คิดจะขายของบน Facebook ใช่ว่าจะต้องเปย์เงินเน้นโฆษณาเพียงอย่างเดียว เพราะยังมีอีกหลากหลายปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจสินค้าของเราอีกมากมาย และที่ทำสำคัญ วิธีที่จะมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ในวันนี้ บอกได้เลยว่าไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว! ขอแค่เพียงลองทำตามให้ครบทุกวิธี คู่แข่งที่ขายของบน Facebook เหมือนกันเป็นต้องงงแน่นอนจ้า
หลายคนที่ขายของบนเฟซบุ๊ก มักตกม้าตายตรงข้อนี้กันเยอะ เพราะสิ่งสำคัญในอันดับแรก ๆ ที่ลูกค้าจะเจอเราก็คือการพิมพ์ค้นหาชื่อสินค้านั่นเอง ซึ่งการตั้งชื่อสินค้า ควรตั้งให้ตรงกับกลุ่มลูกค้า เช่น ถ้าเราขายเกี่ยวกับกลุ่มนักท่องเที่ยว เราควรตั้งชื่อสินค้าให้ตรงกลุ่มอย่าง “กระติกน้ำสำหรับเดินป่า” มากกว่า “กระติกน้ำ 2 ลิตร” เป็นต้น เพื่อนๆจะเห็นได้ว่า ถึงจะเป็นกระติกน้ำเหมือนกัน แต่เวลากลุ่มลูกค้าของเราพิมพ์ค้นหาก็จะเน้นไปที่ชื่อสินค้าตรงตัวมากกว่า ดังนั้น การตั้งชื่อจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการพาสินค้าไปหาลูกค้านั่นเอง
มีใครเคยสังเกตไหมว่าการใส่แฮชแท็กในการขายของบนเฟซบุ๊กนั้นมีประโยชน์อย่างไร? คำตอบก็คือ..จะช่วยเพิ่มให้คนในโลกออนไลน์มีโอกาสเห็นโพสต์หรือสินค้าของเรามากขึ้น ถึงแม้ว่าคน ๆ นั้นจะยังไม่ได้ติดตาม ซึ่งการใส่แฮชแท็กก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงใส่เครื่องหมาย # และพิมพ์ตาม โดยมีเงื่อนไขไม่เว้นวรรค ห้ามใส่สัญลักษณ์ หรืออิโมจิ เช่น #เสื้อผ้าเกาหลี , #โปรโมชั่นพิเศษ เป็นต้น และอีกหนึ่งเทคนิคของการใส่แฮชแท็ก คือการใส่เพื่อเน้นข้อความให้โดดเด่น ใช้ในกรณีอย่างเช่น เปิดหัวแคปชั่นให้สะดุดตา หรือใส่ในประโยคแคปชั่นเพื่อเน้นให้คนได้อ่านข้อความสำคัญของโพสต์นั้น ๆ
เวลาขายบนเฟซบุ๊กในยุคนี้สักชิ้น ผู้ซื้อก็มักต้องการที่จะเช็คเครดิตผู้ขาย หรือร้านค้าก่อนว่า ขายจริงไหม สินค้าตรงปกหรือไม่ การสร้างเครดิตจึงสำคัญมาก เพราะเป็นตัวชี้วัดถึงความมั่นใจในการซื้อของลูกค้า ฉะนั้น การรีวิวสินค้า รีวิวจากลูกค้า หรือแม้แต่ที่ตั้งของร้านค้า ก็ถือว่าเป็นการสร้างเครดิตให้แก่ตัวผู้ขายเอง และเวลาเราซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ เราจะอยากได้สินค้ามาใช้เร็ว ๆ ใช่ไหมล่ะ ลูกค้าก็เช่นกัน การส่งสินค้าไวและส่งตามกำหนดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะได้ใจขาช้อปออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราทำทั้ง 2 เรื่องนี้ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้ ตรงนี้จะช่วยส่งเสริมเรื่องการตัดสินใจในสั่งซื้อของลูกค้าแน่นอน
