mdi_eye : 7 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

กลยุทธ์การตลาดตัวอย่าง 2025: รวมกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดเร่งยอดขาย

กลยุทธ์ทางการตลาดตัวอย่าง 2025: รวมกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดที่เร่งยอดขายได้จริง

กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดคืออะไร?

“กลยุทธ์การตลาด” (Marketing Strategy) คือภาพใหญ่ที่กำหนดทิศทางธุรกิจ เช่น การวาง Positioning, การกำหนด Customer Segment, การสร้าง Value Proposition หรือการเลือกช่องทางสื่อสารที่เหมาะสม

แต่ในทางปฏิบัติ “กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด” (Promotion Strategy) คือส่วนเสริมที่เข้ามาช่วย เร่งยอดขายในระยะสั้น ผ่านกิจกรรมที่กระตุ้นการซื้อ เช่น ส่วนลด, แคมเปญ Flash Sale, การจัดกิจกรรมร่วมกับ Influencer หรือการให้รางวัลลูกค้าประจำ

กล่าวง่าย ๆ ก็คือ การตลาด สร้างแบรนด์ – การส่งเสริมการตลาด สร้างยอดขายทันที

  • กลยุทธ์การตลาด : สร้าง Awareness + Trust
  • กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด : กระตุ้น Action + Conversion

ทำไมครึ่งปีหลังต้องโฟกัสกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด

ปี 2025 เป็นปีที่สภาพเศรษฐกิจไทยยังคงผันผวน  GDPในไทยจะโตเพียง 1.1% - 1.5% ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ (ข้อมูลเพิ่มเติม : Brand Inside ) และการแข่งขันที่สูงขึ้นในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ ธุรกิจค้าปลีกและ E-commerce ที่ผู้เล่นใหม่เข้ามาไม่หยุด

  • กำลังซื้อผันผวน: ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ต้องการ “ความคุ้มค่า” เป็นหลัก
  • การแข่งขันสูง: ทั้งผู้เล่นในประเทศและแบรนด์ต่างประเทศเข้ามาแย่ง Market Share
  • แพลตฟอร์ม E-commerce แข่งโปรโมชันหนัก: เทศกาล 9.9, 10.10, 11.11, 12.12 กลายเป็นสนามรบที่แบรนด์ต้องเข้าร่วม

ดังนั้น หนึ่งใน กลยุทธ์ทางการตลาดตัวอย่าง ที่เห็นผลเร็ว คือการใช้ กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด ซึ่งช่วยเร่งยอดขายในระยะสั้นได้ทันที  
อย่างไรก็ตาม การโฟกัสที่ กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด เพียงอย่างเดียวอาจทำให้ธุรกิจติดอยู่ในวงจร “ยอดขายระยะสั้น” เท่านั้น ครึ่งปีหลังของปี 2025 คือช่วงที่แบรนด์ต้อง “เร่งยอด”  แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการ ปรับตัวเชิงกลยุทธ์ในภาพใหญ่ 

  • ใช้ AI และ Data เพื่อเข้าใจลูกค้าให้ลึกขึ้น
  • พัฒนา คอนเทนต์และแบรนด์สตอรี ให้คนจดจำ
  • วางรากฐานการตลาดระยะยาวควบคู่กับแคมเปญกระตุ้นระยะสั้น

การสร้างสมดุลระหว่าง การเร่งยอดขายทันที และ การสร้างคุณค่าแบรนด์ระยะยาว คือสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจไม่เพียงอยู่รอดในครึ่งปีหลัง แต่ยังเติบโตได้ต่อเนื่องในอนาคต

 หากคุณอยากเห็น แนวทางสำคัญสำหรับการตลาดยุคใหม่ ที่ช่วยให้แบรนด์ปรับตัวได้จริงในครึ่งปีหลัง 2025 ลองอ่านต่อที่นี่: 5 แนวทางสำคัญ สำหรับกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ ที่ธุรกิจไทยควรรู้และปรับใช้

กลยุทธ์ทางการตลาดตัวอย่าง : กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดที่เร่งยอดขายได้จริง

1. Flash Sale & Online Campaign

สร้าง Urgency Effect  ผู้บริโภคกลัวพลาด (FOMO)

เหมาะกับ: E-commerce, Retail, Beauty, FMCG

  • วิธีทำ:
    • กำหนดเวลาแคมเปญสั้น ๆ (เช่น 9.9, 11.11, 12.12 หรือ 3 ชั่วโมงต่อวัน)
    • ใช้ Push Notification / LINE OA แจ้งเตือนก่อนเริ่ม
    • เพิ่ม “โค้ดลับ” สำหรับลูกค้าที่ติดตาม Social Media
  • ข้อดี:
    • เร่งยอดขายทันที
    • สร้าง Buzz บนโซเชียล
  • ข้อจำกัด:
    • ถ้าใช้บ่อย ลูกค้าจะรอแต่โปร  ทำให้แบรนด์เสีย Value

