mdi_eye : 7 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

10 กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย ที่ SME ต้องรู้ | เทคนิคสร้างยอดขายยั่งยืนไม่พึ่งลดราคา

กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย ที่ SME และธุรกิจต้องรู้

เจ้าของแบรนด์และ SME จำนวนมากมักพยายามทำกลยุทธ์การขายของ เพื่อเพิ่มยอดขาย ด้วยทางลัด เช่น ลดราคาแข่ง แจกโปรทุกสัปดาห์ หรือยิงแอดแรง ๆ เพื่อหวังเห็นผลไว

แน่นอนว่ามันอาจช่วยให้ยอดขายขยับขึ้นชั่วคราว แต่ในระยะยาว นี่อาจกลายเป็น “กับดัก” ที่ทำให้แบรนด์ต้องลดราคาแข่งกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ลูกค้าคาดหวังโปรฯ มากขึ้น กำไรหาย แถมภาพลักษณ์แบรนด์ก็เริ่มสั่นคลอน

เพราะสุดท้ายแล้ว… ยอดขายที่ยั่งยืน ไม่ได้มาจากการลดราคา แต่มาจากกลยุทธ์ที่เข้าใจลูกค้า และสร้างคุณค่าจริงให้แบรนด์

ดังนั้น ถ้าคุณอยากเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจแบบยั่งยืนไม่ต้องพึ่งแต่โปรฯ ลด แลก แจก แถม
ต่อไปนี้คือ 10 กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายที่ SME และเจ้าของแบรนด์ยุคใหม่ต้องรู้เพื่อให้ “ยอดขาย” โตได้จริงในระยะยาว

10 กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย ที่ SME และธุรกิจต้องรู้

 1. เข้าใจลูกค้าให้ลึกกว่าที่เคย – ขายได้เพราะเข้าใจ ไม่ใช่เพราะพูดเก่ง

การเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง (Customer Insight) คือรากฐานของทุกกลยุทธ์ที่ได้ผลจริงหลายธุรกิจล้มเหลวเพราะใช้เวลา “ขายของ” มากกว่า “เข้าใจคนซื้อ” ในยุคที่ลูกค้าเจอคอนเทนต์และโฆษณาหลายร้อยชิ้นต่อวัน คนจะสนใจแบรนด์ที่ “พูดกับเขาได้ตรงจุด” เท่านั้น

เริ่มจาก 3 มุมสำคัญที่ต้องรู้ให้ชัด:

  • Pain Point
    : ปัญหาที่ลูกค้าอยากแก้ เช่น ไม่มีเวลาออกกำลังกาย / หาของฝากง่ายๆ / อยากได้ของดีแต่ไม่แพง
  • Motivation
    : แรงจูงใจเบื้องหลังการซื้อ เช่น อยากดูดีขึ้น อยากมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น
  • Moment of Decision
    : ช่วงเวลาที่เขาพร้อมตัดสินใจ เช่น หลังดูรีวิวจากเพื่อน, เห็นดีลพิเศษ หรือช่วงเงินเดือนออก

เมื่อเข้าใจสิ่งเหล่านี้ คุณจะรู้ว่าต้องพูด “อะไร” กับลูกค้า และ “เมื่อไหร่”  แบรนด์ที่เข้าใจลูกค้า จะขายได้ แม้ไม่พูดคำว่า ‘ลดราคา’

2. ใช้คอนเทนต์สร้าง “ความเชื่อ” มากกว่า “ความสนใจ”

คอนเทนต์ที่ดีคือคอนเทนต์ที่ทำให้คน “มั่นใจ” ไม่ใช่แค่ “สนใจ”ในยุคที่ทุกคนยิงโฆษณาเหมือนกันหมด ลูกค้าไม่เชื่อข้อความที่แบรนด์พูดเอง แต่เชื่อ “คนที่เคยใช้จริง” มากกว่า

