mdi_eye : 351 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

หา Influencer แบบไหนคุ้ม? ข้อดี ข้อจำกัดจากเว็บหาอินฟลูจนถึงเอเจนซี่

หา Influencer แบบไหนคุ้ม? เทียบข้อดี–ข้อจำกัดจากเว็บหา Influencer จนถึงจ้างเอเจนซี่

การ “หา Influencer” ไม่ง่ายอย่างที่คิด

ในปี 2025 ตลาดการทำการตลาดด้วย Influencer ในไทยมีมูลค่ามากกว่า 12,000 ล้านบาท และยังเติบโตทุกปี เหตุผลเพราะผู้บริโภคเชื่อรีวิวที่มาจากคนที่ “เขาติดตามอยู่แล้ว” มากกว่าการเห็นโฆษณาทั่วไป แต่การจะ หา Influencer ที่ใช่ ไม่ได้ง่ายเหมือนการสุ่มเลือกจากยอดฟอลโลเวอร์สูง ๆ เพราะปัญหาที่เจอบ่อยคือ:

  • จ้างผิดคน : ผู้ติดตามไม่ตรงกลุ่ม ลูกค้าไม่สนใจ
  • คอนเทนต์ไม่โดน : ดูขายตรงเกินไป ผู้ติดตามไม่อิน
  • งบเสียฟรี : มียอด Reach แต่ไม่มียอดขาย

นี่คือเหตุผลว่าทำไมการ “หา Influencer” ต้องใช้ทั้งข้อมูล + กลยุทธ์ ไม่ใช่ดูแต่ยอดฟอลโลเวอร์

ข้อดี–ข้อจำกัดของ เว็บหา Influencer ที่แบรนด์ควรรู้

หลายแบรนด์ โดยเฉพาะ SME หรือทีมมาร์เก็ตติ้งเล็ก ๆ มักเริ่มต้นจาก เว็บหา Influencer (Influencer Marketplace) เช่น Tellscore, The Cloud, Upfluence, AspireIQ เพราะเข้าถึงรายชื่อได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาหาทีละคนจากโซเชียล และมีฟังก์ชันช่วยกรองข้อมูล เช่น เพศ อายุ Location แพลตฟอร์มหลัก หรือ Engagement Rate

ข้อดี เว็บหา Influencer 

  • เข้าถึงรายชื่อจำนวนมากในเวลาอันสั้น
    : ไม่ต้องไปส่องทีละโปรไฟล์เอง ระบบดึงข้อมูลมาให้พร้อม เช่น Instagram follower, TikTok view, YouTube subscriber
  • มีข้อมูลสถิติพื้นฐานให้ดูทันที
    : เช่น ค่า ER%, Reach เฉลี่ย, Audience Demographic (เพศ/อายุ/ประเทศ) → เหมาะกับการทำ shortlist
  • ช่วยประหยัดเวลา
    : จากที่ต้องใช้หลายวัน–หลายสัปดาห์ → เหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ลิสต์เบื้องต้นแล้ว

ข้อจำกัด เว็บหา Influencer 

  • ข้อมูลเป็นสถิติ “อดีต”  :  ไม่การันตีว่าอนาคตยังได้ผลเหมือนเดิม (เช่น เคยได้ 10K ไลก์ ตอนนี้อาจเหลือ 2K)
  • ไม่ได้ช่วยคิดกลยุทธ์ : มีแต่รายชื่อ ไม่ได้บอกว่าควรเล่า Story ยังไง หรือควรใช้กี่คน กี่ช่องทาง
  • มีความเสี่ยงเลือกผิด :  เพราะดูแค่ “ตัวเลข” แต่ไม่เช็กคุณภาพคอนเทนต์จริง
  • ค่าใช้จ่ายแฝง : บางแพลตฟอร์มคิดค่าใช้ระบบ/ค่าธรรมเนียมเพิ่ม

