผลลัพธ์ทางธุรกิจในระยะยาว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจาก “สิ่งเล็ก ๆ” ที่หลายธุรกิจมองข้าม แต่ลูกค้าเห็นและใช้งานทุกวัน ถ้าวันนี้ Rich Menu ของคุณ ยังเป็นแค่ปุ่มทางลัดที่ไม่ได้ช่วยนำทางลูกค้าอย่างแท้จริง อาจถึงเวลาลองกลับมามองมันใหม่ ในฐานะ “หน้าเว็บไซต์ย่อส่วน ที่ทำงานให้ธุรกิจตลอด 24 ชั่วโมง”

หากสนใจให้เซลสุกิช่วยดูแลการเปิดบัญชี LINE OA หรือต้องการซื้อแพ็กเกจ LINE OA ติดต่อทีมงานเราได้เลยที่ @linebysellsuki หรืออีเมล lineagency@sellsuki.com