หาอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ยังไง? คู่มือเลือกรีวิวสินค้าให้แบรนด์ปัง

ในยุคที่ผู้บริโภคเชื่อใจคนมากกว่าโฆษณา การ หา อินฟลูเอนเซอร์ ที่ใช่จึงเป็นเหมือนการหาเพื่อนคู่คิดที่ช่วยให้แบรนด์ของคุณปังได้แบบไม่พึ่งดวง นี่คือการเปลี่ยนเกมจากการ "ขาย" แบบเก่าเป็นการ "แนะนำ" แบบจริงใจ ซึ่งทรงพลังกว่ามาก

ทำไมการหา อินฟลูเอนเซอร์  ถึงสำคัญกับแบรนด์ยุคนี้

Influencer ไม่ใช่แค่คนดัง แต่เป็นสะพานที่เชื่อมแบรนด์เข้ากับใจลูกค้า  พวกเขาเปลี่ยน "โฆษณาที่น่าเบื่อ" ให้เป็น "คำแนะนำจากเพื่อนที่น่าเชื่อถือ" ซึ่งสร้าง Trust และ Awareness ได้ดีกว่า Ads หลายเท่าตัว เพราะผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมีความรู้สึกร่วมและเชื่อในประสบการณ์ที่แชร์ออกมาในรูปแบบธรรมชาติมากกว่าโฆษณาที่ดูแข็งทื่อ

วิธีหา อินฟลูเอนเซอร์  รีวิวสินค้า ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

การเลือกคนสำคัญที่สุด! อย่าดูแค่ยอดผู้ติดตาม แต่ต้องเจาะลึกไปถึงแก่น

• Demographic & Psychographics
  : เลือก อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีผู้ติดตามตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น อายุ เพศ ไลฟ์สไตล์ ถ้าขายอาหารคลีน  เลือกสายสุขภาพย่อมดีกว่าดาราที่รีวิวทุกอย่าง
   
• Interest ที่ตรงกับสินค้า
  : เลือกคนที่ทำคอนเทนต์ในหมวดเดียวกับสินค้า เช่น บิวตี้บล็อกเกอร์สำหรับเครื่องสำอาง, เทครีวิวสำหรับแกดเจ็ต, หรือสายสุขภาพสำหรับอาหารเสริม
   
• Engagement สำคัญกว่า Follower
  : ยอดผู้ติดตามมากไม่การันตีคุณภาพ ให้โฟกัสที่ Engagement Rate (ไลก์+คอมเมนต์+แชร์) และคุณภาพของคอมเมนต์ เพื่อมั่นใจว่าผู้ติดตามมีส่วนร่วมจริง

การ หาอินฟลูเอนเซอร์ ไม่ใช่แค่ดู “ดังหรือไม่” แต่ต้องเลือกให้ ตรงกลุ่ม + มี Engagement จริง + สนใจสินค้าจริง ถึงจะคุ้มงบและสร้างยอดขายได้

เครื่องมือช่วยหาอินฟลูเอนเซอร์ / หา Influencer Tiktok  ที่คุณควรรู้จัก

• Hype Auditor, Social Blade, หรือเครื่องมือ Local เช่น Tellscore, 
  : แพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของ อินฟลูเอนเซอร์  สามารถดูข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น Demographic ของผู้ติดตาม, Engagement Rate, และ Audience Authenticity ซึ่งจะช่วยให้ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น
   
• การใช้ Hashtag Research หา Creator ที่เกี่ยวข้อง
  : เป็นวิธีที่ง่ายและฟรีที่สุดในการ หา อินฟลูเอนเซอร์ เพียงแค่ค้นหาแฮชแท็กที่ตรงกับสินค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น #รีวิวสกินแคร์ #อาหารคลีน #เที่ยวไทย 
   
• การหา อินฟลูเอนเซอร์  จากกลุ่ม Facebook 
  : กลุ่ม Facebook เป็นแหล่งรวม Influencer หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะ หา influencer รีวิว สินค้า หา influencer tiktok หรือ หา micro influencer ก็สามารถหาได้ในกลุ่ม Facebook แบรนด์สามารถเลือกได้ตามงบและโจทย์ที่ต้องการ โดยปกติค่าใช้จ้างจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับ Influencer ระดับใหญ่

ข้อดี : ได้เจอ Creator หลากหลายแนวในที่เดียว งบประมาณยืดหยุ่น เหมาะกับการทดลองตลาดหรือเจาะกลุ่มเฉพาะ
ข้อเสีย : แบรนด์ต้องคัดเลือกและกรองเอง รวมถึงต้องหาข้อมูลเชิงลึก (insight) ของ Influencer เอง เพื่อให้ได้คนที่ตรงกับเป้าหมายจริง ๆ