เว็บหา Influencer เหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับ แบรนด์ที่มีทีมมาร์เก็ตติ้งพร้อม เช่น มีคนคอยวิเคราะห์ Data และออกแบบแคมเปญอยู่แล้ว ใช้ Marketplace แค่เป็น “ฐานข้อมูล”
  • แต่ถ้าเป็น SME ที่ต้องการผลลัพธ์ทันที อาจเสี่ยง เพราะสุดท้ายยอดขายไม่เกิด ถ้าไม่มี Storytelling + Funnel ที่ดี

ช่องทางอื่นในการหา Influencer

1. Social Media โดยตรง

  • วิธีการหา Influencer : ค้นหาแฮชแท็กที่เกี่ยวข้อง (#รีวิวครีม, #อาหารคลีน, #OOTD)  , กลุ่ม Line Openchat  เข้าไปดูโปรไฟล์จริง
  • ข้อดี :
    • เห็นคอนเทนต์สดใหม่ทันที
    • ดู “สไตล์” อินฟลูได้ชัด เช่น ภาพสวยจริงหรือรีวิวเนียน
  • ข้อจำกัด:
    • ใช้เวลามากกว่าจะหา Influencer ที่ตรงกับแบรนด์ต้องการ
    • ต้องเช็กสถิติเอง (ER%, Reach จริง) ซึ่งบางทีอินฟลูไม่ยอมให้

เหมาะกับธุรกิจเล็กที่อยากได้ “อินฟลูเรียล” ไม่ใหญ่เกินไป และอยากเลือกด้วยสายตา

2. Social Listening Tool (เช่น Wisesight, Mandala Analytics)

  • วิธีการ หา Influencer : ใช้เครื่องมือฟังเสียงโซเชียล → หา “คนที่ถูกพูดถึงบ่อย” หรือ “พูดถึงสินค้าหรือ category จริง”
  • ข้อดี:
    • เจออินฟลูที่มี “อิทธิพลจริง” ในวงการ เช่น คนพูดเรื่อง Skincare ตลอด ไม่ใช่รีวิวทุกอย่าง
    • ได้ Insight ว่ากลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ไหน ใช้คำอะไรพูดถึงสินค้า
  • ข้อจำกัด :
    • ต้องใช้ทีมที่สามารถอ่าน Data ได้เข้าใจ
    • มีค่าใช้จ่ายเครื่องมือ

 เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการทำ Branding ระยะยาว และอยากเจาะ Insight ลูกค้าลึกกว่าการดู follower

3. เอเจนซี่ / บริการหา Influencer

  • วิธี : ใช้ทีมที่ปรึกษาหรือเอเจนซี่คัดเลือก + วางกลยุทธ์ + จัดการแคมเปญให้ครบวงจร
  • ข้อดี:
    • มีการ “ออกแบบ Storytelling” ให้รีวิวดูจริง แต่ขายได้
    • วัดผล ROI, Conversion ได้ ไม่ใช่ดูแค่ยอดไลก์
    • ลดความเสี่ยงจ้างผิดคน → ได้คนที่ตรงกับ Brand Identity
  • ข้อจำกัด:
    • มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ถ้าเทียบกับงบที่ “รั่วฟรี” จากการลองเอง มักคุ้มกว่า

 หมาะกับแบรนด์ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน เช่น ยอดขายพุ่ง, Awareness จริง, หรือ ROI ที่วัดได้

อย่าเสียเงินไปกับการทดลองผิด ๆ ถูก ๆ — WizeMoves มี Framework + Data ช่วยหาและคัดเลือก Influencer ที่ใช่ และออกแบบ Storytelling ให้ขายได้จริง นัดคุยกับเราฟรีวันนี้

จะเลือก Influencer ยังไงให้ “คุ้ม” และ “เหมาะกับแบรนด์”

การเลือก Influencer ไม่ใช่แค่เรื่อง “จำนวนยอดฟอล” หรือ “เรทค่าจ้างถูก–แพง” เท่านั้น หลายแบรนด์ที่พลาด ก็เพราะมองเพียงตัวเลขบนหน้าโปรไฟล์ แต่ลืมมองว่า คนดูคือใคร เนื้อหาสอดคล้องกับแบรนด์หรือไม่ และผลลัพธ์ที่ได้ตรงกับเป้าหมายจริงหรือเปล่า