วิธีเปลี่ยนคอนเทนต์ให้สร้างความเชื่อได้จริง:

  • รีวิวจากผู้ใช้จริง (UGC)
    : ให้ลูกค้าปัจจุบันช่วยเล่าเรื่องแทนแบรนด์
  • Before–After
    : แสดงผลลัพธ์อย่างโปร่งใส (เช่น ภาพก่อน–หลังใช้)
  • How-to
    : สอนวิธีใช้สินค้าด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย แทรกประโยชน์โดยไม่ขายตรง
  • Live หรือ Behind the Scene
    : แสดงความจริงใจ โปร่งใส และตอบคำถามได้ทันที

คอนเทนต์ที่คนแชร์ อาจไม่เท่าคอนเทนต์ที่ทำให้เขาตัดสินใจซื้อ

3. สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่าคู่แข่ง

ทุกแบรนด์ขายสินค้าได้ แต่ไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่ “ทำให้คนอยากกลับมาซื้อซ้ำ”ประสบการณ์ลูกค้าหลังการขาย คือจุดที่ SME มักมองข้ามที่สุด

3 ขั้นตอนในการสร้าง Customer Experience ที่แข็งแรง:

1. ก่อนขาย – สร้างความไว้ใจ
ลูกค้าใหม่มักไม่ซื้อทันทีในครั้งแรก สร้างความเชื่อก่อน เช่น คอนเทนต์รีวิว, การรับประกัน, Chat ที่ตอบไว   
คนซื้อของจากคนที่เขาไว้ใจ ไม่ใช่คนที่พูดเยอะที่สุด

2. ระหว่างขาย – ทำให้การซื้อเป็นเรื่องง่าย

  • ใช้ช่องทางชำระเงินหลายรูปแบบ
  • มีแอดมินตอบไวในช่วงเวลาที่ลูกค้าช้อปเยอะ (เช่น 20.00–23.00 น.)
  • ใช้ระบบจัดส่งที่เชื่อถือได้ และแจ้งสถานะอัตโนมัติ

3. หลังขาย – ดูแลให้รู้สึกว่า “แบรนด์จำเราได้”

  • ส่งข้อความขอบคุณหลังสั่งซื้อ
  • มี Follow-up ถามความพอใจ
  • เสนอสิทธิ์เฉพาะลูกค้าเก่า เช่น ส่วนลดวันเกิด

 ลูกค้าเก่าที่พอใจ = ยอดขายใหม่ที่ไม่ต้องจ่ายค่าแอดเพิ่ม

4. ใช้เทคโนโลยีและ AI เพิ่มประสิทธิภาพการขาย

ยุค Digital-first, “ใครใช้ข้อมูลได้ก่อน คนนั้นได้เปรียบ” AI ไม่ได้แค่ช่วยตอบแชตหรือเขียนคอนเทนต์เร็วขึ้น
แต่มันคือเครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คุณ “เข้าใจ” และ “ยิงถูกจังหวะ”

ตัวอย่างการใช้ AI และ Data เพื่อเพิ่มยอดขาย

  • Customer Segmentation
    : แยกกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรม เช่น กลุ่มชอบโปรฯ / กลุ่มซื้อซ้ำ / กลุ่มหายไปนาน
  • Predictive Analytics
    : วิเคราะห์แนวโน้มว่าใครมีโอกาสซื้อมากที่สุด
  • Dynamic Ads
    : ปรับข้อความหรือภาพโฆษณาให้ตรงความสนใจของแต่ละคน
  • AI Chatbot
    : ตอบคำถามลูกค้าและแนะนำสินค้าอัตโนมัติ 24 ชม.