2. Bundle Promotion & Cross-selling

ทำให้ Average Order Value (AOV) สูงขึ้น

  • วิธีทำ:
    • Bundle แบบ สินค้าขายดี + สินค้าใหม่
    • Cross-sell ที่หน้าตะกร้าสินค้า เช่น “เพิ่มอีก 100 บาท ได้ฟรีค่าส่ง”
  • ข้อดี:
    • ลูกค้าได้ความคุ้มค่า
    • แบรนด์ดันสินค้าใหม่ได้ไว
  • ข้อจำกัด:
    • ถ้าจัด bundle แบบ “ยัดเยียด”  ลูกค้าไม่ซื้อ

3. Loyalty Program & Point Reward

ช่วยสร้าง CLV (Customer Lifetime Value)

  • วิธีทำ:
    • สะสมแต้มทุกการซื้อ  แลกสินค้า/บริการ
    • ทำ Tiered Program (Silver, Gold, Platinum)
    • ใช้ App / LINE OA เป็นศูนย์กลางเก็บแต้ม
  • ข้อดี:
    • ดึงลูกค้าเก่าให้ซื้อซ้ำ
    • ได้ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า
  • ข้อจำกัด:
    • ต้องลงทุนในระบบ + UX ดี ไม่งั้นลูกค้าไม่อยากใช้

4. Collaboration Campaign (Co-Branding / KOL)

ได้ฐานลูกค้าใหม่ + Viral Effect

  • วิธีทำ:
    • จับมือกับแบรนด์ที่ Target ใกล้กันแต่ไม่ซ้ำกัน
    • ทำ Product Limited Edition + Online Campaign
    • ใช้ Influencer ร่วม Live / รีวิว
  • ข้อดี:
    • ได้ Reach 2 ฝั่ง
    • มี Storytelling ที่ชัด
  • ข้อจำกัด:
    • ต้องเลือกพาร์ทเนอร์ที่ Image ไม่ขัดกัน

5. Hyper-local Promotion

ผู้บริโภคมองหาความใกล้ตัว & ความคุ้มค่า

  • วิธีทำ:
    • ใช้ Geo-target Ads ยิงโฆษณาเฉพาะเขต เช่น “โปรโมชั่นเฉพาะ BTS อโศก”
    • จัด Mini Event ในห้างท้องถิ่น / community mall
    • แจกคูปองออนไลน์ใช้ได้เฉพาะสาขาใกล้บ้าน
  • ข้อดี:
    • เจาะกลุ่มลูกค้า “พร้อมซื้อจริง”
    • ลดงบโฆษณาสูญเปล่า
  • ข้อจำกัด:
    • Scale ยาก  เหมาะกับธุรกิจ Retail / SME

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดจะมีพลังแค่ไหน สิ่งที่ต้องจำไว้คือ นี่คือ “เครื่องมือเร่งระยะสั้น” ถ้าแบรนด์พึ่งพาแค่โปรโมชั่น ลูกค้าอาจจดจำเพียง “ส่วนลด” ไม่ใช่ “คุณค่า” ของแบรนด์จริง ๆ คำถามคือ… แล้วจะทำยังไงให้กลยุทธ์ระยะสั้นเหล่านี้ “ต่อยอด” ไปสู่การสร้างแบรนด์ระยะยาว? คำตอบคือ การ “ผสาน” กลยุทธ์การตลาดและกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดเข้าด้วยกัน

ถ้าไม่อยากให้โปรโมชั่นกลายเป็น “กับดักราคา” ที่ลูกค้าจำแบรนด์ได้แค่เพราะส่วนลด ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การตลาดของ WizeMoves Consult ที่จะช่วยคุณออกแบบ Promotion ให้เร่งยอดได้ แต่ยังคงคุณค่าแบรนด์ในระยะยาว

วิธีผสานกลยุทธ์การตลาด + กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด

การผสานกลยุทธ์การตลาด+กลยุทธ์ส่งเสริมการขาย ทั้งสองเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างการรับรู้และความเชื่อใจ (Awareness + Trust) จากนั้นใช้โปรโมชั่นเป็นตัวเร่งปิดการขาย (Action + Conversion) ผลลัพธ์คือธุรกิจไม่เพียงแต่ได้ยอดขายทันที แต่ยังสร้างฐานลูกค้าที่จดจำและผูกพันกับแบรนด์ในระยะยาว