คิดจะขายของบนเฟซบุ๊กทั้งที ทำไมไม่ขายให้ครบทุกพื้นที่ ที่พี่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก สร้างให้มาล่ะ เพราะยิ่งมีร้านค้าเยอะ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ามาเจอสินค้าของเราได้เยอะเช่นกัน ซึ่งเฟซบุ๊กไม่ได้มีแค่การสร้าง Page แต่ยังมีฟีเจอร์เด็ด ๆ อีกมากมายอย่าง Marketplace , Live , Facebook Group ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนสามารถสร้างโอกาสในการขายได้ทั้งหมด โดยไม่เสียเงินสักบาทในการใช้ฟีเจอร์พวกนี้ อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ตามนี้เลย
เพียงแค่มีบัญชีเฟซบุ๊กก็สามารถลงขายสินค้าได้ทันที ซึ่งข้อดีของช่องทางนี้คือ การแบ่งหมวดหมู่ และใส่คำอธิบายรายละเอียดของสินค้า รวมถึงราคาสินค้า หากมีคนสนใจก็สามารถทักข้อความคุยกับผ่านทางข้อความได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นบัญชีส่วนตัว หรือบัญชีเพจก็สามารถใช้ฟีดเจอร์ Live ได้เหมือนกัน และต้องบอกเลยว่าร้านค้าส่วนใหญ่มักนิยมใช้วิธีนี้มาก เพราะสามารถโชว์สินค้าได้ ณ เวลานั้น อีกทั้งยังพูดคุยตอบโต้จากคอมเมนต์ลูกค้าได้อีกด้วย ขอเพียงแคเรามีมือถือ 1 เครื่อง ก็สามารถถ่ายทอดสดขายของบน Facebook ได้แล้ว
บอกได้เลยว่าวิธีนี้เด็ดมาก เพราะกลุ่มแต่ละกลุ่มจะเป็นคนที่มีความสนใจในสิ่ง ๆ นั้นอยู่แล้วตามชื่อของกลุ่ม เพียงแค่เราพิมพ์ค้นหาแล้วกดเข้าร่วม ซึ่งเป็นการขายของที่เรียกได้ว่า ตรงกลุ่มเป้าหมายสุด ๆ ไปเลย แต่ก่อนขายอย่าลืมศึกษากฎระเบียบของกลุ่ม ๆ นั้นก่อนนะ
ขายดีอยู่แล้ว ใช่ว่าจะต้องไม่มีโปรโมชั่น เพราะโปรโมชั่นนี่แหละที่ทำให้ลูกค้ากล้าที่จะควักเงินในกระเป๋ามาซื้อสินค้าของเราอย่างเต็มใจในช่วงเวลาที่กำหนด แต่ข้อควรระวังสำหรบข้อนี้คือ ไม่ควรจัดโปรโมชั่นมากหรือถี่จนเกินไป เพราะเหมือนเป็นดาบสองคมที่จะสร้างพฤติกรรมลูกค้าให้รอซื้อแต่เฉพาะช่วงลดราคาพิเศษเท่านั้น เป็นไปได้ควรมีโปรโมชั่นในช่วงที่อยากกระตุ้นยอดขายจริง ๆ เท่านั้น อย่างช่วง สิ้นปี, ปีใหม่, เทศกาล หรืออาจเป็นช่วงกลางเดือนที่กำลังในการใช้จ่ายของลูกค้ามีแนวโน้มน้อยลง เพื่อกระตุ้นยอดขายของเรา
ว้าววว ข้อมูลแน่นขนาดนี้ ไฟในการขายของบน Facebook เริ่มลุกแล้วใช่ไหมล่ะ ก่อนจะไปเริ่มลุย อย่าลืมเป็นกำลังใจช่วยติดตามน้องสุกิผ่าน Facebook และก็ทาง YouTube ด้วยน้า บ๊ายบายยย