5. วัดผล ปรับ และทำให้เร็วขึ้นในทุกรอบ

ธุรกิจที่อยู่รอดไม่ใช่ธุรกิจที่ทำถูกตั้งแต่แรกแต่คือธุรกิจที่ “เรียนรู้และปรับได้ไวที่สุด”

ทุกแคมเปญควรวัดผลชัดเจน:

  • ยอดขายจริง (Conversion)
  • อัตราคลิก (CTR)
  • ต้นทุนต่อยอดขาย (CPA / ROAS)
  • ความพึงพอใจของลูกค้า (CSAT)

อย่ารอจนแคมเปญจบแล้วค่อยสรุปผลให้ “วัดระหว่างทาง” และ “ปรับทันที”

อย่าหยุดแค่การวัดผล  เริ่มวางระบบขายที่โตได้จริง หลายธุรกิจเข้าใจการวัดผล แต่ไม่รู้ว่าจะ “ต่อยอดยังไง” ให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณอยากรู้ว่าแบรนด์ของคุณควรปรับตรงไหน หรือวางระบบการขายให้เห็นผลได้อย่างไร  ทีม WizeMoves Consult พร้อมช่วยวิเคราะห์กลยุทธ์การขายของคุณอย่างมืออาชีพ

6. เปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นแฟนประจำ เพราะกำไรจริงมาจากลูกค้าเดิม

หนึ่งใน กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย ที่เจ้าของธุรกิจมักมองข้ามคือ “การรักษาลูกค้าเก่า” เพราะหลายแบรนด์โฟกัสที่การหาลูกค้าใหม่ จนลืมว่าลูกค้าเดิมนั้น “ซื้อซ้ำง่ายกว่า และต้นทุนต่ำกว่า”

วิธีสร้างความภักดีให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ:

  •  Member Reward
    : ให้สิทธิพิเศษหรือแต้มสะสมเฉพาะลูกค้าประจำ
  •  Personal Message
    : ส่งข้อความขอบคุณหรือโปรส่วนตัวผ่าน LINE OA
  •  Community Marketing
    : สร้างกลุ่มลูกค้าบน Facebook / LINE เพื่อพูดคุยและอัปเดตข่าวสาร
  •  After-Sales Care
    : ติดตามผลหลังการขาย เช่น ถามฟีดแบ็กหรือแนะนำสินค้าใหม่

7. ขยายช่องทางขายให้ครบวงจร (Omnichannel Strategy)

อยู่ในทุกที่ที่ลูกค้าพร้อมจะซื้อ การทำการตลาดในช่องทางเดียวไม่พออีกต่อไป เพราะลูกค้าคนเดียวอาจเห็นสินค้าใน TikTok ,แอดเพื่อนใน LINE  แล้วซื้อจริงใน Shopee กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย ที่มีประสิทธิภาพจึงต้อง เชื่อมทุกช่องทางเข้าด้วยกัน
ตัวอย่างแนวทาง:

  • เชื่อมระบบระหว่าง Shopee, Lazada, TikTok Shop, LINE OA
  • ใช้ระบบ CRM กลาง เพื่อดูข้อมูลลูกค้าทุกช่องทางในที่เดียว
  • ทำให้ประสบการณ์เหมือนกันในทุกช่องทาง (Unified Brand Experience)

8. ใช้พลังของ Creator & Influencer ให้ถูกวิธี

“ผู้บริโภคเชื่อคนมากกว่าเชื่อแบรนด์”  กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย ที่ทรงพลังที่สุดคือการใช้พลังของ “Creator Economy” แต่การทำงานกับ Influencer ให้ได้ผล ไม่ใช่แค่ “จ้างโพสต์” แล้วจบ  แต่ต้องเป็นCo-Creation การร่วมกันสร้างคอนเทนต์ที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์และคนพูด

วิธีใช้ Influencer ให้ยอดขายพุ่ง:

9. ขายด้วยเรื่องราว (Storytelling)  เพราะคนจำเรื่องได้ดีกว่าจำสเปกสินค้า

แบรนด์ที่มี “เรื่องราว” จะน่าจดจำกว่าแบรนด์ที่พูดแต่ฟีเจอร์ การใช้ Storytelling เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงใจลูกค้าได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่คนอยากรู้ “Why” มากกว่า “What”

