mdi_eye : 33 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

เลือกบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจรให้เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก

เลือกบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจรยังไงให้เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก

ในยุคที่ทุกอย่างเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปรวดเร็วเสิร์ชทุกอย่างบนมือถือ ดูรีวิวก่อนซื้อ และตัดสินใจได้ทันทีจากคอนเทนต์เพียงไม่กี่วินาที ทำให้ “การตลาดออนไลน์” ไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป  แต่เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจจำเป็นต้องมี เพราะจำนวนประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย สูงถึง 65.4 ล้านคน  (91.2%) นั่นหมายความลูกค้าของทุกธุรกิจอยู่บนโลกออนไลน์เรียบร้อย ( ข้อมูลอ้างอิง : SMEJump)

สำหรับ ธุรกิจขนาดเล็กและ SME การทำการตลาดออนไลน์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเผชิญทั้งการแข่งขันสูง ค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้น และความรู้ด้าน Marketing ที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่แปลกที่หลายธุรกิจตัดสินใจจ้าง บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร มาช่วยดูแล

แต่คำถามสำคัญคือ…

“แล้วเราควรเลือกบริษัทการตลาดยังไงให้เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก?”

“บริษัทไหนดี คุ้มไหม แพงไปหรือเปล่า?”

“จะรู้ได้ไงว่าเขาเก่งจริง ไม่ได้แค่พูดเพราะ?”

บทความนี้คือคู่มือที่จะช่วยให้ SME เลือกบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ พร้อม Framework ตรวจเอเจนซี่แบบเป็นระบบสไตล์ Consultและข้อควรระวังที่เจ้าของกิจการหลายคนมองข้าม ไปทีละส่วนแบบลึก แต่เข้าใจง่ายกันเลย

ความท้าทายสำหรับการทำการตลาดสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก

ธุรกิจขนาดเล็กและ SME อาจมองว่า “การตลาดออนไลน์เป็นเรื่องง่าย” แค่โพสต์–ยิงแอด–ขาย แต่ความจริงคือสนามนี้ซับซ้อนกว่าเดิมมาก ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็ว และเครื่องมือที่เพิ่มขึ้นจนตามไม่ไหว ทำให้หลายธุรกิจรู้สึกว่า “ทำเองไม่รอด แต่จ้างก็กลัวไม่คุ้ม”

ก่อนเลือกบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ เจ้าของธุรกิจควรเข้าใจก่อนว่า SME ต้องเผชิญความท้าทายอะไรบ้าง — เพื่อรู้ว่าควรมองหาบริษัทแบบไหนให้ช่วยแก้ Pain Point เหล่านี้ได้จริง ๆ

นี่คือ 5 ความท้าทายที่เจ้าของธุรกิจต้องเจอจริงทุกวัน:

1. งบประมาณน้อย แต่ต้องแข่งกับแบรนด์ใหญ่

สำหรับ SME ทุกบาทคือเงินทุนที่ต้องสร้างผลลัพธ์กลับมา ดังนั้นการยิงแอดผิดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ “งบบานแบบควบคุมไม่ได้” เพราะโฆษณาออนไลน์ทำงานแบบ Real-time และกินงบตลอดเวลา ถ้าตั้งค่าผิดหรือเจาะกลุ่มผิดนิดเดียว ระบบจะพาโฆษณาไปแสดงให้ “คนที่ไม่ใช่ลูกค้า” ทันที ซึ่งแปลว่าคุณกำลังเสียเงินโดยไม่เกิดยอดขายแม้แต่นิดเดียว

ในขณะที่แบรนด์ใหญ่มีข้อได้เปรียบมากกว่า เช่น:

