Header-sellsuki.webp
S E L L S U K I
mdi_eye : 74 ph_share-bold : 1 charm_sound-down
อ่าน

5 กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล สำหรับ SME เพิ่มยอดขายแบบเห็นผล

เจาะลึก 5 กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ SME ต้องใช้ ถ้าอยากเพิ่มยอดขาย

5 กลยุทธ์ การตลาดดิจิทัลสำหรับ SME เพิ่มยอดขายแบบเห็นผล! (2).png

การตลาดดิจิทัลในยุคปัจจุบัน ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร ทำไมถึงต้องทำการตลาดออนไลน์

ทุกวันนี้ผู้บริโภคแทบทุกคนเริ่มต้นการค้นหาสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ นั่นหมายความว่า การตลาดดิจิทัลไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่คือ “หัวใจ” ของการทำธุรกิจในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน

สำหรับ SME ที่ต้องการอยู่รอดและเติบโต การมีแค่สินค้าดีหรือบริการเด่นไม่พออีกต่อไป ต้องมีวิธีเล่าเรื่องให้คนรู้จัก ต้องมีช่องทางเข้าถึงลูกค้า และที่สำคัญต้องวัดผลได้จริง

กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล Digital Marketing หรือการตลาดออนไลน์ จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ ช่วยเพิ่มยอดขาย ขยายฐานลูกค้า และสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงในระยะยาว วันนี้ WizeMoves Consult สรุปมาให้แล้วหยิบไปใช้ได้เลย 

5 กลยุทธ์ที่ใช้ได้จริงสำหรับ SME

1. สร้าง Content Marketing ที่ตอบโจทย์ลูกค้า

ทำ Content ในโลกของการตลาดออนไลน์ที่คนอยากอ่าน ไม่ใช่แค่โพสต์ขายของ แล้วชจะช่วยเพิ่มยอดขายได้เลย ต้องเริ่มจากการเข้าใจว่าลูกค้ากำลังเจอปัญหาอะไร แล้วสร้างคอนเทนต์ที่ตอบคำถามหรือให้คำแนะนำ เช่น บทความสั้น คลิปวิดีโอ หรืออินโฟกราฟิก เนื้อหาที่ดีจะช่วยให้แบรนด์กลายเป็นแหล่งความรู้ และค่อย ๆ สร้างความเชื่อมั่นโดยไม่ต้องขายของตรง ๆ โดยมีหัวใจสำคัญคือ “ให้ก่อนขาย” เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว 

นอกจากนี้ การรู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเรามีลักษณะอย่างไร เช่น อายุ เพศ การศึกษา พฤติกรรม จะทำให้เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่าลุ่มลูกค้าของเราชอบคอนเทนต์แบบไหน หรือเราจะสร้างในรูปแบบใดให้เหมาะกับกลุ่มนั้นๆ 

2. ใช้โซเชียลมีเดียให้ตรงเป้าหมาย

ไม่ว่าจะเป็น Facebook, IG หรือ TikTok SME ในการวางกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลให้ใช้ได้จริง ควรวางแผนให้ชัดว่าโพสต์แต่ละชิ้นมีเป้าหมายอะไร ไม่ใช่แค่โพสต์ให้ครบวัน การใช้เครื่องมืออย่าง Reels, ไลฟ์สดแบบโต้ตอบ หรือการยิงโฆษณาแบบวัดผลได้ (Performance Marketing) จะช่วยเปลี่ยนยอดวิวให้กลายเป็นยอดขาย พร้อมทั้งสามารถวัดและประเมินผลได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้อีกหนึ่งเคล็ดลับที่ทำให้กลุ่มลูกค้ารู้จักแบรนด์มากขึ้น หรือสร้างความมั่นใจให้เกิดความน่าเชื่อถือ อยากใช้สินค้าและบริการ คือการใช้กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลโดยใช้ Influencer marketing ถือเป็นอีกกลยุทธ์การตลาดที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจุบัน

3. จับคู่ SEO + SEM ให้เสริมพลังกัน ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ 

SEO คือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google เมื่อลูกค้าต้องการค้นหาสินค้าและบริการ โดยไม่ต้องจ่ายเงินต่อคลิก โดยกลยุทธ์ในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ อาจจะค่อนข้างใช้เวลามากกว่าการทำโฆษณาผ่าน SEM แต่ยังถือเป็นกลยุทธ์การตลาดอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และช่วยเพิ่มยอดขาย ส่วน SEM หรือ Google Ads คือการซื้อโฆษณาเพื่อให้เว็บไซต์ของเราขึ้นทันที ทั้งสองแบบมีข้อดีต่างกัน ถ้าใช้ควบคู่กันอย่างถูกจังหวะ จะกลายเป็น "คู่หูพลังเสริม" ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม หากใช้ร่วมกันอย่างมีกลยุทธ์ จะช่วยเพิ่มยอดขายได้แบบมีนัยสำคัญ ทั้งในระยะสั้นและยาว

