รับทำการตลาดออนไลน์ ราคา: จ่ายเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม? พร้อมบริการรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การตลาดออนไลน์กลายเป็นเครื่องมือหลักในการแข่งขันของธุรกิจทุกขนาด จากเดิมที่เคยมองว่าเป็น “สื่อเสริม” ตอนนี้กลายเป็นช่องทางที่หลายบริษัทจัดเป็นอันดับแรกในแผนสื่อ เห็นได้จากเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลในไทยที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปีล่าสุดมีการใช้จ่ายสูงถึง 33,859 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 38,938 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ +15% ( ข้อมูลอ้างอิง : Marketing Oops )
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่า :
- ลูกค้าใช้เวลาอยู่บนออนไลน์มากขึ้น
- คู่แข่งก็ลงทุนบนออนไลน์มากขึ้น
- ใครวางระบบการตลาดออนไลน์ได้ดี มีโอกาสดึงส่วนแบ่งตลาดไปก่อน
เมื่อต้องเริ่มมองหาทีม รับทำการตลาดออนไลน์ เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่เจอปัญหาเดิมเสมอ:
“รับทำการตลาดออนไลน์ ราคาเท่าไหร่ถึงจะถือว่าคุ้ม?”
“แพ็กเกจแบบไหนเหมาะกับธุรกิจของเรา?”
“ครบวงจรจริงหรือแค่ใช้คำนี้ให้ดูดี?”
ราคาบริการแต่ละเจ้าถึงต่างกันมาก เพราะเบื้องหลังคำว่า “ครบวงจร” ขอบเขตงานอาจไม่เหมือนกันเลย บางที่ดูแลแค่โพสต์ ยิงแอด บางที่ลงลึกถึงการวางแผน การอ่าน Data และการช่วยคิดโครงสร้างการตลาดในระยะยาว
บทความนี้จึงชวนมาดูเบื้องต้นว่า
- อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ รับทำการตลาดออนไลน์ ราคา แตกต่างกัน
- บริการ รับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร จริง ๆ ควรมีอะไรบ้าง
- และประเภทแพ็กเกจแบบไหน เหมาะกับธุรกิจในแต่ละสถานการณ์
ทำไมราคา “รับทำการตลาดออนไลน์” ถึงไม่เท่ากัน?
ก่อนจะเลือกแพ็กเกจ ควรเข้าใจให้ชัดก่อนว่า “ทำไมไม่มีราคาเดียวที่ตอบได้ทุกคน” ราคาของบริการทำการตลาดออนไลน์ขึ้นอยู่กับ “ระดับความลึก” และ “ขอบเขตที่ทีมเข้าไปดูแล” มากกว่าจำนวนโพสต์หรือจำนวนแอดเพียงอย่างเดียว
โดยทั่วไป ปัจจัยที่ทำให้ราคาแตกต่างกัน มีอย่างน้อยดังนี้
1. ความซับซ้อนของตัวสินค้าและโมเดลธุรกิจ
- สินค้าที่ต้องอธิบายเยอะ เช่น อาหารเสริม สกินแคร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
- สินค้าที่มีหลาย SKU หรือมีเงื่อนไขการขายเยอะ ยิ่งอธิบายยาก ยิ่งต้องใช้คอนเทนต์และมุมสื่อสารที่คิดมาดี ใช้ทรัพยากรทีมมากขึ้น
2. จำนวนช่องทางที่ต้องดูแล
- ดูแค่ Facebook กับ IG
- หรือดูทั้ง Facebook / IG / TikTok / Line OA / Website / Marketplace
ยิ่งหลายแพลตฟอร์ม ยิ่งต้องแยกวางคอนเทนต์และกลยุทธ์โฆษณาให้เหมาะกับพฤติกรรมของผู้ใช้ในแต่ละที่
3. ระดับของคอนเทนต์
- คอนเทนต์แบบ Basic Graphic
- คอนเทนต์เชิงเนื้อหา ให้ความรู้ สร้างความน่าเชื่อถือ
- คอนเทนต์วิดีโอสั้น Reels / TikTok ที่ต้องคิดสคริปต์ ถ่ายทำ ตัดต่อ แต่ละระดับใช้คนและเวลาไม่เท่ากัน และสะท้อนอยู่ในโครงราคาทั้งหมด