1. เริ่มจาก Content Marketing เพื่อสร้าง Awareness

  • ใช้บทความ, วิดีโอ, หรือโพสต์ที่เล่าเรื่องราวของแบรนด์
  • สร้างคุณค่าให้กับผู้บริโภค เช่น ความรู้, How-to, หรือแรงบันดาลใจ
  • จุดประสงค์: ให้ลูกค้าจำแบรนด์ได้และมองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่นั้น

2. เติม Promotion เพื่อปิดการขายทันที

  • เมื่อผู้บริโภครับรู้แบรนด์แล้ว ต้องมี “ตัวกระตุ้น” ให้ตัดสินใจซื้อ เช่น ส่วนลด, Flash Sale, ของแถม, หรือโปรเฉพาะช่วงเวลา
  • เช่น ทำ Live Commerce ที่เล่าเรื่องสินค้าแล้วต่อด้วยโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะคนที่กำลังดูอยู่

3. ใช้ Funnel เชื่อมต่อทั้งสอง

  • Awareness : Content Marketing เช่น บทความ SEO, TikTok/IG Reels ที่เล่า Insight
  • Consideration : รีวิวลูกค้า/Influencer ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ
  • Conversion :  Promotion เช่น Code ส่วนลด, Bundle Deal
  • Loyalty : โปรโมชั่นเฉพาะสมาชิก + Content ที่เล่าเรื่องเบื้องหลัง/วิสัยทัศน์ของแบรนด์

4. ตัวอย่างการผสานกลยุทธ์การตลาด + ส่งเสริมการตลาด

  • แบรนด์สกินแคร์:
    • Awareness: คลิปรีวิวสั้น “ทำไมผิวโทรมง่ายในหน้าฝน”
    • Consideration: Influencer แชร์ Before–After
    • Conversion: แจกโค้ดส่วนลด 20% สำหรับ 3 วันแรก
    • Loyalty: ลูกค้าที่ซื้อได้รับสิทธิ์เข้ากลุ่ม Line OA ดู Live ให้คำปรึกษาฟรี
  • ร้านกาแฟท้องถิ่น:
    • Awareness: คอนเทนต์เล่าเรื่อง “ปลูกกาแฟอินทรีย์จากชุมชน”
    • Conversion: โปร 1 แถม 1 ในวันเปิดร้าน
    • Loyalty: บัตรสะสมแต้ม + คอนเทนต์แชร์วิธีดริปกาแฟที่บ้าน

สรุป — โปรโมชันเร่งยอดคือ “เชื้อเพลิง” ไม่ใช่ “เส้นทาง”

แม้กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด เช่น Flash Sale, Bundle, หรือ Collaboration จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้จริงในระยะสั้น แต่ธุรกิจไม่สามารถพึ่งพาเพียงแค่นี้ตลอดไปได้ หากใช้บ่อยเกินไป ลูกค้าอาจ “ชินกับโปร” และมองข้ามคุณค่าที่แท้จริงของแบรนด์ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือครึ่งปีหลังที่กำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนแรง การจัดโปรโมชั่นอย่างเดียวอาจไม่พอ สิ่งที่ควรทำคือการ ผสมผสานโปรโมชันกับ Storytelling และสิทธิประโยชน์พิเศษ เช่น สิทธิสำหรับสมาชิก, ของขวัญพิเศษ, หรือคอนเทนต์เล่าเรื่องที่ทำให้ลูกค้า “อิน” ไปกับแบรนด์ ไม่ใช่แค่ซื้อเพราะราคาถูก

 หากคุณอยากให้กลยุทธ์การตลาดและการส่งเสริมการขายทำงานเสริมกัน ไม่ใช่แค่ได้ยอดขายระยะสั้น แต่สร้างฐานลูกค้าที่ยั่งยืน ปรึกษาฟรีกับทีม WizeMoves Consult วันนี้ เราช่วยคุณออกแบบทั้งกลยุทธ์และแคมเปญส่งเสริมการตลาดครบวงจร — จากการวิเคราะห์ Insight  การสร้าง Content ไปจนถึงการวัด ROI จริง

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจที่เชี่ยวชาญต้องนึกถึง Sellsuki ผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่ครบเครื่องมากที่สุด ผู้ช่วยมองหาทางที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือ WizeMoves Consult ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย หรือ WizeMoves e-Dis บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี พร้อมด้วย Akita Fulfillment บริการคลังสินค้าครบวงจร และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ

แท็ก Marketing

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article