เจ้าแห่งตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ตอนนี้ ไม่ว่าเป็นแอพส้ม Shopee หรือ Lazada ก็ตาม หนึ่งในช่องทางที่แม่ค้า และแบรนด์สินค้าต่างให้การยอมรับว่าเป็น Marketplace ที่นักช้อปให้ความสนใจ และเข้ามาซื้อของช้อปออนไลน์กันเป็นจำนวนมาก
แน่นอนว่าการลงสินค้า หรือลงสต๊อกสินค้า ก็จะมีขั้นตอนที่มีรายละเอียดยิบย่อย ยิ่งถ้าเป็นแม่ค้ามือใหม่ ที่ไม่เคยมีหน้าร้าน และต้องการทราบว่าสินค้าแต่ละตัวต้องลงอย่างไร ใส่ราคาตรงไหน คิดราคายังไง และมีข้อมูลและอะไรบ้างที่ต้องเตรียมตัวก่อน เพิ่มยอดขายหน้าร้านฉบับมือใหม่ ขายของในลาซาด้า VS ช้อปปี้
บทความนี้จะเหมาะสมกับเจ้าของแบรนด์ที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว หรือน้องใหม่เองก็ตาม ที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับวิธีลงสินค้าขายของ ที่จะง่ายต่อการเข้าใจ และสื่อสารให้เข้าถึงลูกค้าได้ด้วยตนเอง
ดังนั้นเราไปดูกันว่าระหว่าง ช้อปปี้ กับ ลาซาด้า จะมีขั้นตอน หรือเคล็ดลับการลงสต๊อกสินค้าในรูปแบบไหน และแม่ค้าอย่างเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการขายสินค้าบนช่องทางแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ยอดนิยมทั้งสองนี้ ไปดูกัน
ในปัจจุบันตลาดออนไลน์ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อผู้ทำธุรกิจค้าขายเป็นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดเป็นแพลตฟอร์มต่าง ๆ สำหรับการขาย การแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
คุณสามารถกดเข้าแอพซื้อของออนไลน์ หรือช้อปผ่านเว็บไซต์ก็ตาม และในฐานะผู้ขาย ก็สามารถลงสินค้า รายละเอียดต่างๆ ภายในร้าน สร้างรายได้ให้กับธุรกิจของตนเอง
แต่การจะขายสินค้าได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการลงสินค้าในร้านค้าออนไลน์ เพื่อแจ้งให้ผู้ซื้อทราบถึง ข้อมูลสินค้า ราคา ประเภทรูปแบบต่าง ๆ
โดยขั้นตอนการลง ก็ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน สามารถทำได้ด้วยตนเอง สะดวก รวดเร็ว ออนไลน์ได้ทุกที่ตลอดเวลา
เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่อง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็ลงขายสินค้าได้ทันใจลูกค้าแน่นอน
รูปภาพถ่ายสินค้า : คุณสามารถใส่รูปภาพสินค้าได้สูงสุด 9 รูป + วีดีโอสินค้า
แนะนำว่า ถ่ายสินค้าให้ชัดเจน วางรูปแบบให้สามารถมองสินค้าได้ครบทุกมุมมอง
ชื่อสินค้า : ควรตั้งชื่อสินค้าด้วย Keyword ที่คิดว่าลูกค้าจะใช้ค้นหาสินค้า เช่น เสื้อแฟชั่น เดรสเกาหลี รวมไปถึงการใช้ภาษาที่ง่ายต่อการจดจำ เข้าใจง่าย
รายละเอียดสินค้า : ควรบอกคุณสมบัติสินค้าให้ครบถ้วน วิธีการใช้งาน จุดเด่นของสินค้า และการใช้ #Hashtag เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ง่ายต่อการค้นหาสินค้าและช่วยเพิ่มการมองเห็น
ราคาสินค้า : การตั้งราคาต้องเหมาะสมกับสินค้าแบบเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกับที่ขายอยู่
แนะนำว่า ควรบวกค่าธรรมเนียมของแต่ละแพลตฟอร์มด้วย ป้องกันปัญหากำไรเท่าทุนที่จะเกิดขึ้น
กับขั้นตอนง่าย ๆ เท่านี้ ก็สามารถสร้างรายได้ เพิ่มช่องทาง และมอบโอกาสในการขายได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับแบรนด์ได้อย่างสบาย ๆ ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียการลงทุนในการหาทำเลหน้าร้านเพื่อขายสินค้าอีกต่อไป
และหากคุณกำลังมองหาผู้ช่วย หรือคู่คิดในการทำการตลาดออนไลน์ บนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ Sellsuki คือหนึ่งในผู้ช่วยด้านธุรกิจออนไลน์อันดับหนึ่ง ที่จะเปลี่ยนทุกความยุ่งยาก กลายเป็นเรื่องที่ง่าย เต็มไปด้วยคุณภาพทุกการทำงาน เพียง คลิกที่นี่
อย่าลืมติดตามช่องทางออนไลน์ของเซลสุกิ ทั้ง Facebook , Youtube และ TikTok ด้วยนะคะ