Header-sellsuki.webp
S E L L S U K I

10 อย่างที่ต้องรู้!! ก่อนจ้างเอเจนซี่ ทำโฆษณาออนไลน์

mdi_eye : 62 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน
10 อย่างที่ต้องรู้!! ก่อนจ้างเอเจนซี่ ทำโฆษณาออนไลน์

10 อย่างที่ต้องรู้ ก่อนจ้างเอเจนซี่ ทำโฆษณาออนไลน์

เอเจนซี่โฆษณาออนไลน์ คืออะไร?

เป็นที่นิยมในกลุ่มธุรกิจหลายประเภทอย่างมาก สำหรับเอเจนซี่ Advertising Agency เนื่องจากการทำการตลาดออนไลน์สมัยนี้มีช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การโฆษณาบน Facebook การโฆษณาบน Google การโฆษณาบน LINE การทำ Online PR หรือการทำ Banner หรือ Native Ads ฯลฯ หลายคนไม่มีเวลาบริหารจัดการช่องทางเหล่านี้ รวมไปถึงไม่มีประสบการณ์ในการทำการโปรโมต อีกทั้งหลายแพลตฟอร์มยังไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าใช้งานได้ด้วยตัวเอง การจ้างบริษัทเอเจนซี่จึงเป็นทางออกที่ง่ายและสะดวกสบายกว่าการทำเอง

เนื่องจากความต้องการของตลาดมีมากขึ้น จึงทำให้ในปัจจุบันได้เกิดบริษัทเอเจนซี่หน้าใหม่เปิดตัวขึ้นมารองรับความต้องการ ท่ามกลางตัวเลือกมากมายแบบนี้ เจ้าของแบรนด์จะมีเกณฑ์อะไรในการตัดสินใจเลือกทีมงานที่ใช่ ที่จะมาช่วยธุรกิจของคุณ? วันนี้เราได้สรุป 10 ข้อง่าย ๆ ให้คุณถามใจตัวเองก่อนตัดสินใจเลือกเอเจนซี่โฆษณาออนไลน์กัน

1. จุดประสงค์ของการโปรโมตของคุณคืออะไร?

แน่นอนว่าทุกคนอยาก “ขายดี” “ขายได้มากขึ้น” แต่สำหรับผู้บริโภคนั่นคือปลายทาง แต่ก่อนที่จะขายได้เค้าจะต้องผ่านขั้นตอนที่เรียกว่า Marketing Funnel หรือกรวยการตลาด ที่แบ่งการรับรู้ของคนออกเป็น 3 ขั้นใหญ่ๆ ได้แก่ ตระหนักรู้ว่ามีแบรนด์ของเรา (Awareness) ตัดสินใจว่าจะซื้อ-ไม่ซื้อดี? (Consideration) และการตกลงซื้อ (Purchase) โดยเนื้อหาที่ใช้โปรโมต รวมไปถึงช่องทางที่ใช้โปรโมตในแต่ละขั้น มักไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น บิลบอร์ดบนทางด่วน อาจไม่ได้ทำให้ใครอยากซื้อสินค้าตอนนั้น แต่มันได้ทำหน้าที่สร้าง Brand Awareness ให้ผู้คนที่ขับรถไปมาได้รับรู้ว่าแบรนด์นี้ขายอะไร เป็นต้น ข้อนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องชัดเจนเมื่อคุยกับเอเจนซี่

2. KPI ของคุณคืออะไร? และเท่าไหร่?

KPI หรือ Key Performance Indicator คือตัวเลขที่ชี้วัดว่าแคมเปญที่เราทำต้องอยู่ที่เท่าใด เราจะถือว่าประสบความสำเร็จ เช่น อยากได้ยอดไลค์ 1 แสนไลค์ ยอดแชร์ 5 หมื่นแชร์ อยากได้ยอดคนเข้าเว็บเดือนละ 2 หมื่นครั้ง อยากได้ยอดขายทุกเดือน 150 กล่อง ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่าเราควรจะเลือกทำการโปรโมตที่ช่องทางไหนที่คุ้มค่ากับงบที่เรามีมากที่สุด

3. ลูกค้าของคุณคือใคร?

