mdi_eye : 14 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

5 ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่แบรนด์ต้องระวังเมื่อทำ "การตลาดดิจิทัล"

ทำไมการตลาดดิจิทัลจึงสำคัญและ 5 ข้อผิดพลาดที่แบรนด์ต้องระวัง

ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน "การตลาดดิจิทัล" (Digital Marketing) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ การมีกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่แข็งแกร่งคือสิ่งจำเป็นสำหรับการแข่งขันในตลาด การตลาดดิจิทัลครอบคลุมกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่การทำ SEO (Search Engine Optimization), SEM (Search Engine Marketing), Content Marketing, การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย, การตลาดผ่านอีเมล, ไปจนถึงการโฆษณาออนไลน์รูปแบบต่างๆ

ความสำคัญ-ป้องกัน-ข้อผิดพลาด-การตลาดดิจิทัล.webp

ความสำคัญของการหลีกเลี่ยงและป้องกันข้อผิดพลาด

แม้ว่าการตลาดดิจิทัลจะมีศักยภาพมหาศาล แต่ก็เต็มไปด้วยกับดักที่อาจทำให้แบรนด์เสียทั้งเวลา เงิน และโอกาส หากไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องและกลยุทธ์ที่รอบคอบ หลายธุรกิจมักจะกระโดดเข้าสู่สนามนี้โดยขาดการวางแผน จะทำให้เกิดข้อผิดพลาดซ้ำ ๆ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)

การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่พบบ่อยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้แบรนด์สามารถหลีกเลี่ยงกับดักเหล่านี้และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในระยะยาว บทความนี้ Sellsuki จะพาเจาะ 5 ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่แบรนด์ควรระวังเมื่อคิดจะทำ "การตลาดดิจิทัล" พร้อมทั้งให้แนวทางในการแก้ไขและป้องกัน เพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในโลกดิจิทัล

การตลาดดิจิทัล-5-ข้อ-ที่-แบรนด์-ต้องระวัง.webp

ข้อผิดพลาดที่ 1: ขาดเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ชัดเจน

หลายแบรนด์เริ่มต้นทำการตลาดดิจิทัลโดยไม่มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและกลยุทธ์ที่รอบคอบ พวกเขามักจะกระโดดเข้าสู่แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, TikTok หรือ Google Ads โดยไม่มีความเข้าใจว่าต้องการอะไรจากการลงทุนเหล่านี้ การขาดเป้าหมายที่ชัดเจนทำให้การวัดผลเป็นไปได้ยาก และไม่สามารถประเมินได้ว่าแคมเปญที่ทำไปนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ การใช้จ่ายงบประมาณไปกับการตลาดแบบไร้ทิศทางไม่ต่างอะไรกับการยิงปืนในที่มืด ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ยังเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย

แนวทางแก้ไข: กำหนดเป้าหมาย SMART และวางแผนกลยุทธ์

การแก้ไขข้อผิดพลาดนี้เริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายที่ SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) ตัวอย่างเช่น แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า “ต้องการเพิ่มยอดขาย” ควรตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น “ต้องการเพิ่มยอดขายสินค้า A 20% ภายใน 3 เดือนผ่านช่องทาง Facebook Ads

หลังจากกำหนดเป้าหมายแล้ว ต้องพัฒนากลยุทธ์ที่ชัดเจน ซึ่งรวมถึง:

  • การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย: ทำความเข้าใจว่าลูกค้าของคุณคือใคร พวกเขาอยู่ที่ไหนบนโลกออนไลน์ มีพฤติกรรมอย่างไร และมีความต้องการอะไร
  • การเลือกช่องทางที่เหมาะสม: ไม่จำเป็นต้องอยู่ทุกแพลตฟอร์ม เลือกช่องทางที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้งานมากที่สุดและเหมาะสมกับประเภทธุรกิจของคุณ
  • การกำหนดงบประมาณ: จัดสรรงบอย่างมีเหตุผลและติดตามการใช้จ่ายอย่างใกล้ชิด
  • การวางแผนเนื้อหา: สร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับเป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายของคุณ

ข้อผิดพลาดที่ 2: สร้างเนื้อหาที่ไม่น่าสนใจหรือไม่เกี่ยวข้อง

ในยุคที่ข้อมูลท่วมท้น การสร้างเนื้อหา (Content Creation) เป็นสิ่งสำคัญ แต่การสร้างเนื้อหาที่ไม่น่าสนใจ ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย หรือไม่มีคุณค่า จะทำให้แบรนด์ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้ หลายธุรกิจมักจะเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ หรือสร้างเนื้อหาที่เน้นการขายมากเกินไป โดยลืมไปว่าผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการเนื้อหาที่ให้ความรู้ ความบันเทิง หรือแก้ปัญหาให้พวกเขาได้

