mdi_eye : 6 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล เน้นยอดขาย ไม่ใช่แค่ยอดไลก์

ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล ที่เน้นยอดขาย ไม่ใช่แค่ยอดไลก์

ปัจจุบันทุกแบรนด์ต่างแข่งขันกันสร้างคอนเทนต์ เพื่อ “ซื้อใจผู้บริโภค” แต่ในยุคที่ฟีดโซเชียลเลื่อนเร็วกว่าความสนใจของคน“การทำการตลาดออนไลน์”  จึงไม่ใช่แค่การโพสต์บ่อย หรือหวังให้คอนเทนต์ไวรัลอีกต่อไป เพราะความจริงคือ — ยอดไลก์ไม่ได้แปลว่ายอดขาย และยอดแชร์ไม่ได้การันตีรายได้

เจ้าของแบรนด์จำนวนมากทุ่มเวลาและงบไปกับการสร้างเพจ ลงแอด และทำคอนเทนต์ แต่ผลลัพธ์กลับไม่สอดคล้องกับยอดขายจริง บางโพสต์ไวรัลเป็นหมื่นไลก์ แต่ไม่มีออเดอร์เพิ่มเลย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการตลาดออนไลน์ไม่เวิร์ก แต่อาจเพราะ “วิธีที่ใช้” ยังไม่ตอบพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่

วันนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากยุคที่ “ดูเพื่อไลก์” สู่ “ดูแล้วซื้อ” ผ่านคอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Shoppertainment —การผสมระหว่าง “ความบันเทิง” และ “การขาย” เข้าด้วยกันอย่างลงตัว

และที่สำคัญคือ เส้นทางการซื้อของผู้บริโภคสั้นลงกว่าที่เคยจากเดิมที่ต้องค้นข้อมูลใน Google แล้วกลับมาซื้อในอีกแพลตฟอร์ม วันนี้ทุกอย่างเกิดขึ้น “ในที่เดียว” — ดูคอนเทนต์ → รู้สึกอิน → กดดูรายละเอียด → แล้วตัดสินใจซื้อได้ทันที

นี่คือพฤติกรรมที่เรียกว่า Effortless Browse-to-Buy  โดยข้อมูลจาก MarketingOops ระบุว่า

“ผู้บริโภคกว่า 97% ต้องการค้นหาข้อมูล พิจารณา และตัดสินใจซื้อภายในแพลตฟอร์มเดียวกัน”

พวกเขาชื่นชอบแพลตฟอร์มที่ “ขับเคลื่อนด้วยคอนเทนต์” เพราะเข้าถึงข้อมูลแบรนด์และสินค้าได้ครบในที่เดียว  นี่จึงเป็นเหตุผลที่ TikTok, Shopee และ Lazada ต่างเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มให้รองรับพฤติกรรมนี้
เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถ “ดูคอนเทนต์ อินกับเรื่อง  และกดซื้อได้ทันที”

5 ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลจริง

ในยุคที่ผู้บริโภค “ดู–อิน–ซื้อ” ได้ในแพลตฟอร์มเดียวแบรนด์ที่ทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลจริง ต้องเข้าใจทั้ง อารมณ์และข้อมูล ของผู้บริโภคในจังหวะเดียวกัน

นี่คือ 5 ขั้นตอนที่ช่วยให้แบรนด์ “ปิดการขาย” ได้ตั้งแต่ลูกค้ายังอยู่ในคอนเทนต์ —ไม่ต้องรอให้เขาออกไปหาข้อมูลที่อื่น

ขั้นตอนที่ 1 : เริ่มจากเป้าหมายที่ชัดเจน — จะให้ “เห็น” หรือให้ “ซื้อ”

เจ้าของแบรนด์จำนวนมากเริ่มลงคอนเทนต์โดยไม่มีเป้าหมายทางธุรกิจที่ชัด ทำให้วัดผลไม่ได้ว่าความสำเร็จคืออะไร ก่อนจะเริ่มทำการตลาดออนไลน์ ต้องตอบให้ได้ว่า ต้องการยอดขาย, การรับรู้, หรือฐานลูกค้าใหม่?