1. ดู “กลุ่มผู้ติดตาม” ไม่ใช่แค่ยอดฟอล

  • สิ่งที่ต้องโฟกัส : อายุ, เพศ, พื้นที่, ความสนใจ
  • ทำไมสำคัญ : อินฟลูที่มีผู้ติดตาม 50K แต่ตรงกลุ่ม อาจคุ้มกว่าอินฟลู 500K ที่คนดูไม่ใช่ลูกค้า
  • วิธีตรวจสอบ : ใช้เครื่องมือ Social Listening หรือข้อมูล Audience Insight

 2. เลือกให้ตรงกับ “เป้าหมายแคมเปญ”

  • Awareness :  เลือก Macro/Top Influencer เพื่อ Reach กว้าง
  • Conversion : เลือก Micro/Nano Influencer ที่รีวิวดูจริง ใช้เองแล้วคนเชื่อ
  • Engagement :  เลือก Influencer ที่ทำคอนเทนต์สนุก สร้างการคอมเมนต์/แชร์ได้

หากคุณยังไม่รู้ว่า Influencer แต่ละประเภทมีบทบาทแตกต่างกันอย่างไร อ่านเพิ่มเติม : อินฟลูคืออะไร ? 5 ประเภทอินฟลู ที่แบรนด์เลือกควรใช้ให้ถูก

 3. คำนวณ “ความคุ้มค่า” (ROI)

  • ดู ค่าใช้จ่ายต่อ Reach (CPM) หรือ ค่าใช้จ่ายต่อ Engagement (CPE)
  • เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม 
  • ตรวจสอบว่ามียอดขาย/Lead เพิ่มขึ้นจริง ไม่ใช่ได้แค่ Like

 4. สไตล์ + ความน่าเชื่อถือของ Influencer

  • สไตล์การเล่าเรื่องเข้ากับแบรนด์มั้ย?
  • เคยรับงานสินค้าคู่แข่งหรือยัง?
  • ผู้ติดตามเชื่อว่า “เขาใช้จริง” หรือแค่รับรีวิวทุกอย่าง?

WizeMoves บริการหา Influencer และ วางกลยุทธ์แบบครบวงจรจากเรา

การ “หา Influencer” ที่ได้ผลจริง ไม่ใช่การสุ่มเลือกคนดังหรือเลือกจากเรทค่าจ้าง แต่คือการออกแบบกระบวนการที่ครบตั้งแต่ เข้าใจสินค้า–รู้จักลูกค้า–คัดคนที่ใช่–สร้างคอนเทนต์ที่อิน–และวัดผลทางธุรกิจจริง ซึ่งนี่คือขั้นตอนที่เราใช้กับลูกค้า

1. วิเคราะห์สินค้าและกลุ่มเป้าหมาย

ก่อนจะเลือก Influencer เราเจาะให้ลึกว่า สินค้าของคุณแก้ปัญหาอะไร และใครคือคนที่จะซื้อจริง

  • ใช้ Framework เช่น Who–Why–Where : ใครคือลูกค้า (อายุ เพศ ไลฟ์สไตล์), ทำไมเขาต้องการสินค้า, และเขาอยู่ที่แพลตฟอร์มไหน
  • เจาะ Value Proposition ของสินค้า เช่น “อาหารเสริมที่เจ้าของกินเองทุกวัน” หรือ “สกินแคร์ที่แก้ปัญหาผิวจริง ไม่ใช่คำโฆษณา”

ผลลัพธ์ : ได้ Insight ลูกค้าชัด ทำให้รู้ว่าเราควรหาคนที่ “พูดกับเขา” ได้ ไม่ใช่แค่ใครก็ได้ที่มีชื่อเสียง

2. ใช้ Social Listening + Keyword Research

หลายแบรนด์พลาดตรงนี้  หาคนที่ดัง แต่ไม่รู้ว่าลูกค้าตัวเอง “ฟังใครอยู่”

