Header-sellsuki.webp
S E L L S U K I

Data Research Insight เจาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้า คว้าโอกาสธุรกิจ EV

mdi_eye : 44 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน
Data Research Insight เจาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้า คว้าโอกาสธุรกิจ EV
Data Research Insight เจาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้า คว้าโอกาสธุรกิจ EV

ในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เทรนด์ "รถยนต์ไฟฟ้า" หรือ Electric Vehicle (EV) มาแรงและผู้คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ

  • รักษ์โลก: EV ปล่อยมลพิษทางอากาศน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ช่วยลดโลกร้อนและมลพิษทางอากาศ
  • ประหยัด: ค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟ EV นั้นถูกกว่าเติมน้ำมัน
  • ความเงียบ: EV ทำงานเงียบกว่ารถยนต์ทั่วไป มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและผ่อนคลาย
  • ล้ำสมัย: มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมพลิกโฉมวิถีชีวิตของเราให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นี่คือโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญ ในการต่อยอดจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยสู่การเติบโตก้าวกระโดดในอนาคต

โดยปัจจุบันประเทศไทย คือหนึ่งในฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของโลก ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเข้าร่วมในการเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถต่อยอดธุรกิจ EV สร้างงาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืน

จากข้อมูลของ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) คาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์อีวี จะยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยประเมินว่ายอดขายรถยนต์อีวี ในปี 2567 จะอยู่ที่ 103,182 คัน หรือขยายตัว 36.3%YoY ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์อีวีเพิ่มสูงขึ้นเป็น 13.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 9.8% ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป จะลดลงเหลือ 72.9% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในปี 2567

การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า ไม่เพียงแค่เป็นการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ที่ประหยัด เงียบ ทรงพลัง ล้ำสมัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

อนาคตที่ยั่งยืนรออยู่ข้างหน้า แล้วคุณพร้อมหรือยัง ที่จะคว้าโอกาสครั้งสำคัญนี้ไปพร้อมกับเรา วันนี้ Sellsuki ขอพาคุณไปศึกษา Insight ของธุรกิจ EV ผ่านเครื่องมือ Social Listening ในการวิเคราะห์ความข้อมูลจาก SOCIAL MEDIA ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อให้เข้าใจกระแสและแนวโน้มที่แท้จริงของ รถยนต์ไฟฟ้า ในปัจจุบันตามหลัก Data Research Blueprint

5 ขั้นตอนการทำ Data Blueprint ด้วยเครื่องมือ Social Listening

Data Research BlueprintStep 1 - Crack โจทย์ไหนที่อยากรู้

กำหนดหัวข้อที่ต้องการศึกษา หากเป็นเรื่องที่กำลังถูกพูดถึงหรือกำลังเป็นเทรนด์ในขณะนี้จะส่งผลให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งในบทความนี้ Sellsuki ขอกำหนดคำว่า รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการรักษ์และเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง Data Research นี้มุ่งศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมทั้งวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นกระแส ตลอดจนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค ด้วย Social Listening Tools

Step 2 - Set Keyword & Data Gathering

เมื่อกำหนด Keyword ที่ต้องการศึกษาแล้ว หลังจากนั้นต้องกำหนดระะยะเวลาในการกวาดข้อมูลบนโซเชียลมีเดียตามช่วงเวลาที่ต้องการ

7_7140c3a884.jpg

ต่อมาทำการเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Gathering) หรือการทำ Research โดยใช้ Keyword “รถยนต์ไฟฟ้า” ในการกวาดข้อมูล ซึ่งเรากำหนดระยะเวลาการดึงข้อมูลย้อนหลัง ตั้งแต่ 30/01/2024 - 30/04/2024 หรือเป็นเวลา 3 เดือน โดยเราได้ข้อมูลทั้งหมด 36,627 Mentions บนช่องทาง Facebook, X (Twitter), Instagram, Youtube และ TikTok โดยข้อมูลที่ได้มาเป็นโพสต์สาธารณะ ภายใต้นโยบาย Policy ของแพลตฟอร์ม

Step 3 - Data Analyst & Visualize

เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ก่อนการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) ต้องตรวจสอบทุกครั้งว่ามีข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Keyword หรือไม่ หากพบข้อมูลเหล่านั้นให้ทำการลบออก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จำเป็นและเป็นระโยชน์ต่อการนำไปใช้งานเท่านั้น

8_dd63b264bf.jpg

จากข้อมูล Social Data By Platform พบว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่คนรักรถไฟฟ้าพูดถึงมากที่สุด คิดเป็น 64.2% หรือ 23,258 Mentions รองลงมาคือ Instagram อยู่ที่ 10.6% หรือ 3,892 Mentions

เหตุผลที่คนรักรถไฟฟ้าพูดถึง "รถไฟฟ้า" บน Facebook มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ อาจเป็นเพราะ Facebook มีกลุ่มผู้ใช้ที่มีอายุหลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า Facebook ยังมีฟีเจอร์ที่เหมาะกับการพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น กลุ่ม (Groups) อีเวนต์ (Events) และหน้าเพจ (Pages)