  • ถ้าเน้น Awareness: สร้างคอนเทนต์ที่เล่าเรื่องหรือรีวิวแบบจริงใจ
  • ถ้าเน้น Conversion: สร้างข้อเสนอที่กระตุ้นให้ซื้อทันที เช่น โปรพิเศษหรือส่วนลดภายในวัน
  • ถ้าเน้น Loyalty: ใช้คอนเทนต์ดูแลหลังการขาย หรือรีวิวจากลูกค้าเก่า

เมื่อเป้าหมายชัดเจน การวัดผล (CTR, Conversion Rate, ROAS) ก็จะสะท้อนผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ตรงมากขึ้น อย่าทำคอนเทนต์เพราะต้องโพสต์ แต่จงทำคอนเทนต์เพื่อตอบเป้าหมายทางธุรกิจที่วัดผลได้จริง

ขั้นตอนที่ 2 : เข้าใจเส้นทางการซื้อของผู้บริโภคในแพลตฟอร์มเดียว

ยุคนี้ลูกค้าไม่เดินทางหลายแพลตฟอร์มเหมือนเดิมเขา “ดู–คิด–ตัดสินใจ” ได้ในที่เดียว แต่ผู้บริโภคยังต้องการข้อมูลก่อนซื้อ แต่เขาอยากได้ทุกอย่าง โดยไม่ต้องออกจากแพลตฟอร์ม

ดังนั้นการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล ต้องสร้างคอนเทนต์ที่มี “ครบทั้งข้อมูลและแรงจูงใจ”
เช่น

  • คลิปรีวิวที่มีรายละเอียดสินค้าในแคปชั
  • วิดีโอสั้นที่มี CTA “กดซื้อได้เลย”
  • หรือ Live ที่สาธิตการใช้งาน พร้อมปุ่มสั่งซื้อในจอ

 ถ้าแบรนด์ของคุณทำให้คน “ดู → เข้าใจ → ตัดสินใจซื้อ” ได้ในคอนเทนต์เดียว คุณคือผู้ชนะในเกมนี้แล้ว

ขั้นตอนที่ 3 : สร้างคอนเทนต์ที่ให้ทั้งอารมณ์และข้อมูลครบในเวลาเดียวกัน

คนซื้อเพราะ “รู้สึกอิน”แต่ก่อนจะซื้อจริง เขายังต้องการ “ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ” ด้วย

ดังนั้นคอนเทนต์ยุคใหม่ต้อง “บาลานซ์ระหว่างความรู้สึกและเหตุผล”หรือที่เรียกว่า Emotional + Informative Content

แนวทางที่ใช้ได้ผลจริง เช่น

  • Shoppertainment Video: คอนเทนต์สั้น สนุก เข้าใจง่าย แต่มีจุดขายอยู่ในตัว
  • UGC รีวิวจริง: ผู้ใช้เล่าเรื่องราวจริง พร้อมบอกผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด
  • How-to: สอนวิธีใช้แบบไม่ขายตรง แต่จบด้วยการชวนให้ลอง
  • Comparison Content: เปรียบเทียบให้เห็นความต่าง ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้น

คอนเทนต์ที่ขายได้จริง ไม่ใช่คอนเทนต์ที่พูดเยอะ แต่คือคอนเทนต์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “มันใช่”

ขั้นตอนที่ 4 : ใช้แพลตฟอร์มให้ตรงกับจังหวะการซื้อ

การตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ ต้องเข้าใจว่า “แต่ละแพลตฟอร์มทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน” ไม่จำเป็นต้องอยู่ทุกที่ — แต่ต้องอยู่ในจังหวะที่ลูกค้าพร้อมจะซื้อ

1. TikTok 

  • จุดแข็ง : จุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ
  • กลยุทธ์ที่แนะนำ : คอนเทนต์ Shoppertainment, รีวิวสั้น, Hook แรงใน 3 วิ

2.Facebook/Instagram

  • จุดแข็ง : เพิ่มความเชื่อมั่น
  • กลยุทธ์ที่แนะนำ : เล่าเรื่องแบรนด์, ยิงแอดย้ำเตือน

3.Google 

  • จุดแข็ง : ดึงกลุ่มคนที่กำลังค้นหาสินค้า
  • กลยุทธ์ที่แนะนำ : เขียนบทความ หรือ Landing Page ที่ตอบโจทย์คำค้นหา

4.Shopee , Lazada ,TikTok Shop

  • จุดแข็ง : จุดปิดการขาย
  • กลยุทธ์ที่แนะนำ : Live , ดีลพิเศษ , โปรโมชั่นจบในแอปเดียว

เมื่อแต่ละแพลตฟอร์มถูกใช้ในจังหวะที่เหมาะ เส้นทางของลูกค้าจะไหลลื่น — จาก “ดู” → “เชื่อ” → “ซื้อ”
อย่าแค่ยิงแอดให้คนเห็น จงออกแบบเส้นทางให้เขาอยากซื้อในจังหวะที่พร้อมที่สุด

ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าคอนเทนต์ที่ลงไป “คนดูเยอะ แต่ยอดขายไม่มา” ปรับกลยุทธ์แล้ว ยอดขายก็ยังไม่ได้ บางทีอาจไม่ใช่เพราะสินค้าคุณไม่ดี  แต่เพราะกลยุทธ์ยังไม่ตรงกับพฤติกรรมลูกค้าลองให้ทีม WizeMoves ช่วยรีดีไซน์แผนการตลาดออนไลน์เพื่อให้ทุกโพสต์ของคุณ “พูดกับใจลูกค้า” และ “เปลี่ยนการมองเห็นเป็นการซื้อ” ได้จริง

ขั้นตอนที่ 5 : วัดผล ปรับ และทำให้เร็วขึ้นในทุกรอบ

หัวใจของการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล คือ “การวัดผลและเรียนรู้ต่อเนื่อง” ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว คอนเทนต์ที่เวิร์กเดือนนี้ อาจไม่เวิร์กเดือนหน้า

แบรนด์ต้องกล้าวัดผลจากสิ่งที่ทำจริง เช่น

  • ดูว่าแคมเปญไหนยอดขายสูงสุด
  • คอนเทนต์แบบไหนมีอัตราดูจนจบมากที่สุด
  • หรือข้อความ (Copy) ไหนกระตุ้นการคลิกได้ดีที่สุด

จากนั้นปรับทันที — ไม่รอให้แคมเปญจบ และใช้ข้อมูลนั้นวางกลยุทธ์รอบต่อไป แบรนด์ที่อยู่รอดไม่ใช่แบรนด์ที่โพสต์เยอะที่สุด แต่คือแบรนด์ที่ปรับได้เร็วที่สุด

เทรนด์การตลาดออนไลน์ ที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม

การทำการตลาดออนไลน์ ไม่ได้เปลี่ยนแค่ “ช่องทาง” แต่เปลี่ยนที่ “พฤติกรรมผู้บริโภค” ทั้งหมด จากเดิมที่แบรนด์พยายามทำคอนเทนต์ให้ไวรัล กลายเป็นยุคที่ “คนดูอยากได้ประสบการณ์ที่ครบ จบ และซื้อได้เลย”

ต่อไปนี้คือเทรนด์สำคัญที่แบรนด์ไม่ควรมองข้ามเพื่อการทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลจริง

1. Shoppertainment จะกลายเป็นกลยุทธ์หลักของแบรนด์ทุกขนาด

Shoppertainment ไม่ใช่แค่คอนเทนต์สนุกอีกต่อไป แต่มันคือ โมเดลการตลาด ที่เชื่อม “อารมณ์ – การมีส่วนร่วม – และยอดขาย” เข้าด้วยกัน เพราะผู้บริโภคยุคนี้ต้องการมากกว่าข้อมูลสินค้า เขาต้องการ “เหตุผลที่อิน” ในการซื้อ

2. Creator Economy จะมีอิทธิพลมากกว่าการโฆษณาแบบเดิม

ผู้บริโภคยุคใหม่เชื่อ “คน” มากกว่า “แบรนด์” เพราะ Creator หรือ Influencer คือคนที่เขาเลือกติดตามด้วยใจ ไม่ใช่แค่เห็นผ่านโฆษณา   ต่อไปจะเห็นแบรนด์เปลี่ยนจาก “จ้างคนดัง” มาเป็น “ร่วมสร้างเนื้อหา” กับ Creator ที่มีเอกลักษณ์ตรงกับแบรนด์  ไม่ว่าจะเป็น Micro Creator, Nano Influencer หรือ Creator เฉพาะกลุ่ม

หากคุณยังไม่รู้ว่า จะเลือกอินฟลูเอนเซอร์ยังไงให้เหมาะกับแบรนด์ อ่านบทความเพิ่มเติม : หาอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ยังไง? คู่มือเลือกรีวิวสินค้าให้เหมาะกับแบรนด์

3. Real-time & Short-form Content คือหัวใจของการสื่อสาร

ยุคนี้ “จังหวะ” สำคัญกว่าความยาว คอนเทนต์สั้นที่พูดตรงใจในช่วงเวลาที่คนกำลังอิน จะมีพลังมากกว่าคอนเทนต์ยาวที่ลงช้า   แพลตฟอร์มอย่าง TikTok, Reels และ Shorts ทำให้คนคุ้นเคยกับคอนเทนต์ 15–30 วินาที ซึ่งต้อง เข้าใจเร็ว ตัดสินใจไว และมี Hook ที่ชัดใน 3 วินาทีแรก คุณก็สามารถปิดการขายได้ทันที