การใช้ทั้ง SEO และ SEM ร่วมกัน ช่วยให้ SME ได้เปรียบเหนือคู่แข่งดังนี้:

  1. ครอบคลุมทุกจุดในเส้นทางลูกค้า
    • SEM เหมาะกับการเจาะกลุ่มลูกค้าที่ “พร้อมซื้อ” ทันที เช่น คนที่ค้นหาด้วยคำว่า “ซื้อเครื่องฟอกอากาศราคาถูก”
    • ส่วน SEO เหมาะกับการให้ข้อมูลเชิงลึก เช่น “วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับห้องนอน” ซึ่งช่วยดึงลูกค้าที่อยู่ในช่วงพิจารณา
  2. เสริมความน่าเชื่อถือของแบรนด์
    เมื่อลูกค้าเห็นเว็บไซต์ของคุณทั้งในส่วนโฆษณา (SEM) และผลลัพธ์แบบ Organic (SEO) พร้อมกัน จะช่วยสร้างความไว้วางใจมากขึ้น
  3. ใช้ข้อมูลจาก SEM มาปรับ SEO ได้แบบเรียลไทม์
    คีย์เวิร์ดที่ได้ผลจาก SEM สามารถนำมาพัฒนาเนื้อหา SEO ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
  4. ลดต้นทุนในระยะยาว
    เมื่อ SEO เริ่มติดอันดับดีแล้ว SME อาจลดงบโฆษณาได้บางส่วน และยังคงได้ทราฟฟิกที่มีคุณภาพจาก Organic Search อย่างต่อเนื่อง

4. ใช้ Email + CRM เชื่อมต่อกับลูกค้าเก่า

หากพูดถึงอีเมล์ หลายคนอาจคิดว่าในโลกยุคนี้ที่มีการเติบโตของเพลทฟอร์มโซเชียวมีเดียต่างๆ การใช้อีเมล์ยังจำเป็นหรือไม่ บอกเลยว่าอีเมล์ยังมีความจำเป็นอยู่มากและยังถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญทางการตลาดที่มีอิทธิพลกับลูกค้าในยุคปัจจุบัน การใช้อีเมล์เชื่องต่อกับลูกค้าเก่าส่งผลให้ ลูกค้าเก่ามีโอกาสซื้อซ้ำสูงมาก แม้ว่าแพลตฟอร์มอย่าง Facebook หรือ Instagram จะเหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้ในวงกว้าง แต่อีเมลยังคงเป็นช่องทางที่ ตรงจุด เป็นส่วนตัว และวัดผลได้ชัดเจน เมื่อรวมกับระบบ CRM (Customer Relationship Management) จะยิ่งเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

การรักษาลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำ มีต้นทุนต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ถึง 5 เท่า และอีเมลคือเครื่องมือที่เหมาะที่สุดสำหรับการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ CRM จะช่วยเก็บข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อ ความสนใจ หรือช่วงเวลาที่ลูกค้ามักมีการตอบสนอง จากนั้นสามารถนำข้อมูลนี้มาวางแผนการตลาดผ่านอีเมลได้อย่างแม่นยำ

ตัวอย่างการใช้ข้อมูลจากระบบ CRM มาวางแผนส่งอีเมลอย่างเป็นระบบ เช่น แจ้งโปรเฉพาะบุคคล, แนะนำสินค้าใหม่จากประวัติการซื้อ หรือส่งข้อความวันเกิด พร้อมโค้ดส่วนลด ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายแต่ได้ผลจริงในการดึงรายได้กลับมาจากฐานลูกค้าเดิม

5. วัดผลด้วย Data เพื่อพัฒนาอย่างแม่นยำ

การตลาดดิจิทัลที่ได้ผล ไม่ควรพึ่งแค่ความรู้สึกหรือการคาดเดา แต่ต้องวัดผลได้จริง พร้อมนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ต่อยอดกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics, Meta Ads Manager หรือ Dashboard ภายในเพื่อตรวจสอบว่าแคมเปญไหนทำงานดี แคมเปญไหนต้องปรับ เช่น ดู CTR, ROAS หรือ Conversion Rate เพื่อปรับแผนแบบรู้จริง ไม่เดา

ธุรกิจ SME ที่อยากเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องเริ่มจากการ “เก็บข้อมูลให้ดี วิเคราะห์ให้เป็น และปรับให้ไว” เพราะนั่นคือหัวใจของการทำ Digital Marketing ที่ได้ผลจริงในโลกยุคใหม่