4. วิธีการบริหารโฆษณา (Media Management)
- เปิดแคมเปญแล้วปล่อยวิ่งยาว
- หรือมีการปรับกลุ่มเป้าหมาย ปรับครีเอทีฟ ทดลอง A/B Test และ Optimize ตามตัวเลขระดับการดูแลงานโฆษณามีผลมากกับทั้งผลลัพธ์และค่าใช้จ่าย
5. ระดับการวัดผลและการอ่าน Data
- รายงานตัวเลขแบบสรุป (Reach, Click, Engagement)
- หรือมีการวิเคราะห์เชิงลึก เช่น Funnel Drop-off, CAC, LTV, คุณภาพ Lead การตลาดที่ใช้ Data เป็น มีราคาสูงกว่า แต่ก็มักใช้งบได้คุ้มกว่าในระยะยาว
6. วิธีทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์กับทีมการตลาด
- ทำงานแบบ “รับโจทย์–ส่งงาน”
- หรือทำงานร่วมกันเป็นพาร์ตเนอร์ มีการประชุมแลกเปลี่ยนและปรับทิศทางสม่ำเสมอรูปแบบหลังจะใช้เวลามากขึ้น แต่ผลลัพธ์ก็มีโอกาสตรงกับเป้าหมายธุรกิจมากกว่า
เมื่อเข้าใจปัจจัยเหล่านี้แล้ว จะเริ่มเห็นภาพว่า เวลาเราถามว่า “รับทำการตลาดออนไลน์ ราคาเท่าไหร่?”
คำถามที่ควรถามต่อด้วยคือ “แล้วเขาทำให้ครอบคลุมแค่ไหน?”
การทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร จริง ๆ หมายถึงอะไร?
หลายที่ใช้คำว่า “ครบวงจร” แต่ความหมายไม่เหมือนกัน ในเชิงโครงสร้างแล้ว การดูแลการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรควรครอบคลุมอย่างน้อย 4 มุมใหญ่ๆ คือ
1) ด้านคอนเทนต์ (Content)
ไม่ใช่แค่การโพสต์ให้ครบจำนวน แต่ต้องคิดว่า “โพสต์แต่ละชิ้นทำหน้าที่อะไรในภาพรวมของแบรนด์”
- คอนเทนต์สร้างการรู้จัก (Awareness)
- คอนเทนต์อธิบายปัญหา–วิธีแก้ (Problem / Solution)
- คอนเทนต์รีวิวและ Social Proof
- คอนเทนต์ปิดการขาย (Conversion Content)
2) ด้านโฆษณา (Media / Performance)
โฆษณาต้องช่วยผลักให้คอนเทนต์ไปถึงคนที่ใช่ และต้องควบคุมต้นทุนให้เหมาะสม
- เลือกแพลตฟอร์มให้เหมาะกับสินค้า
- วางโครงสร้างแคมเปญและกลุ่มเป้าหมาย
- ปรับงบตามผลลัพธ์จริง ไม่ใช่ตั้งแล้วปล่อย
3) ด้านการสื่อสารกับลูกค้า (Customer Communication)
เมื่อคนเริ่มทักเข้ามา การตอบกลับของแอดมินมีผลโดยตรงกับยอดขาย
- ความเร็วในการตอบ
- ข้อมูลที่ให้ชัดเจนหรือไม่
- การปิดการขายอย่างมืออาชีพ ถึงแม้บางเอเจนซี่จะไม่ได้เป็นคนตอบแชทเอง แต่การวางสคริปต์หรือ Guideline ให้ทีมแอดมิน ก็เป็นส่วนหนึ่งของ “ครบวงจร”
4) ด้านข้อมูลและการวัดผล (Data & Optimization)
การตลาดออนไลน์ที่ดีไม่ใช่แค่ “ทำให้เยอะ” แต่ต้อง “รู้ว่าอะไรเวิร์ก”
- เก็บข้อมูลจากแคมเปญ
- วิเคราะห์ว่าคอนเทนต์แบบไหน–กลุ่มลูกค้าแบบไหน ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
- ปรับแผนในรอบถัดไปให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าบริการ รับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร ที่คุณกำลังมองหา ครอบคลุมทั้ง 4 มิตินี้ แปลว่าคุณกำลังมองระบบที่มีโอกาสสร้างผลลัพธ์ได้จริง ไม่ใช่แค่การ “มีคนมาช่วยโพสต์และยิงแอดให้”
ส่องประเภทแพ็กเกจรับทำการตลาดออนไลน์เบื้องต้น : แต่ละแบบเหมาะกับใคร?