นอกจากนี้ Facebook ยังมีวัฒนธรรมการใช้งานที่เน้นการแชร์ข้อมูลและประสบการณ์ ทำให้คนรักรถไฟฟ้าสามารถแชร์ข้อมูล รีวิว และความคิดเห็นเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย และ Facebook ยังเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย ทำให้คนรักรถยนต์ไฟฟ้ามีโอกาสเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้จำนวนมาก

Social Data Stat Overview

9_7b311c804e.jpg

จากข้อมูล Social Data State Overview พบว่า วิดีโอรีวิวรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมและดึงดูดการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียสูง โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok และ YouTube

สาเหตุที่วิดีโอรีวิวรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยม อาจเป็นเพราะรูปแบบการนำเสนอที่ดึงดูดใจ ผ่านภาพลักษณ์และข้อมูลที่ครบถ้วน ช่วยให้ผู้ชมสามารถรับชมรายละเอียดของรถได้อย่างเข้าใจง่าย วิดีโอรีวิวรถยนต์ไฟฟ้ายังมีประโยชน์ต่อผู้ชม ช่วยให้ผู้ชมสามารถตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับความต้องการได้

Social Data Stat by Hashtag Cloud

ต่อมาก Sellsuki ใช้ Hashtag Cloud ฟีเจอร์พื้นฐานที่ช่วยให้คุณค้นพบแฮชแท็กน่าสนใจที่ผู้คนกำลังพูดถึงมากที่สุด เพื่อให้เห็นภาพรวมของข้อมูลและเทรนด์อย่างรวดเร็ว

12_234ea4dab7.jpg

จากข้อมูล Hashtag Cloud พบว่า #รถยนต์ไฟฟ้า คือคำที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียลมีเดีย ตามมาด้วย #ev #รถไฟฟ้า และ #evcar สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยมีความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการกระจายข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า และสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้

11_c571ad9c6f.jpg

จากข้อมูล Social Data State Overview บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย พบว่าผู้คนนิยมค้นหารถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับคำหลักเกี่ยวกับ รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก รถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด และแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ แต่ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม ทำให้พวกเขามองหารถขนาดเล็กหรือรถราคาประหยัดเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของตนเอง

13_b167bd76ac.jpg

นอกจากนี้ Sellsuki ยังเลือกใช้เครื่องมือ Ubersuggest เพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ รถยนต์ไฟฟ้า โดยพบว่ากิจกรรมที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ได้แก่

  • รถยนต์ไฟฟ้า TESLA 4 รุ่นที่ขายในตอนนี้
  • ประเภทของรถยนไฟฟ้า
  • รถไฟฟ้าคืออะไร

Categories Overall

14_7a30ecf7e8.jpg

เราสามารถแบ่ง Categories ได้หลังจากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งจะช่วยให้เรากำหนดหัวข้อ หรือ Insight ของสิ่งที่เราต้องการศึกษาได้ เรามาดูกันดีกว่าว่า เมื่อเราแบ่งข้อมูลทั้ง 36,627 Mentions แล้ว จะพบข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง

Key Factors

17_30859b546f.jpg

จากข้อมูล Social Data พบว่า ปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคพิจารณาเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ การบริการ เนื่องด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีใหม่ ผู้บริโภคจึงมีความกังวลในการใช้งาน อาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า จึงต้องการบริการพิเศษทั้งก่อนและหลังการซื้อ เช่น การให้คำแนะนำ ดูแล และช่วยเหลือ หากเจ้าของธุรกิจเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค จะช่วยให้สามารถคิดกลยุทธ์กระตุ้นการขายได้อย่างตรงจุด

นอกจากนี้ ราคาและการออกแบบ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคพิจารณาเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยผู้บริโภคต้องพิจารณาราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ และพิจารณาการออกแบบที่ตรงกับความต้องการ ตัวอย่างเช่น บางแบรนด์ออกแบบรถที่มีขนาดใหญ่ ดูหรูหรา เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบรถสไตล์นี้ และต้องการใช้งานสำหรับการขับขี่ระยะไกล หรือบางแบรนด์ออกแบบรถที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การขับขี่ไปทำงานในเมือง หรือเป็นรถคันที่สอง

ระยะทางวิ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคพิจารณาก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ผู้บริโภคจะเลือกซื้อรถที่มีระยะทางวิ่งที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้งาน เนื่องด้วยรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟ ดังนั้นผู้บริโภคที่เดินทางต่างจังหวัดบ่อยๆ จะเลือกซื้อรถที่มีระยะทางวิ่งไกล หรือผู้บริโภคที่ใช้รถในระยะสั้นๆ ภายในเมือง อาจจะเลือกซื้อรถที่มีระยะทางวิ่งสั้น

Brand

19_804e45f95e.jpg

สำหรับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ BYD (14.4%) ตามมาด้วย Tesla (11.1%) และ Ora (10.4%) ซึ่งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน สาเหตุที่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้รับความนิยมบนโซเชียลมีเดีย อาจเป็นเพราะ

