Header-sellsuki.webp
S E L L S U K I

เปิดประตูสู่เอเชีย โอกาสสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจไทยปี 2024


19 Apr 2024

Share with :
0

Sellsuki ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน Thailand Hong Kong Business Forum 2024 ซึ่งจัดโดย สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ Invest Hong Kong และ องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง

งานสัมมนาจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจไทย ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจใน Hong Kong ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าระดับโลกและประตูสู่การค้ากับประเทศจีน ตลาดที่มีความสำคัญที่สุดในปัจจุบัน

เพราะเหตุใด Hong Kong ถึงเป็นประเทศที่ผู้ประกอบการธุรกิจไทย ควรเปิดโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยในวันนี้คุณ Alpha Lau Director-General of Investment Promotion จาก InvestHK จะมาเป็นวิทยากรเพื่ออธิบายเหตุผลว่า ทำไม Hong Kong ถึงเป็นประเทศที่น่าเข้าไปขยายตลาด

โดยภาพรวมเศรษฐกิจของ Hong Kong ในปี 2023 ที่ผ่านมา GDP โตขึ้นถึง 3.2% และคาดการณ์ว่าปี 2024 จะโตขึ้นอีก 3.5% โดยการบริโภคของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 7.3% มีการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น 10.8% และมีการนำเข้าด้านธุรกิจบริการเพิ่มขึ้นถึง 25.4% แม้ว่าเพิ่งจะเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของ ​Covid-19

ซึ่งบริษัทข้ามชาติให้มาตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชีย มากกว่า 1,336 บริษัท บริษัทเหล่านี้ มาจาก ประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และ สิงคโปร์ ซึ่งกลุ่มธุรกิจ ที่นิยมมาตั้งสำนักงาน ได้แก่

  • การค้าปลีกและค้าส่ง
  • การเงินและการธนาคาร
  • การศึกษา
  • การขนส่งและโกดังสินค้า

เนื่องจาก Hong Kong มีตำแหน่งที่ตั้งที่เปรียบเสมือนหัวใจของทวีปเอเชีย ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังเมืองหลวงประเทศต่าง ๆ ได้ ด้วยการเดินทางภายใน 4 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง ,โซล ,โตเกียว ,ไทเป ,กรุงเทพมหานคร ,สิงคโปร์ และจากาตาร์

ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมอำนวยความสะดวก ทั้งเรื่องการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะครอบคลุมทุกพื้นที่และราคาประหยัด มีระบบการชำระเงินรองรับ E-Payment 98% พร้อมด้วยพื้นที่สีเขียวและธรรมชาติที่สามารถเข้าถึงง่าย รวมไปถึงการเป็นศูนย์กลางอีเว้นท์ อาหาร และวัฒนธรรมสากล ที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอยู่ร่วมกัน

และอีกส่วนที่สำคัญสำหรับนักธุรกิจคือ โครงสร้างภาษีที่ถือว่าต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ เพียง 8.25% ของเงินได้ 2 ล้าน HKD และมีสัญญาป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับประเทศไทย ทำให้นักธุรกิจไม่ต้องจ่ายภาษีซ้ำซ้อนจากการทำธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

เปรียบเสมือนประตูในการทำธุรกิจในประเทศจีน เพราะตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Greater Bay Area หรือพื้นที่ปากอ่าว ส่งผลให้สามารถเชื่อมต่อกับเมืองสำคัญของจีนได้อย่างง่ายดาย ทั้งมาเก๋า เซินเจิ้น กว่างโจว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 56,098 ตารางกิโลเมตร และมี GDP รวมกว่า 1.9 หมื่นล้าน US Dollar กับประชากรกว่า 86 ล้านคนที่อาศัยในพื้นที่บริเวณนี้ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงตลาดของประเทศจีนได้ง่ายยิ่งขึ้น

Invest HK หน่วยงานส่งเสริมการลงทุน ยกตัวอย่างธุรกิจที่มีการขยายกิจการ เช่น แบรนด์เสื้อผ้าสิงคโปร์ “Love,Bonito” เริ่มต้นจาก Pop - up store ปี 2019 และเปิด Flagship store ปี 2023 ร่วมกับ Invest HK

หากเป็นของประเทศไทยเองก็มี After You ร้านขนมชื่อดังที่เพิ่งเปิด Flagship Store เมื่อต้นปีนี้ หรือ Big C ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2023 และวางแผนขยายสาขาเป็น 99 สาขาภายในปี 2026