ข้อนี้สำคัญมากๆ เพราะสินค้าและบริการทุกชนิดย่อมมีกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน ทั้งช่วงวัย เพศ อาชีพ พฤติกรรม นิสัยใจคอ โดยเฉพาะพฤติกรรมออนไลน์ ถ้าเรารู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราปกติแล้วชอบเล่นเว็บหรือแอพอะไร มันก็ทำให้เราเลือกลงทุนในช่องทางที่คุ้มค่ามากที่สุด และพุ่งไปหาเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญช่องทางนั้น ๆ ได้ถูกต้อง

4. คุณมีงบเท่าไหร่?

งบประมาณของคุณ ควรสอดคล้องกับ KPI ที่ต้องการ โดยการคำนวณอาจใช้จากการทำการโปรโมตในครั้งก่อนๆ มาใช้ เพื่อให้คุณเห็นภาพคร่าว ๆ ในใจ ทำให้คุณก็จะสามารถคุยกับเอเจนซี่ได้ว่า เรามีเงินเท่านี้ เราควรที่จะได้ผลลัพธ์กลับมาประมาณเท่านี้ เป็นต้น (การมีตัวเลขในหัวคร่าวๆ ช่วยให้ทุกคนเห็นภาพการทำงานที่ชัดเจนขึ้น แถมลดความเสี่ยงโดนหลอกปั่นราคาได้ด้วยนะ)

5. คุณมีสื่อในมืออยู่แล้วหรือไม่?

สื่อในที่นี่คือ media ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ เช่น ภาพถ่ายสินค้า โบร์ชัวร์ คลิปวิดีโอ บทสัมภาษณ์ ฯลฯ การลิสออกมาว่าเรามีอะไรอยู่แล้วบ้าง นอกจากจะทำให้เราลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในการผลิตสื่อขึ้นมาใหม่แล้ว ยังช่วยให้เอเชนซี่ทำงานได้เร็วขึ้นในการช่วยวางแผนและปล่อยโฆษณาออนไลน์อีกด้วย

6. คุณพอรู้จุดเด่น-ด้อยของแต่ละ Platform อยู่บ้าง?

การที่คุณได้ยินมาว่า “เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ลงโฆษณาบน Facebook ฉันก็ต้องลงบ้าง!” แบบนี้ไม่ผิด แต่คงดีกว่าถ้าคุณรู้ว่าแต่ละช่องทางมีข้อดีหรือไม่ดีอย่างไร เพื่อที่คุณจะสามารถประชุมกับเอเจนซี่ได้อย่างคุ้มค่า เพราะคงไม่มีใครเข้าใจรู้จักแบรนด์ดีเท่าคุณหรอก จริงไหม?

  • Facebook ข้อดี สร้างฐานลูกค้าใหม่ได้ง่าย มีความเป็นแฟนคลับหรือคอมมูนิตี้ ข้อเสีย ค่าโฆษณาเริ่มแพง ต้องปราณีตในการผลิต Content
  • Google Ads ข้อดี อัตรา Convert to sales สูง เพราะลูกค้ามีดีมานด์จากการเสิร์จอยู่แล้ว ข้อเสีย ต้องเสียเวลาเตรียม Landing page ให้เหมาะสมกับคีย์เวิร์ด
  • LINE Timeline Ads ข้อดี สร้างฐานลูกค้าใหม่ได้ง่าย ไม่ต้องปราณีตเรื่อง Content มาก ข้อเสีย เหมาะกับแบรนด์ที่มีความพร้อมในการดูแลลูกค้าทางแชทมากกว่า
  • LINE TV Ads ข้อดี สร้าง Brand awareness เป็นวงกว้างระดับประเทศ ข้อเสีย ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เหมือนการอกทีวีทั่วประเทศ
  • Website Online Banner ข้อดี สร้าง Brand awarenes ราคาถูก ข้อเสีย เลือก audience ไม่ได้ หรือ ได้แบบกว้างๆ

7. คุณมี Brand Guideline แล้ว?

Brand guideline ก็คือคู่มือการใช้และสื่อสารแบรนด์ เช่น การนำโลโก้แบรนด์ไปใช้งานบนสื่อแบบต่างๆ ฟ้อนต์ที่ใช้ อารมณ์ คาแรคเตอร์แบรนด์ ประวัติความเป็นมาของแบรนด์ พันธกิจของแบรนด์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณกับเอเจนซี่เข้าใจกันได้และพร้อมเริ่มงานเร็วขึ้น และยังช่วยหลีกเลี่ยงการสื่อสารตามสื่อแบบไม่ตรงคาแรคเตอร์ของแบรนด์โดยไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย

8. คุณมีนโยบายในการขอดูรีพอร์ตหรือไม่?