  • งบการตลาดหลักแสน–หลักล้านต่อเดือน
    ทำให้สามารถลองผิดลองถูกได้หลายครั้งโดยธุรกิจไม่สะเทือน
  • ทำ A/B test ได้หลายสิบชุดพร้อมกัน
    โพสต์แบบไหนขาย แอดแบบไหนคุ้ม บริษัทใหญ่รู้ไวกว่า
  • มีทีม Data ดูพฤติกรรมลูกค้าแบบละเอียด
    ทำให้ยิงแอดแม่นขึ้นทุกสัปดาห์

แต่ SME ไม่มีสิทธิ์ยิงแอดผิดซ้ำได้หลายครั้งเหมือนแบรนด์ใหญ่ เพราะถ้าเสีย 5,000–10,000 แบบ “ไม่ได้อะไรกลับมา” ก็ถือเป็นความเสียหายต่อธุรกิจทันที

 2. ขาดทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด

แม้ยอดขายแตะ 100 ล้านบาท แต่ SME ส่วนใหญ่ยังไม่มี ทีมการตลาดที่แข็งแรงจริง ส่วนมากเติบโตมาจากสินค้าแข็งแรงและการขายที่เก่ง ไม่ใช่ระบบการตลาดที่เป็นโครงสร้าง ทำให้เมื่อธุรกิจโตขึ้น ปัญหาเริ่มชัดเจนขึ้นตาม

ธุรกิจระดับนี้มักเจอ :

  • เจ้าของยังเป็นคนคิดกลยุทธ์เองทั้งหมด เพราะทีมยังขาดประสบการณ์เชิงลึก
  • ทีมการตลาดมีบุคลากรไม่ครบ คิดคอนเทนต์ ตัดรูป ยิงแอด ทำแอดมิน—all in one
  • งานส่วนใหญ่เป็นงานปฏิบัติ ไม่ใช่งานกลยุทธ์ ทำให้แม้ยอดขายสูง แต่เติบโตต่อไม่ได้
  • ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้าน Data หรือ Performance ทำให้วิเคราะห์ต้นทุน–ผลลัพธ์ได้ไม่ละเอียด
  • ทำงานตามโจทย์วันต่อวัน ไม่ได้ทำตาม Funnel หรือแผนการตลาดระยะยาว

ผลคือธุรกิจ “เดินได้ แต่โตยาก” เพราะไม่มีทีมที่คิดแทนได้จริง และไม่มีระบบการตลาดที่ขยายตามยอดขาย

 3) คู่แข่งเปลี่ยนเร็วกว่าเราเรียนรู้ทัน 

การตลาดออนไลน์ หมุนเร็วกว่าที่ SME จะมีเวลาตามทัน เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแบบ “รายสัปดาห์” ไม่ใช่รายปีเหมือนเมื่อก่อน และความเร็วนี้ทำให้เจ้าของธุรกิจจำนวนมาก “ตกขบวน” แบบไม่รู้ตัว

สิ่งที่เกิดขึ้นในความจริงตอนนี้

  • อัลกอริทึมเปลี่ยนเร็วมาก : วันนี้รีลขึ้นง่าย พรุ่งนี้ยอดตกครึ่งหนึ่งโดยไม่รู้สาเหตุ
    TikTok เน้น Watch Time  เปลี่ยนเป็น CTR  เปลี่ยนเป็น Interaction
  • คนดูเบื่อง่าย : คนดูเห็นคอนเทนต์ ต่อวันเยอะมาก ไม่มีทางที่ลูกค้าจะจำแบรนด์คุณได้ ถ้ายังพูดเหมือนเดิมทุกเดือน = มองข้ามแบบอัตโนมัติ
  • คู่แข่งพร้อมปรับตัวทันทีที่มีฟีเจอร์ใหม่ : ฟีเจอร์ Live ใหม่  คู่แข่งใช้ก่อน ลูกค้าหันไปดูเขา
    ฟีเจอร์ Conversion Ads ใหม่ คู่แข่งใช้ก่อน ได้ต้นทุนที่ถูกกว่าเรา
  • เมื่อตลาดเปลี่ยน  พฤติกรรมลูกค้าก็เปลี่ยนตาม คนยุคนี้เปลี่ยนจาก “ดูเพื่อรู้” เป็น “ดูแล้วซื้อทันที”

การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่ “ใครเก่งกว่า” แต่เป็น “ใครอัปเดตเร็วกว่ากัน” SME ต้องการบริษัทรับทำรับทำการตลาดออนไลนฺ ที่ “รู้ก่อน–ปรับก่อน” แทนที่จะมาวิ่งตามหลังเรา

4. ไม่รู้ว่าควรเริ่มตรงไหนก่อน

อีกหนึ่งปัญหาที่เจอบ่อยที่สุด สำหรับทำการตลาดออนไลน์ เจ้าของธุรกิจหลายคนสับสนว่าอะไรมาก่อน–หลัง เช่น:

  • Facebook บอกให้ยิง Ads
  • Google บอกให้ทำ SEO
  • LINE OA บอกให้สร้าง CRM
  • Shopee บอกให้ทำ Ads + Live
  • TikTok Shop บอกให้ไลฟ์ขายของทุกวัน

ตัวอย่าง SME ที่ผิดลำดับ:

  • ยิงแอดก่อน ทั้งที่เพจยังไม่มีความน่าเชื่อถือ
  • ทำรีลทุกวัน แต่สินค้าไม่มีจุดขาย
  • ลง Influencer แต่ไม่มีหน้า Landing Page รับลูกค้า
  • ทำ SEO ทั้งที่สินค้ายังไม่มี Demand Search
  • ไลฟ์ใน TikTok แต่ไม่ทำ Retargeting

ลงแรงเยอะ แต่ยอดขายไม่ขึ้น = เพราะเริ่มผิดจุด

แต่บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์จะทำอีกแบบ คือ

  1. เริ่มจากสินค้า  ปรับจุดขายให้ชัด
  2. ดูว่าใครคือกลุ่มลูกค้า
  3. เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะที่สุดก่อน 1–2 ช่อง
  4. สร้างระบบยิงแอด / คอนเทนต์ / รีมาร์เก็ตติ้ง
  5. ค่อยขยายช่องทางเพิ่มขึ้น

ถ้าเริ่มผิด กลยุทธ์จะไม่ต่อกัน และไม่สามารถวัดผลได้แบบปลายทาง นี่คือจุดที่บริษัทการตลาดออนไลน์เข้ามาช่วยได้มากที่สุด

5) ทำแล้ววัดผลไม่ได้ ไม่รู้ว่าอะไรขายจริง

นี่เป็นปัญหาที่ SME เจอและถือเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ธุรกิจ “โตไม่ได้”

SME มักทำแบบนี้:

  • โพสต์ทุกวัน แต่ไม่รู้ว่าโพสต์ไหนขาย
  • ยิงแอดหลายชุด แต่ไม่รู้ว่าแอดไหนดีสุด
  • ทำ Influencer แต่ไม่รู้ว่าคนมาจากอะไร
  • ทำคอนเทนต์เยอะ แต่ไม่มี Data ว่าคนสนใจตรงไหน

ทำไม SME ถึงวัดผลไม่ได้?

เพราะ…

  • ไม่มีระบบ Tracking
  • ไม่มี UTM
  • ไม่มี Dashboard
  • ไม่มี KPI
  • ไม่มีคนแปลผลข้อมูล
  • แยกไม่ออกว่าคอนเทนต์ไหนสร้างยอดขาย
  • ไม่รู้ว่าค่าแอดที่จ่ายไปได้ผลแค่ไหน

สุดท้ายทำให้เกิดวงจรเดิม ๆ ทำเยอะ - เหนื่อย - ไม่รู้ว่าอะไรเวิร์ก - ปรับไม่ได้ - ยอดขายไม่โต

ธุรกิจที่วัดผลไม่ได้ = เดินแบบปิดตา ธุรกิจที่เดินแบบปิดตา = ไม่มีวันชนะคู่แข่งที่ใช้ Data