มีการสนับสนุนผู้ประกอบการ Start Up โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีด้านการเงิน หรือ Fintech มุ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีการเงิน มีบริษัท Fintech จดทะเบียนกว่า 1,000 ราย และเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้าน Web3 กว่า 170 ราย พร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านกฎหมาย และ Ecosystem ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจ Fintech เช่น คริปโต (CryptoCurrency), Blockchain, Payment Medthod, InsurTech, Digital Asset หรือธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวกับด้านการเงิน

ต่อมาคือผู้เชี่ยวชาญอีกท่าน คุณกุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ที่เคยมีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาด้านการขยายธุรกิจไปยังประเทศจีนและฮ่องกง มาให้คำแนะนำผู้ประกอบการไทยที่ต้องการไปขยายตลาดว่าต้องทำการบ้านเพิ่มเติมในเรื่องใดบ้าง

ภาพรวมของตลาด E-Commerce ในประเทศจีนนั้นถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของหลาย ๆ ประเทศ ที่มีการซื้อสินค้าออนไลน์กว่า 51.8% ของจำนวนประชากร เมื่อเทียบกับหลายๆประเทศที่ค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 20 - 30% เท่านั้น ซึ่งกุญแจสำคัญในการเข้าไปในตลาดที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้คือ การเลือกเครื่องมือสื่อสารที่เหมาะสม

ในประเทศจีนมีการบริโภคสื่อที่แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดย Social Media Platform ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ WeChat, Douyin, Weibo, Bilibili และ XiaoHongShu ตามลำดับ ซึ่งเป็น Platform ของประเทศจีนเอง ต่างจากฮ่องกงที่จะเป็น Facebook, YouTube, X (Twitter), Pinterest และ Instagram

นอกเหนือจากการเลือก Platform ที่จะใช้สื่อสารแล้ว เรายังต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคของประเทศจีนและฮ่องกงอีกด้วย โดยในปัจจุบันเทรนด์ที่กำลังมาแรง คือ Live - Commerce เราอาจจะเคยได้ยินข่าวว่าแม่ค้าออนไลน์จีนปิดยอดขายได้หลักล้านต่อการ Live หนึ่งครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกำลังในการซื้อของคนจีน ที่มาจากความรู้สึกแค่อยากซื้อ มากกว่าฟังก์ชันของสินค้าเสียอีก

นอกจากนี้ Influencer ในประเทศจีนมีความสำคัญกับนักการตลาดเช่นกัน เนื่องจาก Influencer เหล่านี้สามารถช่วยให้แบรนด์ปิดการขายได้ โดยสิ่งที่ต่างจากประเทศไทยคือ คนจีนจะนิยมซื้อของผ่าน Influencer ผ่านตะกร้าสินค้า ซึ่งสามารถสร้างรายได้มหาศาลให้แก่แบรนด์

คุณกุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ ได้สรุป 4 ประเด็นสำคัญสำหรับการขยายธุรกิจไปยังจีนและฮ่องกง ดังนี้

  • เข้าใจพฤติกรรมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
  • เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับสินค้าและการสื่อสาร
  • ลงทุนใน Influencer Marketing
  • ตรวจสอบและปรับปรุงเพื่อพัฒนากลยุทธ์อยู่ตลอดเวลา

งาน Thailand Hong Kong Business Forum 2024 เผยโอกาสมากมายสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดย Hong Kong เป็นศูนย์กลางการค้าที่สะดวก สามารถเชื่อมต่อไปยังหลาย ๆ ประเทศด้วยต้นทุนต่ำ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เพื่อรองรับธุรกิจต่าง ๆ ที่จะเข้าไปลงทุน

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการผู้ช่วยที่มีความชำนาญในการทำธุรกิจออนไลน์ Sellsuki พร้อมเป็น ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของเรา ที่ต้องการผลักดันให้ผู้ประกอบการ SME ประสบความสำเร็จ ด้วยบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจออนไลน์ได้ครบทุกรูปแบบ ช่วยให้ธุรกิจของคุณเอาชนะใจลูกค้า และสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

หากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดผ่าน LINE OA ได้เลย และอย่าลืมกดติดตามน้องสุกิในช่องทาง Facebook, Youtube และ TikTok เพื่อไม่ให้พลาดเรื่องราวดีๆ ที่น้องสุกิจะนำมาฝากเป็นประจำ