การแบ่งประเภทบริการหลัก ๆ ที่พบในตลาด แต่ละแบบทำอะไรให้บ้าง ข้อดี–ข้อจำกัดคืออะไร และเหมาะกับธุรกิจแบบไหน
1) แพ็กเกจพื้นฐาน – สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่การตลาดออนไลน์
แพ็กเกจนี้เหมาะกับธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วงทดลอง ไม่แน่ใจว่ากลุ่มลูกค้าที่แท้จริงคือใคร หรือยังไม่เคยทำ การตลาดออนไลน์ มาก่อน ต้องการ “เริ่มต้นอย่างมีโครง” มากกว่าการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
เป้าหมายหลักมักจะเป็น
- ทำให้เพจหรือช่องทางมีความเคลื่อนไหว
- เริ่มสร้างฐานคนเห็นแบรนด์
- ทดลองทิศทางคอนเทนต์และกลุ่มเป้าหมาย
สิ่งที่โดยมากอยู่ในแพ็กเกจพื้นฐาน
- วางหัวข้อและธีมคอนเทนต์แบบกว้าง ๆ รายเดือน
- ทำภาพและโพสต์คอนเทนต์ตามจำนวนที่ตกลงกัน
- ยิงโฆษณาเบื้องต้น เพื่อเพิ่ม Reach / Engagement
- สรุปผลเป็นตัวเลขให้เห็นภาพรวมเป็นระยะ
ข้อดีของแพ็กเกจพื้นฐาน
- ช่วยให้ธุรกิจเริ่มต้นได้เร็ว โดยไม่ต้องวางระบบซับซ้อน
- งบลงทุนไม่สูง เหมาะกับช่วงทดลองตลาด
- ได้เรียนรู้ว่าลูกค้าสนใจอะไร สนองกับคอนเทนต์แนวไหน
- ลดโอกาสเสียเวลาในการลองทำเองทั้งหมด
ข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนเลือก
- ยังไม่ใช่แพ็กเกจที่ออกแบบมาเพื่อ “ดันยอดขายเต็มรูปแบบ” แต่ออกแบบมาเพื่อสร้าง Awareness
- กลยุทธ์ที่ใช้มักอยู่ในระดับทั่วไป ไม่ได้ลงลึกด้าน Customer Journey มากนัก
- การวิเคราะห์ผลจะเน้นตัวเลขพื้นฐาน ยังไม่ลงรายละเอียดเชิงกลยุทธ์
- หากธุรกิจพร้อมเติบโตแล้ว แพ็กเกจนี้อาจไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว
2) แพ็กเกจรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร – ตัวเลือกหลักของธุรกิจที่ต้องการเติบโตจริงจัง
แพ็กเกจนี้คือหัวใจของคำว่า รับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร เพราะไม่ใช่แค่ “ผลิตคอนเทนต์” หรือ “ยิงแอดให้” แต่เป็นการดูแลภาพรวมของการตลาดออนไลน์ทั้งหมดอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
ธุรกิจที่เลือกแพ็กนี้มักมีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น เช่น
- ต้องการยอดขายออนไลน์ต่อเดือนในระดับหนึ่ง
- ต้องการสร้างแบรนด์ให้มีภาพจำชัดในตลาด
- ต้องการใช้ Data มาช่วยตัดสินใจด้านการตลาด
สิ่งที่มักรวมอยู่ในแพ็กเกจครบวงจร
- แผนการตลาดออนไลน์ตามเป้าหมายธุรกิจ (ระยะ 3–12 เดือน)
- การออกแบบ Content Direction ตาม Customer Journey
- ผลิตคอนเทนต์หลายรูปแบบ: ให้ความรู้, รีวิว, โปรโมชัน, สร้างความเชื่อมั่น
- ดูแล Social Media หลายช่องทางพร้อมกัน
- วางแผนและบริหารงบโฆษณาอย่างเป็นระบบ