4.Data & AI จะกลายเป็นสมองของการตลาดออนไลน์

ทุกการตัดสินใจจะขับเคลื่อนด้วย “ข้อมูลและระบบอัตโนมัติ”  ตั้งแต่การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ไปจนถึงการสร้างคอนเทนต์อัตโนมัติด้วย AI แบรนด์ที่ใช้ข้อมูลเชื่อมทุกจุดของ Funnel — จากแอดถึง CRM — จะรู้ว่าแต่ละคนควรเห็นอะไร เมื่อไร และต้องพูดกับเขาอย่างไร

5. ความสัมพันธ์ระยะยาว (Relationship Marketing) จะกลายเป็นจุดแข็งใหม่

เมื่อการซื้อขายเกิดขึ้นเร็วขึ้น “การรักษาลูกค้าเดิม” จะสำคัญไม่แพ้ “การหาลูกค้าใหม่” แบรนด์ที่ทำ การตลาดออนไลน์ ได้ผลจริง จะไม่หยุดแค่ขายครั้งเดียว แต่สร้างระบบ CRM, LINE OA หรือ Community เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และรู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจเขาจริง ๆ

สรุป  การทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลในยุคนี้ ต้องเข้าใจ “ใจคน” ก่อนเข้าใจอัลกอริทึม

เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนจาก “ดูเพื่อไลก์” มาเป็น “ดูแล้วซื้อ” แบรนด์จึงต้องเปลี่ยนจากการ “โพสต์ให้ดัง” ไปสู่การ “โพสต์ให้ขายได้จริง”

การทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล ในยุคนี้ ไม่ใช่แค่การมีคอนเทนต์เยอะ หรือยิงแอดให้คนเห็นมากที่สุด
แต่คือการ “เข้าใจลูกค้าให้ลึก” และ “ออกแบบประสบการณ์การซื้อ” ให้ครบในที่เดียว

แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ คือแบรนด์ที่...

  • เข้าใจเส้นทางการซื้อของลูกค้าแบบไร้รอยต่อ (Browse-to-Buy)
  • ใช้คอนเทนต์ที่ให้ทั้งอารมณ์และข้อมูลในเวลาเดียวกัน
  • ปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลจริง และกล้าทดลองสิ่งใหม่
  • ใช้ AI และ Data เพื่อสื่อสารได้แม่นยำกว่าที่เคย
  • ไม่ลืมสร้าง “ความสัมพันธ์ระยะยาว” กับลูกค้าเก่าที่มีคุณค่าที่สุด

เพราะสุดท้ายแล้ว… “ยอดไลก์อาจทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แต่ยอดขายต่างหากที่ทำให้แบรนด์อยู่รอด”

ดังนั้น ก่อนจะเริ่มทำคอนเทนต์ครั้งต่อไป ลองถามตัวเองว่า — สิ่งที่กำลังโพสต์นี้ ตอบพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคดู–อิน–ซื้อแล้วหรือยัง?ถ้ายัง...นี่อาจถึงเวลาที่แบรนด์ของคุณต้อง “รีเซ็ตแนวคิด”
และเริ่มทำการตลาดออนไลน์อย่างเข้าใจคน มากกว่าเข้าใจอัลกอริทึม

การตลาดออนไลน์วันนี้ไม่ใช่เรื่องของ “ใครโพสต์เยอะกว่า” แต่คือ “ใครเข้าใจคนดูมากกว่า” ถ้าคุณอยากเปลี่ยนจากคอนเทนต์ที่ดังแต่ไม่ขาย ให้กลายเป็นกลยุทธ์ที่สร้างยอดขายได้จริง ถึงเวลาที่ต้องเริ่ม “วางระบบทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลอย่างมืออาชีพ” แล้ว ให้ WizeMoves Consult ช่วยออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะกับแบรนด์ของคุณ ตั้งแต่การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค การสร้างคอนเทนต์ที่ตอบจังหวะการซื้อ  ไปจนถึงการใช้Data-driven Strategy เพื่อให้ทุกโพสต์ของคุณ “พูดกับลูกค้าได้จริง” เริ่มต้นปรึกษาฟรีกับทีมกลยุทธ์ของ WizeMoves 

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจที่เชี่ยวชาญต้องนึกถึง Sellsuki ผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่ครบเครื่องมากที่สุด ผู้ช่วยมองหาทางที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือ WizeMoves Consult ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย หรือ WizeMoves e-Dis บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี พร้อมด้วย Akita Fulfillment บริการคลังสินค้าครบวงจร และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แท็ก Content Marketing

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article