การทำ Content Marketing ที่ไม่มีประสิทธิภาพจะส่งผลให้ Engagement ต่ำ ยอดเข้าชมเว็บไซต์ไม่เพิ่มขึ้น และไม่สามารถสร้าง Lead หรือ Conversion ได้ตามที่คาดหวัง

แนวทางแก้ไข: เน้นคุณภาพ สร้างคุณค่า และเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย

การแก้ไขข้อผิดพลาดนี้คือการเปลี่ยนมุมมองจากการสร้างเนื้อหาเพื่อ “ขาย” ไปสู่การสร้างเนื้อหาเพื่อ “ให้คุณค่า” แก่กลุ่มเป้าหมาย:

  • เข้าใจ Pain Point ของกลุ่มเป้าหมาย: ค้นหาว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณมีปัญหา ความต้องการ หรือคำถามอะไร และสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์สิ่งเหล่านั้น
  • หลากหลายรูปแบบเนื้อหา: ไม่จำกัดแค่บทความ ลองใช้รูปภาพ อินโฟกราฟิก วิดีโอ พอดแคสต์ หรือไลฟ์สด เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
  • เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ: เนื้อหาที่มีคุณภาพสูงจะอยู่ได้นาน (Evergreen Content) และสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าในระยะยาว
  • สร้าง Storytelling: เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับแบรนด์ สินค้า หรือลูกค้า เพื่อสร้างความผูกพันทางอารมณ์
  • Call-to-Action (CTA) ที่ชัดเจน: ทุกเนื้อหาควรมี CTA ที่ชัดเจน เพื่อนำทางผู้บริโภคไปสู่ขั้นตอนต่อไป เช่น สมัครรับข่าวสาร ดาวน์โหลด E-book หรือติดต่อสอบถาม

ข้อผิดพลาดที่ 3: ละเลยการวิเคราะห์ข้อมูลและวัดผล

หนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของการตลาดดิจิทัลคือความสามารถในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างละเอียด แต่หลายแบรนด์กลับละเลยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ การไม่ติดตามและวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแคมเปญอย่างสม่ำเสมอทำให้ธุรกิจไม่สามารถทราบได้ว่ากลยุทธ์ใดได้ผลดี กลยุทธ์ใดควรปรับปรุง หรือส่วนใดที่ต้องหยุดดำเนินการ

การตัดสินใจโดยปราศจากข้อมูล (Data-driven Decision) เป็นการทำการตลาดแบบ “เดาสุ่ม” ซึ่งนำไปสู่การใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพและพลาดโอกาสในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

แนวทางแก้ไข: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การแก้ไขข้อผิดพลาดนี้คือการให้ความสำคัญกับการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลและนำข้อมูลเชิงลึกมาปรับปรุงกลยุทธ์อย่างสม่ำเสมอ:

  • ติดตั้งเครื่องมือวิเคราะห์: ใช้ Google Analytics, Google Search Console, Facebook Pixel หรือเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มที่คุณใช้งาน
  • กำหนด KPI (Key Performance Indicators): ระบุตัวชี้วัดหลักที่สอดคล้องกับเป้าหมายของคุณ เช่น อัตราการคลิก (CTR), อัตราการแปลง (Conversion Rate)
  • ตรวจสอบข้อมูลเป็นประจำ: ตั้งเวลาในการตรวจสอบรายงานและข้อมูลเชิงลึกอย่างสม่ำเสมอ อาจจะเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ขึ้นอยู่กับความถี่ของกิจกรรมการตลาด
  • A/B Testing: ทดสอบองค์ประกอบต่างๆ ของแคมเปญ เช่น หัวข้อโฆษณา รูปภาพ หรือ Call-to-Action เพื่อหาว่าสิ่งใดให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • ปรับปรุงกลยุทธ์ตามข้อมูล: ใช้ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์มาปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปรับกลุ่มเป้าหมาย ข้อความโฆษณา หรือช่องทางการเผยแพร่

ข้อผิดพลาดที่ 4: ไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค

โลกของการตลาดดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม และพฤติกรรมของผู้บริโภค แบรนด์ที่ยึดติดกับวิธีการเดิมๆ ไม่ยอมเรียนรู้และปรับตัวตามเทรนด์ใหม่ๆ จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ตัวอย่างเช่น การละเลยการตลาดบนมือถือ (Mobile Marketing) ในยุคที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟน หรือการไม่ใช้ประโยชน์จาก AI และ Automation ในการทำการตลาด นอกจากนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น การเสพคอนเทนต์วิดีโอสั้น หรือการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ก็เป็นสิ่งที่แบรนด์ต้องให้ความสนใจ