  • เราใช้ Social Listening Tools :  เพื่อดูว่า ลูกค้าเป้าหมายพูดถึงเรื่องไหน ใช้คำค้นหาอะไร และติดตาม Influencer แบบไหน
  • ใช้ Keyword Research : (เช่น Google Trends, Ubersuggest) เพื่อดูว่าคำไหนกำลังถูกค้นเยอะ  เชื่อมให้ Influencer พูดเรื่องที่กำลังมาแรง

ผลลัพธ์ : ได้ List Influencer ที่ ไม่ใช่แค่ดัง แต่กำลังถูกพูดถึงในกลุ่มเป้า

3. หา Influencer ที่ใช่สำหรับแบรนด์ 

การเลือก Influencer ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ดังจะเหมาะกับแบรนด์คุณ ทีม WizeMoves Consult ช่วยคัดสรร Influencer ที่ “ใช่” โดยยึด ภาพลักษณ์และตัวตนของแบรนด์เป็นศูนย์กลาง

  • เจาะลึกไปถึง DNA ของ Influencer  ว่าสอดคล้องกับแบรนด์หรือไม่
  • ใช้ Social Listening + Data Analysis  เพื่อดูว่า Follower ของ Influencer ตรงกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจริง ๆ (เช่น อายุ เพศ ความสนใจ และพฤติกรรมการซื้อ)
  • ทุก Influencer ที่เราเลือก ต้องสะท้อน คุณค่าและภาพลักษณ์ของแบรนด์ ได้ 
  • เราออกแบบ Content Direction + Storytelling ร่วมกับ Influencer ให้คอนเทนต์ออกมาดู “จริง” และ “อิน” ในแบบที่ผู้ติดตามเชื่อและอยากแชร์

 เราไม่ได้หาคนที่ “ดังที่สุด” แต่เราหาคนที่ “เหมาะที่สุด” สำหรับแบรนด์ของคุณ

4. ออกแบบ Storytelling ให้รีวิวขายได้

โพสต์ที่เป็นแค่รีวิวแข็ง ๆ มัก “ไม่ขาย” เพราะดูไม่จริง  เราจึงวาง Storytelling ร่วมกับ Influencer

  • ใช้โครงเรื่องแบบ Hook → Story → Solution → CTA
  • เน้น “มุมเล่า” ที่คนดูอิน เช่น เล่าจากประสบการณ์จริง หรือปัญหาที่ลูกค้ากำลังเจอ
  • ผูกแบรนด์เข้ากับ Lifestyle ของ Influencer → ทำให้คนดูไม่รู้สึกยัดเยียด

ผลลัพธ์ :  ได้คอนเทนต์ที่ทั้ง เล่าเรื่องจริง + ปิดการขาย

5. ติดตามและวัดผล ROI

สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ตัวเลขที่วัดได้” ไม่ใช่ยอดไลก์หรือวิวสวย ๆ

  • วัดมากกว่า Like & View เช่น CTR (Click-Through Rate), Conversion, CAC (Customer Acquisition Cost), CLV (Customer Lifetime Value)
  • ใช้ลิงก์/โค้ดเฉพาะ Influencer เพื่อตามว่ายอดขายมาจากใคร
  • ทำ Dashboard รายงานผลแบบโปร่งใสให้ลูกค้าเห็นว่า “เงินทุกบาท” ไปอยู่ตรงไหน

ผลลัพธ์ : แบรนด์มั่นใจได้ว่า งบทุกบาทสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่า

พร้อมแล้วหรือยังที่จะเปลี่ยนการหา Influencer และทำ Influencer Marketing แบบผิดๆถูกๆ? ให้ทีม WizeMoves Consult ดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือก Influencer  สร้างคอนเทนต์อิน วัด ROI ด้วย Business KPI อย่างโปรงใส จองคิว ปรึกษาฟรี 30 นาทีเลย กับทีมผู้เชี่ยวชาญ WizeMoves 

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจที่เชี่ยวชาญต้องนึกถึง Sellsuki ผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่ครบเครื่องมากที่สุด ผู้ช่วยมองหาทางที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือ WizeMoves Consult ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย หรือ WizeMoves e-Dis บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี พร้อมด้วย Akita Fulfillment บริการคลังสินค้าครบวงจร และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ

แท็ก Influencer MarketingMarketing

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article