- มีการรีมาร์เก็ตติ้ง เพื่อดึงคนที่เคยสนใจกลับมา
- รายงานผลเชิงลึก และสรุปเป็นข้อเสนอแนะปรับปรุง
- ประชุมทบทวนและปรับทิศทางทุกเดือน
- มีการรายงานผลทุกอาทิตย์
ข้อดีของแพ็กเกจครบวงจร
- เห็นภาพการตลาดออนไลน์ของธุรกิจอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่ชิ้นงานรายวัน
- คอนเทนต์และโฆษณาเดินไปในทิศทางเดียวกัน
- ใช้งบได้คุ้มค่า เพราะทุกกิจกรรมถูกออกแบบมาให้รองรับเป้าหมายเดียวกัน
- เหมาะกับการสร้างทั้งยอดขายและแบรนด์ไปพร้อมกัน
- เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่กระตุกยอดระยะสั้น
ข้อจำกัดที่ควรเข้าใจ
- ต้องใช้ข้อมูลจากทางแบรนด์ค่อนข้างมาก เช่น จุดขายหลัก กลุ่มเป้าหมาย ปัญหาที่แท้จริงของลูกค้า
- ต้องยอมรับว่าช่วง 1–3 เดือนแรกเป็นช่วง “วางระบบ + เก็บ Data” ผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อระบบเริ่มนิ่ง
- ทีมหลังบ้านของธุรกิจ เช่น แอดมินตอบแชท–ทีมขาย ต้องพร้อมรองรับยอดที่เติบโตขึ้นด้วย
- งบประมาณโดยรวมจะสูงกว่าแพ็กพื้นฐานตามขนาดและความลึกของงาน
ถ้าธุรกิจของคุณต้องการระบบที่ช่วยขับเคลื่อนยอดขายอย่างต่อเนื่อง หรือต้องการสเกลธุรกิจให้โตมากยิ่งขึ้น เราสามารถออกแบบการทำงานให้เหมาะกับ จังหวะการเติบโตของธุรกิจคุณจริง ๆ
WizeMoves เราทำงานแบบ พาร์ทเนอร์ :
- ช่วยวิเคราะห์โอกาสของแบรนด์ในทุกช่องทาง
- แนะนำแนวทางที่เหมาะสมกับพฤติกรรมลูกค้าของคุณ
- ปรับกลยุทธ์ให้ทันตลาดและตัวเลขจริงทุกเดือน
- ทำงานเชื่อมกันทั้งคอนเทนต์–โฆษณา–ข้อมูล เพื่อให้ทุกอย่างขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
บอกเป้าหมายที่ต้องการมาได้เลย เราช่วยวางเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ธุรกิจของขึ้นเติบโตได้จริง
3) แพ็กเกจแคมเปญเฉพาะกิจ – เร่งยอดในช่วงเวลาที่ต้อง “แคมเปญใหญ่”
แพ็กเกจแคมเปญเหมาะสำหรับช่วงเวลาที่มีเป้าหมายชัดเจนและจำกัดเวลา เช่น
- เปิดตัวสินค้าใหม่
- โปรโมชันท้ายไตรมาส
- แคมเปญช่วงเทศกาล (11.11, 12.12, ปีใหม่ ฯลฯ)
การทำงานในลักษณะนี้จะ “เข้มข้นและเน้นผลระยะสั้น” มากกว่าการสร้างระบบยาว ๆ ทีมงานจึงต้องลงรายละเอียดกับคอนเซ็ปต์และการยิงโฆษณาให้เต็มที่ในช่วงเวลานั้น
สิ่งที่มักรวมในแพ็กเกจแคมเปญ
- การทำความเข้าใจสินค้าและเป้าหมายของแคมเปญ
- คิดคอนเซ็ปต์และ Key Message ที่ต้องการสื่อ
- วางโครงสร้างคอนเทนต์สำหรับใช้ในแคมเปญ (ภาพ–วิดีโอ)
- ตั้งค่าชุดโฆษณาหลายแบบเพื่อเทสกลุ่มลูกค้า
- ปรับแผนโฆษณาระหว่างแคมเปญอย่างต่อเนื่อง
- สรุปผลและ Insight หลังจบแคมเปญ
ข้อดีของแพ็กเกจแคมเปญ
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายในระยะเวลาสั้น
- ดันยอดหรือดันการรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว
- ดีสำหรับการทดลองสินค้าตัวใหม่ หรือข้อเสนอใหม่
- สร้างจังหวะ “การกลับมาเห็น” ของแบรนด์สำหรับลูกค้าเก่า
ข้อจำกัดที่ต้องระวัง
- ถ้าไม่มีฐานระบบเดิมรองรับ แคมเปญอาจให้ผลได้ไม่เต็มศักยภาพ
- ต้องการทีมหลังบ้านที่พร้อมเต็มที่ ทั้งสต็อกสินค้าและแอดมิน
- เมื่อแคมเปญจบ หากไม่มีการทำการตลาดต่อเนื่อง ตัวเลขมักจะลดลงกลับสู่ระดับเดิม
หากคุณยังนึกภาพไม่ออกว่า บริษัทรับปรึกษาธุรกิจออนไลน์สามารถช่วยธุรกิจคุณได้ยังไง สามารถอ่านบทความนี้เพื่อเห็นภาพชัดมากยิ่งขึ้น : ที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ช่วย SME เติบโตได้อย่างไร
สรุป: จะรู้ได้อย่างไรว่า “ราคาไหนคุ้ม” สำหรับธุรกิจของคุณ?
คำว่า “คุ้ม” ในของการทำการตลาดออนไลน์ ไม่ได้หมายถึง “ราคาถูกที่สุด” แต่หมายถึง “จ่ายแล้วระบบการตลาดของธุรกิจคุณเดินไปข้างหน้าอย่างชัดเจนแค่ไหน”
การเลือกแพ็กเกจที่เหมาะ
- ช่วยลดการลองผิดลองถูก
- ทำให้ใช้งบอย่างมีทิศทาง
- และที่สำคัญ ทำให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าของตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าเพิ่งเริ่มต้นแนะนำ แพ็กเกจพื้นฐานอาจเพียงพอ , ถ้าต้องการวางระบบระยะยาวแนะนำ แพ็กเกจครบวงจรคือคำตอบ, ถ้าต้องการเร่งยอดหรือแคมเปญใหญ่ในช่วงเวลาเฉพาะ แนะนำ เสริมด้วยแพ็กเกจแคมเปญ
หลายธุรกิจประสบความสำเร็จบนออนไลน์ เพราะไม่ได้เลือกเพียงแบบใดแบบหนึ่ง แต่ “ผสม” ให้เหมาะกับจังหวะของธุรกิจในแต่ละช่วง
ธุรกิจแต่ละที่มีเป้าหมาย และความพร้อมที่ไม่เหมือนกัน บริการที่ WizeMoves เราสามารถออกแบบแพ็กเก็จที่เหมาะกับเป้าหมายของธุรกิจของคุณ โดยไม่ยึดติดติดกับแพ็กเกจสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียว
ไม่ว่าคุณจะต้องการเริ่มต้นจากการวางคอนเทนต์ ยิงโฆษณา ดูแลครบวงจร หรือโฟกัสเฉพาะแคมเปญระยะสั้น เราสามารถช่วยประเมินให้ได้ว่า “รูปแบบไหนเหมาะกับธุรกิจคุณที่สุด” เพื่อให้ธุรกิจของคุณไปถึงเป้าหมายจริงๆ
หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจที่เชี่ยวชาญต้องนึกถึง Sellsuki ผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่ครบเครื่องมากที่สุด ผู้ช่วยมองหาทางที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ
หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือ WizeMoves Consult ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย หรือ WizeMoves e-Dis บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี พร้อมด้วย Akita Fulfillment บริการคลังสินค้าครบวงจร และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