SME ต้องการบริษัทรับทำการตลาดแบบนี้:

  • รายงานเป็นรายสัปดาห์/รายเดือน พร้อม Insight ที่ใช้ได้จริง
  • บอกได้ว่าโพสต์ไหนขายดีสุด
  • บอกว่าแอดไหนควรเพิ่มงบ หรือปิด
  • บอกว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มไหนคุ้มค่าที่สุด
  • วาง KPI ชัดเจน เช่น CTR, ROAS, CAC
  • สร้าง Dashboard ที่ดูง่าย ไม่ซับซ้อน

เพราะการตลาดที่ดี = คาดเดาน้อยลง คาดการณ์ได้มากขึ้น

ทำไมธุรกิจถึงกังวลเรื่องราคาในการทำการตลาดออนไลน์

เรื่อง “ราคา” เป็นสิ่งที่ SME ให้ความสำคัญที่สุดเมื่อพูดถึงการทำการตลาดออนไลน์ เพราะทุกบาทคือความเสี่ยง และหลายธุรกิจมีประสบการณ์ผิดหวัง ทั้งจากเอเจนซี่ที่ทำงานไม่เป็นระบบ ยิงแอดไม่ตรงกลุ่ม หรือส่งงานแบบไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์จริง ทำให้เจ้าของกิจการลังเลว่าจะ “ลงทุนคุ้มไหม”

เพื่อให้เลือกบริษัทได้อย่างถูกต้อง ต้องเข้าใจสาเหตุที่คนส่วนใหญ่กังวลราคาก่อน:

  • SME งบจำกัด ต้องเห็นผลทันที : ต้องระวังทุกรายจ่าย เพราะเงินทุกบาทคือเงินหมุนของธุรกิจ
  • บริษัทใหญ่ใช้งบเยอะแต่ ROI ไม่มา :ใช้เงินเป็นแสน–ล้าน แต่ไม่เห็นยอดขายเพิ่มขึ้นตาม
  • กลัวถูกเอาเปรียบจากบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์
  • กลัวจ่ายแล้วไม่ได้ยอดขายจริงกลับมา

ราคากับคุณค่า (Cost vs Value) ต่างกันอย่างไร

หลายธุรกิจมักถามก่อนเลยว่า “ทำการตลาดออนไลน์ราคาเท่าไหร่?”
แต่คำถามสำคัญกว่านั้นคือ “สิ่งที่ได้กลับมาคืออะไร?”

เพราะราคาคือสิ่งที่จ่ายออกไป แต่คุณค่าคือผลลัพธ์ที่ได้รับ การทำการตลาดออนไลน์ที่ดีควรทำให้เงินเปลี่ยนเป็นลูกค้า ไม่ใช่แค่โพสต์หรือรายงานสรุปสวย ๆ หากมองเพียงราคาโดยไม่ประเมินคุณค่า อาจพลาดโอกาสในการเลือกบริษัทที่สร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจได้จริง

เพื่อแยกความต่างให้ชัดเจน:

Cost = เงินที่จ่ายออกไป

เช่น ค่าบริการเอเจนซี่ ค่ายิงแอด ค่าคอนเทนต์ เงินออกทันที ไม่ว่าผลงานจะดีหรือไม่

Value = สิ่งที่ธุรกิจได้รับกลับมา

เช่น ลูกค้าใหม่ ยอดขายเพิ่ม ค่าแอดถูกลง Brand Trust สูงขึ้น หรือ Data ที่เอาไปต่อยอดได้ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้ธุรกิจ “โต”

ก่อนเลือกบริษัท ให้ถามคำนี้แทนคำว่า “ราคาเท่าไหร่?”

  • ทำแล้วได้ลูกค้าใหม่ไหม?
  • ค่าแอดลดลงไหม?
  • วัดผลชัดเจนหรือเปล่า?
  • มี Data ให้เอาไปต่อยอดไหม?
  • คอนเทนต์ขายของได้จริงไหม?