แนวทางแก้ไข: เรียนรู้ ปรับตัว และเปิดรับสิ่งใหม่ๆ

การแก้ไขข้อผิดพลาดนี้คือการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ สิ่งที่ควรทำ:

  • ติดตามเทรนด์ใหม่ๆ: หมั่นศึกษาและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยีการตลาดดิจิทัล แพลตฟอร์มใหม่ๆ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
  • ลงทุนในเทคโนโลยี: พิจารณาการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI, Chatbot หรือ Marketing Automation มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • ให้ความสำคัญกับ Mobile-First: ออกแบบเว็บไซต์และเนื้อหาให้เหมาะสมกับการแสดงผลบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และพิจารณาการทำ Mobile Marketing อย่างจริงจัง
  • สร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล (Personalization): ใช้ข้อมูลเพื่อนำเสนอเนื้อหาและข้อเสนอที่ตรงกับความสนใจและความต้องการของผู้บริโภคแต่ละราย
  • ให้ความสำคัญกับ Data Privacy: ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (เช่น PDPA ในประเทศไทย) และสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภค

ข้อผิดพลาดที่ 5: ละเลยการสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบองค์รวม (Omnichannel Experience)

ในปัจจุบัน ผู้บริโภคมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ผ่านช่องทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล แอปพลิเคชัน หรือแม้กระทั่งหน้าร้านจริง หลายแบรนด์มักจะทำการตลาดแบบแยกส่วน โดยแต่ละช่องทางทำงานแยกกัน ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลหรือประสบการณ์ระหว่างกัน

การขาด Omnichannel ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไม่ต่อเนื่อง สับสน และอาจรู้สึกว่าแบรนด์ไม่เข้าใจความต้องการของพวกเขา ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจและอาจเปลี่ยนไปใช้บริการคู่แข่ง ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่เคยสอบถามข้อมูลสินค้าผ่าน Facebook Messenger อาจต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเมื่อติดต่อผ่านอีเมล หรือโปรโมชั่นที่เห็นในอีเมลไม่สามารถใช้ได้ที่หน้าร้าน

แนวทางแก้ไข: ผสานรวมทุกช่องทางเพื่อประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ

การแก้ไขข้อผิดพลาดนี้คือการสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบ Omnichannel ที่ผสานรวมทุกช่องทางการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น:

  • ทำความเข้าใจ Customer Journey: วิเคราะห์เส้นทางของลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการตัดสินใจซื้อและบริการหลังการขาย เพื่อระบุจุดที่พวกเขาสัมผัสกับแบรนด์ (Touchpoints) ทั้งหมด
  • รวมข้อมูลลูกค้า: ใช้ระบบ CRM (Customer Relationship Management) หรือแพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า (CDP) เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากทุกช่องทาง ทำให้เห็นภาพรวมของลูกค้าแต่ละราย
  • สร้างประสบการณ์ที่สอดคล้องกัน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อความและประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับมีความสอดคล้องกันในทุกช่องทาง ไม่ว่าลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้ช่องทางใดก็ตาม
  • ใช้เทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกัน: ลงทุนในแพลตฟอร์มและเครื่องมือที่สามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อให้การจัดการแคมเปญและการสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น

สรุป: ก้าวข้ามข้อผิดพลาด สู่ความสำเร็จในการตลาดดิจิทัล

การตลาดดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายและกับดักที่อาจทำให้แบรนด์ต้องเผชิญกับความล้มเหลว หากไม่มีการวางแผนที่รอบคอบและกลยุทธ์ที่ถูกต้อง การหลีกเลี่ยง 5 ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการขาดเป้าหมายที่ชัดเจน เนื้อหาที่ไม่น่าสนใจ การละเลยการวิเคราะห์ข้อมูล การไม่ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง และการขาดความน่าเชื่อถือ ล้วนเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาแบรนด์ของคุณไปสู่ความสำเร็จ

Sellsuki ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชัน E-commerce แบบครบวงจร เข้าใจถึงความท้าทายเหล่านี้เป็นอย่างดี เราพร้อมที่จะเป็นมากกว่าพาร์ทเนอร์ธุรกิจของคุณที่สร้างกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษาทางธุรกิจ บริการโฆษณา การสร้างสรรค์เนื้อหา การดูแลร้านค้าบน Marketplace ไปจนถึงบริการ Fulfillment เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ

แท็ก Digital MarketingOnline Business

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article