ข้อนี้สำคัญมาก เพราะเอเจนซี่หรือคนที่รับทำโฆษณาออนไลน์บางที่มีราคาถูก แต่กลับไม่มีรีพอร์ตรายงานผลการดำเนินการให้เรา แบบนี้ก็ไม่โอเคนะ อย่าเห็นแก่ราคาถูก แลกกับผลงานที่จับต้องและติดตามผลไม่ได้ เมื่อพูดถึงรีพอร์ต หรือการรายงานผลปฏิบัติงาน บางที่ก็ใช้วิธีแคปหน้าจอมาเล่าให้ฟัง แต่ถ้าเป็นไปได้ พยายามเลือกเอเจนซี่ที่มีทั้งรีพอร์ตแล้วตามด้วยคำแนะนำที่ช่วยให้ Performance ดีขึ้น ไม่ใช่เอาแต่แคปมาเล่า แต่ไม่ได้เพิ่มมูลค่าอะไรให้กับการทำงาน

9. รูปแบบการชำเงิน

เอเจนซี่บางที่ใช้บัตรเครดิตของตัวเองในการชำระโฆษณาออนไลน์ ข้อดีคือ มีความคล่องตัวสูง แต่ข้อเสียคือ พวกแต้มสะสมต่างๆ ของบัตรเครดิตก็ตกเป็นของเจ้าของบัตรไป และไม่สามารถนำค่าใช้จ่ายมาเข้าระบบบัญชีได้ และมีหลายกรณีที่เจ้าของใช้บัตรของตัวเอง ก็มีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลอีก บางทีตัดเงินเกิน ก็ไม่รู้จะให้ใครรับผิดชอบ ซึ่งถ้าแบรนด์มีการใช้งบโฆษณาออนไลน์หลักหมื่นขึ้นไป ควรทำเรื่องชำระให้ถูกต้องในรูปแบบนิติบุคคล อันนี้จะปลอดภัยที่สุด แถมยังนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้อีกด้วยเมื่อต้องเสียภาษี ซึ่งในส่วนนี้เอเจนซี่ที่เป็น Partner อย่างเป็นทางการกับ Google, Facebook, LINE สามารถทำให้คุณได้ และมีไม่กี่ที่ในไทยที่ทำได้ด้วยนะ

10.  ชื่อเสียงของเอเจนซี่

เอเจนซี่มีมากมาย แต่อย่างน้อย เลือกเจ้าที่มีประสบการณ์ในการทำออนไลน์ เอเจนซี่โฆษณาแบบออฟไลน์ เดี๋ยวนี้ก็กระโดดมาทำออนไลน์เยอะแยะ แต่เราอยากแนะนำว่า ให้เลือกเจ้าที่เก่งเฉพาะทาง เช่น บางเจ้าเก่งในการผลิต Spot โฆษณาทีวี / ไวรัลวิดีโอ บางเจ้าเก่ง SEO บางเจ้าเก่ง Influencer Marketing ฯลฯ การเลือกจากความเชี่ยวชาญของเอเจนซี่ก็ถือว่าเป็นการการันตีความคุ้มค่าได้ประมาณนึง

เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับ 10 ข้อที่ควรรู้ก่อนจ้างเอเจนซี่ทำโฆษณาออนไลน์ Sellsuki หวังว่าใครที่อ่านอยู่จะเตรียมพร้อมตัวเองมากขึ้นก่อนจ้างงาน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของแบรนด์คุณ ส่วนใครที่สงสัยว่าแล้ว Sellsuki ล่ะ ทำอะไรได้บ้าง? ตรงนี้ก็ขอประชาสัมพันธ์หน่อยนะครับว่าตอนนี้เราเป็นบริษัทเดียวในไทยที่ “เป็น Official Partner ทั้ง Google, Facebook และ LINE” ดังนั้น เรื่องโฆษณาลงบน 3 แฟลตฟอร์มนี้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องคุณภาพเลยล่ะครับ

อย่าลืมกดติดตาม Sellsuki ได้ทั้งช่องทาง Facebook และ YouTube เพื่อไม่ให้พลาดกิจกรรม และเรื่องราวดี ๆ ด้านตลาดออนไลน์ก่อนใครอย่างแน่นอน

แท็ก AdvertisingSalese-Commerce

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article