การตลาดออนไลน์ไม่ใช่งานที่ถูกที่สุด แต่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด หากผลลัพธ์ที่ได้ช่วยเติบโตยอดขายของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

WizeMoves Consult เรามีทีมที่ปรึกษารับทำการตลาดออนไลน์ เข้าใจธุรกิจของคุณ พร้อมวิเคราะห์และออกแบบกลยุทธ์ที่วัดได้ทุกบาท พร้อมลงมือทำกับคุณทุกขั้นตอนเพื่อให้ธุรกิจไปถึงเป้าหมายได้จริง

วิธีเลือกบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจรให้เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก (SME)

การเลือกบริษัทการตลาดไม่ใช่แค่ดูราคา แต่ต้องดูว่า “เขาเข้าใจธุรกิจคุณจริงไหม” และ “มีความสามารถพอจะพาให้ยอดขายโตหรือเปล่า” โดยเฉพาะ SME ที่งบจำกัด การเลือกผิด = งบหาย ผลลัพธ์ไม่มา และต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด

นี่คือ 5 เกณฑ์สำคัญที่ช่วยให้คุณเลือกเอเจนซี่ได้ตรงและคุ้มที่สุด

1) เลือกบริษัทที่ถามธุรกิจคุณก่อน ไม่ใช่เสนอแพ็กเกจทันที

บริษัททำการตลาดออนไลน์ที่ดีจะเริ่มจากการก่อน

  • ลูกค้าของคุณคือใคร
  • สินค้าคุณขายเพราะอะไร
  • จุดอ่อนจุดแข็งคืออะไร
  • เคยทำอะไรมาแล้วได้ผล/ไม่ได้ผล
  • งบจริงที่คุณไหวคือเท่าไหร่

ถ้ายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจคุณ แต่รีบเสนอราคา ตัดได้เลย เพราะแปลว่าเขาขาย “แพ็กเกจสำเร็จรูป” ไม่ใช่ “กลยุทธ์ที่เหมาะกับคุณ”

2) ดูว่าเขามีทีมครบ หรือเป็นแค่บริษัทที่ยิงแอดอย่างเดียว

ธุรกิจเล็กต้องการทีมที่ช่วยครบทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ปุ่ม Boost Post

บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ที่ควรเลือกควรมี

  • คนวางกลยุทธ์ (Strategist)
  • คนทำคอนเทนต์ + เขียนแคปชัน
  • คนออกแบบภาพ/ตัดต่อวิดีโอ
  • Performance Marketer ยิงแอด
  • Data Analyst วิเคราะห์ผล

ถ้ามีแค่ “คนยิงแอด” อย่างเดียว โฆษณาจะไม่คุ้ม เพราะไม่มีคอนเทนต์และกลยุทธ์รองรับ

3) ต้องมีตัวอย่างผลงาน + เคสใกล้เคียงกับธุรกิจคุณ

ไม่ต้องเป็นเคสใหญ่ระดับล้าน แต่ควรมีผลงานจริง เช่น

  • ร้านอาหาร
  • สกินแคร์
  • E-commerce
  • สินค้าแม่และเด็ก
  • บริการหรือเคส SME ที่งบใกล้เคียงกับคุณ

ถ้ามีแต่ผลงานแบรนด์ใหญ่ แล้วไม่มี SME เลย  คุณอาจไม่ใช่ Priority ของเขา

4) ดูวิธีวัดผล: เขาโฟกัสยอดขายจริง หรือโฟกัสแค่ยอดไลก์

บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ที่ดีต้องวัดผลด้วยตัวชี้วัดที่เกี่ยวกับ “ยอดขาย” เช่น

  • Conversion
  • Cost per Purchase
  • ROAS
  • ค่าต่อแชทที่มีคุณภาพ
  • จำนวนลูกค้าใหม่

ถ้าเน้นแค่ ยอดไลก์,ยอดแชร์ ,ยอดวิว ระวัง! เพราะ “ดังไม่ได้หมายความว่าขายได้”

5) ต้องสื่อสารชัดเจน โปร่งใส และรายงานผลแบบเข้าใจง่าย

บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ที่ดีต้องมีรายงานที่ตอบคำถาม 3 อย่าง

  1. อะไรเวิร์ก?
  2. อะไรไม่เวิร์ก?
  3. เดือนหน้าเราควรทำอะไรต่อ?