•  Agency หรือบริษัทหา อินฟลูเอนเซอร์ 
  : ถ้าไม่อยากเสียเวลาคัดเอง หรืออยากได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำขึ้น สามารถเลือกทำงานกับ Influencer Marketing Agency ได้เลย
  • ทีม Agency จะช่วย วิเคราะห์ Insight + คัดคนที่ตรงกับ Persona ของแบรนด์
     
  • ได้ประโยชน์เรื่อง การเจรจา, การทำสัญญา, และการ Tracking ผลลัพธ์ ที่ครบกว่า
     
  • ลดความเสี่ยงจากการจ่ายงบไปแล้วไม่เกิดผล

การหาอินฟลูเอนเซอร์  ที่ใช่ ไม่จำเป็นต้องเริ่มจาก “คนที่ดังที่สุด” แต่ต้องเริ่มจาก “คนที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่สุด” 

ถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน  ลองให้ WizeMoves Consult ช่วยคุณวิเคราะห์ Insight และหา อินฟลูเอนเซอร์ และคัด influencer ที่เหมาะกับแบรนด์ พร้อมวางแผนแคมเปญแบบวัดผลได้จริง จะได้ไม่ต้องเสี่ยงใช้งบไปฟรี ๆ

หา Influencer TikTok ยังไงให้คุ้มค่า งบไม่บาน

ถ้าจะลุย หา influencer tiktok ต้องเข้าใจเกมของแพลตฟอร์มนี้

• เน้น Authentic
  : คอนเทนต์ต้องดูเป็นธรรมชาติเหมือนเพื่อนมาเล่าให้ฟัง ไม่ใช่การอ่านสคริปต์ที่ดูท่องจำ
   
• ใช้ Trend & Sound
  : ให้ influencer ที่คุณเลือกเล่นกับเทรนด์ฮิตหรือเพลงดัง เพื่อเพิ่มโอกาสให้คลิปของคุณไวรัลและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้าง
   
• เลือก Creator ที่ทำ Short-form Video เก่ง
  : บน TikTok วิดีโอ 3 วินาทีแรกคือหัวใจ ถ้าไม่น่าสนใจก็หลุดจากฟีดทันที ควรเลือกครีเอเตอร์ที่มี:
  • สกิลเล่าเรื่องสั้น ๆ ให้น่าสนใจ
     
  • การตัดต่อที่โดดเด่น
     
  • ความสามารถในการใช้เพลง/เทรนด์ยอดนิยมให้เข้ากับคอนเทนต์
     
  • เทคนิคการเจรจา + Barter หรือ Hybrid
    : สำหรับแบรนด์งบจำกัด
     
  • Barter
    : แลกสินค้ากับรีวิว ประหยัดงบแต่ยังได้คอนเทนต์จริง
     
  • Hybrid
    : จ่ายเงินบางส่วน + สินค้า ได้คุณภาพที่สูงขึ้น พร้อมควบคุมงบประมาณ

 วิธีนี้ทำให้แบรนด์เล็กก็เข้าถึง Influencer ได้ โดยไม่ต้องใช้งบก้อนใหญ่ตั้งแต่แรก

Micro Influencer คืออะไร? และทำไมถึงน่าสนใจกว่าที่คิด

อย่ามองข้ามคนตัวเล็ก! การ หา micro influencer คือทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าที่คิด

• พลังปากต่อปาก
  : ผู้ติดตามของเขาเชื่อใจกันจริงจัง ทำให้รีวิวมีพลังกว่า influencer เบอร์ใหญ่ เพราะผู้ติดตามรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้
   
• งบไม่บาน
  : ใช้เงินน้อยกว่า แต่ได้ Engagement ที่สูงกว่า ทำให้แบรนด์สามารถทดลองแคมเปญใหม่ ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณสูง

หากคุณต้องการรู้ว่า Influencer อื่นๆ มีความน่าสนใจ หรือเหมาะกับการทำแคมเปญแบบไหนสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : อินฟลูคืออะไร ? 5 ประเภทอินฟลู ที่แบรนด์เลือกควรใช้ให้ถูก

Checklist ก่อนเลือก Influencer มาทำแคมเปญ

ก่อนเซ็นสัญญา มาดูกันว่า หา influencer รีวิว สินค้า แล้วต้องเช็กอะไรบ้าง

• ดูยอดจริง
  : ใช้เครื่องมืออย่าง HypeAuditor หรือ Social Blade เพื่อตรวจสอบยอด Reach และ Engagement ที่เห็นว่าไม่ได้มาจากการปั๊มยอดปลอม
   
• สไตล์เข้ากับแบรนด์
  : โทนการพูด การตัดต่อ ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับแบรนด์ของคุณ
   
• ประวัติสะอาด
  : ไม่มีประเด็นดราม่าที่อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์แบรนด์ในอนาคต

วิธีวัดผล ROI ของการทำ Influencer Marketing

การวัดผลที่แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณรู้ว่าการลงทุนใน Influencer Marketing คุ้มค่าหรือไม่ การดูแค่ยอดขายเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะยังมีผลลัพธ์อื่น ๆ ที่ส่งผลต่อแบรนด์ในระยะยาว