วิธีเล่าเรื่องให้ขายได้:

  • เล่าจุดเริ่มต้นของแบรนด์ (Why You Started)
  • เล่าความตั้งใจและเบื้องหลังสินค้า
  • เล่าผลลัพธ์ของลูกค้าที่ได้ใช้จริง (Human Story)

10. ขับเคลื่อนยอดขายด้วย Data & Insight เพราะตัวเลขไม่โกหก

สุดท้ายของทุก กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย คือ “การตัดสินใจด้วยข้อมูล” เพราะการเดาอาจพาให้คุณเสียเงินโฆษณาโดยไม่รู้ตัว  แต่ข้อมูล (Data) จะบอกคุณชัดเจนว่า “อะไรทำงาน” และ “อะไรไม่เวิร์ก”

วิธีใช้ Data ให้เพิ่มยอดขายได้จริง:

  • วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าจาก Shopee / TikTok / Google Analytics
  • ใช้ Dashboard รวมข้อมูลยอดขายจากทุกช่องทาง
  • ใช้ AI วิเคราะห์แนวโน้มและช่วงเวลาที่ลูกค้าซื้อบ่อยที่สุด

สรุป: ยอดขายที่ยั่งยืน เริ่มจากกลยุทธ์ ไม่ใช่ส่วนลด

ธุรกิจที่เติบโตได้จริงไม่ใช่ธุรกิจที่ “ลดราคาบ่อยที่สุด” แต่คือธุรกิจที่ “เข้าใจลูกค้ามากที่สุด”10 กลยุทธ์การเพิ่มยอดขาย ที่พูดถึงในบทความนี้ คือแนวทางที่ช่วยให้ SME และเจ้าของแบรนด์เปลี่ยนจากการขายแบบ “หวังยอดระยะสั้น” ไปสู่การสร้าง “ยอดขายที่เติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน”

  • เข้าใจลูกค้าให้ลึกขึ้น เพื่อสื่อสารตรงใจ
  • ใช้คอนเทนต์และ Storytelling เพื่อสร้างความเชื่อและความผูกพัน
  • สร้างประสบการณ์ที่ดี เพื่อให้คนอยากกลับมาซื้อซ้ำ
  • ใช้ AI และข้อมูล (Data Insight) เพื่อขายได้แม่นยำขึ้น
  • และขยายระบบการขาย (Omnichannel + Loyalty) เพื่อปิดทุกโอกาสการรั่วไหลของยอดขาย

เพราะสุดท้ายแล้ว ยอดขายระยะสั้นอาจมาจากโปรโมชั่น แต่ยอดขายระยะยาวมาจากกลยุทธ์ที่เข้าใจลูกค้าและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง

  • หากคุณคือเจ้าของแบรนด์หรือ SME ที่อยาก
  • เพิ่มยอดขาย
  • วางระบบการขายแบบครบวงจร

ให้ทีม WizeMoves Consult ช่วยวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์การขายของคุณแบบมืออาชีพ 
เราเชี่ยวชาญทั้งการตลาดเชิงกลยุทธ์, Data Marketing, Influencer Strategy เปลี่ยน “ยอดวิว” ให้กลายเป็น “ยอดขาย” ได้ตั้งแต่วันนี้ ปรึกษาฟรีกับทีมกลยุทธ์ WizeMoves Consult

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจที่เชี่ยวชาญต้องนึกถึง Sellsuki ผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่ครบเครื่องมากที่สุด ผู้ช่วยมองหาทางที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือ WizeMoves Consult ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย หรือ WizeMoves e-Dis บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี พร้อมด้วย Akita Fulfillment บริการคลังสินค้าครบวงจร และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ

 

 



 

 

แท็ก Strategy & TacticMarketing

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article