ไม่ใช่แค่ทิ้งไฟล์ Excel มาให้คุณเดาเองและไม่ใช่แค่พูดว่า “ระบบกำลังเรียนรู้ค่ะ”

เจ้าของธุรกิจบางรายอาจจะลังเลว่าจะจ้างบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์หรืออีกทางเลือกคือจ้างฟรีแลนซ์ดี : จ้างฟรีแลนซ์ vs บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ 

สรุป — บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ที่ดี ไม่ได้วัดกันที่ “ราคา” แต่ที่ผลลัพธ์ที่ธุรกิจได้รับ

สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การเลือกบริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ไม่ใช่การเลือก “ใครโพสต์สวยกว่า” หรือ “ใครให้ราคาถูกที่สุด” แต่คือการเลือกทีมที่ เข้าใจธุรกิจของคุณจริง และสามารถช่วยให้ยอดขายเติบโตแบบวัดผลได้

บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ที่ดีสำหรับ SME ควรเป็นทีมที่สามารถ:

  • แก้ Pain Point ของธุรกิจได้จริง
  • ช่วยเลือกแพลตฟอร์มที่คุ้มค่าที่สุด
  • วางแผนอย่างมีระบบ ไม่ใช่ทำวันต่อวัน
  • สร้างคอนเทนต์ที่ “ขายได้จริง”
  • ยิงแอดอย่างแม่น ไม่เผางบ
  • วัดผลโปร่งใส และกล้าบอกว่าอะไรทำงาน–อะไรไม่ทำ

เพราะสุดท้ายแล้ว…ธุรกิจเล็กไม่ได้แพ้เพราะงบน้อย แต่แพ้เพราะใช้เงินผิดที่มากกว่า การเลือกบริษัทการตลาดที่ใช่ จึงไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่คือ “การลงทุน” ที่ช่วยให้ SME เติบโตได้แบบก้าวกระโดด แม้งบจะไม่เท่าบริษัทใหญ่ก็ตาม

อยากได้ทีมที่คิดแทนคุณ? ปรึกษา WizeMoves ได้เลย

ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่กำลังหา

  • บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร
  • กลยุทธ์ที่ออกแบบเฉพาะธุรกิจคุณ
  • การตลาดที่เปลี่ยน “ยอดวิว”  “ยอดขาย”
  • ผลลัพธ์ที่วัดได้ชัดเจน ไม่พูดลอย

ทีม WizeMoves Consult พร้อมช่วยคุณ เพื่อดูว่าแพลตฟอร์มไหนคุ้มสุด กลยุทธ์แบบไหนตอบเป้า และควรเริ่มตรงไหนก่อนเพื่อไม่ให้งบสูญเปล่า เพราะทุกธุรกิจไม่เหมือนกัน และวิธีทำการตลาดที่ถูกต้องสำหรับคุณ ต้องออกแบบเฉพาะธุรกิจของคุณเท่านั้น

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจที่เชี่ยวชาญต้องนึกถึง Sellsuki ผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่ครบเครื่องมากที่สุด ผู้ช่วยมองหาทางที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ

หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือ WizeMoves Consult ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย หรือ WizeMoves e-Dis บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี พร้อมด้วย Akita Fulfillment บริการคลังสินค้าครบวงจร และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ

 

 

 

 

แท็ก Marketing

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article