วิธีการวัดผลลัพธ์จากกลยุทธ์แต่ละแบบ

กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลในการเพิ่มยอดขายจะไม่มีความหมาย หากเราไม่สามารถวัดผลได้อย่างแม่นยำ เพราะข้อมูลคือหัวใจของการพัฒนาและปรับกลยุทธ์ให้คุ้มค่ากับงบประมาณที่ลงทุนไป ต่อไปนี้คือวิธีวัดผลที่เจ้าของ SME ควรรู้ แบ่งตามประเภทกลยุทธ์

Content Marketing:

เนื้อหาที่ดีจะไม่ใช่แค่ "น่าสนใจ" แต่ต้อง "สร้างผลลัพธ์" ได้อย่างเป็นรูปธรรม

  • เวลาที่ผู้ใช้ใช้บนเว็บไซต์ (Time on Site):
    หากผู้เข้าชมอยู่ในหน้าเพจหรืออ่านบทความนานขึ้น แสดงว่าเนื้อหาตรงใจและมีคุณค่า ช่วยลด Bounce Rate และเพิ่มโอกาสให้ผู้ชมกลายเป็นลูกค้า
     
  • จำนวนคลิก แชร์ หรือคอมเมนต์ (Engagement Metrics):
    สะท้อนว่าเนื้อหาโดนใจแค่ไหน คนอยากมีส่วนร่วม หรืออยากส่งต่อ หากยอดแชร์สูง ยังส่งผลดีต่อ SEO และการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง
     
  • ยอดผู้ติดตาม (Followers/Subscribers Growth):
    การมีเนื้อหาที่ต่อเนื่องและมีประโยชน์จะทำให้ผู้ชมเลือกติดตามเพจ บล็อก หรือช่องของคุณมากขึ้นในระยะยาว

 

Social Media & Ads: วัดผลจากความคุ้มค่าและการตอบสนองของกลุ่มเป้าหมาย

  • ต้นทุนต่อการคลิก (CPC - Cost Per Click):
    วัดประสิทธิภาพของโฆษณาได้ดี หาก CPC ต่ำแสดงว่าโฆษณานั้นมีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจ
     
  • รายได้จากโฆษณา (ROAS - Return on Ad Spend):
    ชี้ชัดว่าเม็ดเงินที่ใช้ไปคืนกลับมาเท่าไร เช่น ถ้า ROAS เท่ากับ 5 หมายความว่า ทุก 1 บาทที่จ่ายไป ได้กลับมา 5 บาท
     
  • อัตราการมีส่วนร่วม (Engagement Rate):
    คำนวนจากยอดไลก์ คอมเมนต์ แชร์ หารด้วยยอดการเข้าถึง (Reach) ถ้าค่า Engagement สูง แสดงว่าโพสต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพ
     

SEO & SEM:

  • อันดับใน Google (Search Ranking):
    ตำแหน่งเว็บไซต์บนหน้าผลการค้นหา โดยเฉพาะหน้าแรก บ่งบอกว่า SEO มีประสิทธิภาพหรือไม่ ยิ่งอยู่สูง ยิ่งมีโอกาสถูกคลิกมากขึ้น
     
  • อัตราการคลิกเข้าเว็บไซต์ (CTR - Click-Through Rate):
    เปอร์เซ็นต์ของคนที่เห็นลิงก์แล้วคลิกเข้าเว็บ ยิ่ง CTR สูง หมายถึง Title และ Description น่าสนใจและตอบโจทย์การค้นหา
     
  • Conversion จาก Organic และ Paid Traffic:
    วัดจำนวนผู้ที่คลิกจาก Google (SEO หรือ Ads) แล้วทำ Action เช่น สมัครสมาชิก สั่งซื้อ หรือกรอกฟอร์ม ถือเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของทราฟฟิกโดยตรง

5 กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่ได้ผลจริงสำหรับ SME ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคนิค แต่คือการเข้าใจลูกค้า วางแผนอย่างมีระบบ และวัดผลได้อย่างแม่นยำ หากธุรกิจของคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มยอดขายแบบยั่งยืน กลยุทธ์เหล่านี้คือจุดเริ่มต้นสำคัญ

อย่างไรก็ตามการมีผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษารวมทั้งวางแผนกลยุทธ์ให้อย่างรัดกุมจะช่วยให้เพิ่มยอดขายได้จริงแบบประหยัดเวลาโดยไม่ต้องลองผิดลองถูก ปรึกษาวางแผนฟรี WizeMoves Consult พร้อมช่วยให้คุณเห็นภาพรวมตลาด ค้นหาโอกาส และออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะกับแบรนด์ของคุณอย่างแท้จริง

 

a1a720b27d4b19efb1161d5367fea51bb671b797.png

แท็ก Digital MarketingContent MarketingInfluencer MarketingSEO & SEM

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article