การวัดผลเชิงปริมาณ (Quantitative Metrics)
: การวัดผลเชิงปริมาณคือการดูตัวเลขที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่บอกว่าแคมเปญของคุณมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน

• Reach & Impressions
  : นี่คือตัวชี้วัดเบื้องต้นที่บอกว่าคอนเทนต์ของคุณเข้าถึงผู้คนได้กี่คน ยิ่งตัวเลขนี้สูงยิ่งดี 
   
• Engagement Rate (อัตราการมีส่วนร่วม)
  : ตัวเลขนี้สะท้อนว่าคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์น่าสนใจแค่ไหน โดยวัดจากยอดไลก์ คอมเมนต์ แชร์ และเซฟ หาก Engagement Rate สูงกว่าค่าเฉลี่ยของแพลตฟอร์ม แสดงว่าคอนเทนต์นั้นมีคุณภาพและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้จริง
   
• Traffic (จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์)
  : ติดตามจำนวนผู้เข้าชมที่มาจากลิงก์ของอินฟลูเอนเซอร์ โดยใช้ UTM Tracking หรือลิงก์เฉพาะ (Unique Link) เพื่อดูว่าคอนเทนต์ของช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาที่เว็บไซต์ได้แค่ไหน
   
• Conversion Rate (อัตราการเปลี่ยนลูกค้า)
  : วัดผลจากยอดขายที่เกิดขึ้นจริง โดยใช้โค้ดส่วนลด (Promo Code) ที่ตั้งขึ้นสำหรับอินฟลูเอนเซอร์แต่ละคน วิธีนี้จะทำให้รู้ได้ว่ายอดขายที่ได้นั้นมาจากใคร และคุ้มค่ากับค่าจ้างหรือไม่

การวัดผลเชิงคุณภาพ (Qualitative Metrics)
: นอกจากตัวเลขแล้ว ผลลัพธ์เชิงคุณภาพก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะมันคือสิ่งที่สร้างความรู้สึกและมุมมองของผู้บริโภคต่อแบรนด์

• Brand Sentiment (ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อแบรนด์)
  : ติดตามคอมเมนต์และรีวิวที่เกิดขึ้นหลังจากแคมเปญ เพื่อดูว่าผู้บริโภคมีความคิดเห็นอย่างไรต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์
   
• Brand Lift & Awareness (การรับรู้และความน่าเชื่อถือของแบรนด์)
  : ทำแบบสำรวจก่อนและหลังแคมเปญเพื่อดูว่าผู้บริโภครู้จักและเชื่อถือแบรนด์ของคุณมากขึ้นหรือไม่
   
• การพูดถึงแบรนด์ (Brand Mention)
  : ตรวจสอบจำนวนครั้งที่แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดีย หรือการสร้างคอนเทนต์จากผู้บริโภค (User-Generated Content) ที่เกิดขึ้นหลังจากแคมเปญ

การวิเคราะห์ Funnel: ดูว่าลูกค้าอยู่ในขั้นตอนไหน
: การทำความเข้าใจ Customer Journey จะช่วยให้คุณเลือกใช้ตัวชี้วัดที่ถูกต้องในแต่ละขั้นตอน และรู้ว่าคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์ทำงานได้ดีแค่ไหนในแต่ละส่วนของ Sales Funnel

• Awareness (การรับรู้)
  : เน้นวัดผลจาก Reach, Impressions และ Brand Mentions
   
• Consideration (การพิจารณา)
  : ดูจาก Engagement Rate, Traffic และอัตราการคลิกเข้าชมสินค้า (CTR)
   
• Conversion (การตัดสินใจซื้อ)
  : วัดผลจาก Conversion Rate, Promo Code และยอดขายที่เกิดขึ้นจริง
   
• Retention & Loyalty (การกลับมาซื้อซ้ำ)
  : ดูจากจำนวนผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้นและคอมเมนต์จากลูกค้าเก่าที่กลับมาซื้อซ้ำหลังจากการรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์

การ หา อิน ฟ ลู เอน เซอร์ ไม่ใช่แค่การทำตามเทรนด์ แต่คือการวางกลยุทธ์ที่รอบด้านตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะการเลือกคนที่ใช่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณโตได้จริงและยั่งยืน

พร้อมจะหาคนคู่ใจมาช่วยธุรกิจให้โตแบบก้าวกระโดดแล้วยัง? ให้เราช่วยวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะกับคุณ ติดต่อเราวันนี้!

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจที่เชี่ยวชาญต้องนึกถึง Sellsuki ผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่ครบเครื่องมากที่สุด ผู้ช่วยมองหาทางที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือ WizeMoves Consult ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย หรือ WizeMoves e-Dis บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี พร้อมด้วย Akita Fulfillment บริการคลังสินค้าครบวงจร และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