  • มีราคาที่ย่อมเยา เมื่อเทียบกับแบรนด์จากประเทศอื่นๆ
  • เทคโนโลยีจากจีนมีความทันสมัยไม่แพ้แบรนด์จากประเทศอื่นๆ
  • การออกแบบที่สวยงาม ทันสมัย และเหมาะสมกับคนหลากหลายกลุ่ม
  • มีกลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด และมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ขับเคลื่อนโดยความสนใจที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ และเทรนด์โลก ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์สันดาปภายในประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก 77.9% ของยอดขายรถยนต์รวมในปี 2566 เหลือเพียง 57.9% ภายในปี 2573 สวนทางกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 25.5% สอดคล้องกับเทรนด์ตลาดโลกที่ชี้ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มจาก 13% ในปี 2565 ไปแตะที่ 35% หรือประมาณ 40 ล้านคันภายในปี 2573 (ประมาณการโดย International Energy Agency)

ตารางเปรียบเทียบรถยนต์ไฟฟ้าตัวท็อปของ TOP 5 Brand

23_0143f11741.jpg

Category

24_14dd303216.jpg

ปัจจุบันเราสามารถแบ่งประเภทของ รถยนต์ไฟฟ้า ได้ 4 ประภท ดังนี้

  1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV): เป็นรถที่มีทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกัน โดยใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเมื่อต้องการกำลังสูง และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อต้องการประหยัดน้ำมัน จุดเด่นคือประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่ราคาแพงกว่าและมีระยะทางวิ่งไฟฟ้าจำกัด
  2. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดแบบปลั๊กอิน (PHEV): พัฒนามาจากรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดทั่วไป โดยสามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ทำให้สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ในระยะทางจำกัด จุดเด่นคือประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่ราคาแพงกว่าและมีระยะทางวิ่งไฟฟ้าจำกัด
  3. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV): ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟจากภายนอก จุดเด่นคือไม่มีมลพิษทางอากาศ แต่ราคาแพงกว่ารถยนต์ทั่วไปและมีระยะทางวิ่งจำกัด
  4. รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV): ผลิตไฟฟ้าจากปฏิกิริยาเคมีระหว่างไฮโดรเจนกับออกซิเจน ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่เพื่อใช้ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า จุดเด่นคือไม่มีมลพิษทางอากาศ แต่ราคาแพงมาก โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติมไฮโดรเจนยังมีจำกัด

สาเหตุหลักที่คนนิยมขับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ HEV มากที่สุด (36.5%) มีดังนี้

  1. ราคา: รถยนต์ไฟฟ้าแบบ HEV มีราคาที่ถูกกว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV (Battery Electric Vehicle) และเหมาะกับผู้ซื้อที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้า แต่มีกำลังซื้อจำกัด
  2. ระยะทางวิ่ง: รถยนต์ไฟฟ้าแบบ HEV วิ่งได้ไกลกว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้รถเดินทางไกลบ่อยๆ
  3. ความคุ้นเคย: รถยนต์ไฟฟ้าแบบ HEV ใช้งานคล้ายกับรถยนต์ทั่วไป โดยที่ผู้ซื้อไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานมาก และเหมาะกับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า
  4. โครงสร้างพื้นฐาน: ปัจจุบันสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV ยังมีจำนวนจำกัด ทำให้ผู้ซื้อรถแบบ HEV ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จไฟ

อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ผู้ซื้อควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น งบประมาณ การใช้งาน โครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ และคาดว่าในอนาคต สัดส่วนการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV จะเพิ่มสูงขึ้น

จำนวนที่นั่ง

27_b2baf37e46.jpg

จำนวนที่นั่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคต้องพิจารณาก่อนซื้อรถ โดยขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ จำนวนสมาชิกในครอบครัว และวัตถุประสงค์การใช้งาน เพื่อตัดสินใจว่ารถแบบไหนเหมาะกับพวกเขา ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เดินทางไปทำงานคนเดียวอาจต้องการรถที่มีที่นั่งเพียง 2 ที่ แต่ผู้ที่มีครอบครัวใหญ่หรือต้องการขนสัมภาระจำนวนมากอาจต้องการรถที่มีที่นั่ง 5 ที่ขึ้นไป

ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

โอกาสครั้งใหญ่ของกลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า เนื่องจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าเป็นหัวใจของรถไฟฟ้าและเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งมีต้นทุนกว่า 30% ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ประกอบกับข่าวการค้นพบแหล่งลิเทียมปริมาณมากในไทย คาดว่าจะสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนได้ และถ้าหากมีการตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ไทยและใช้ Supplier แบตเตอรี่ไฟฟ้าของไทย จะสามารถสร้ามูลค่ามหาศาลให้กับประเทศได้ในอนาคต

นอกจากแบตเตอรี่ก็ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากการที่จะเป็น Smart Car ต้องอาศัยยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous vehicle) หรือ ยานยนต์ที่มีการเชื่อมโยงถึงกัน (Connected vehicle) ซึ่งก็ล้วนแต่จะต้องอาศัยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

กลุ่มที่ได้ประโยชน์ถัดมาได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตวัสดุน้ำหนักเบาและแข็งแรง จากการศึกษา พบว่า น้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นราว 1 ใน 3 จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 10% ซึ่งการที่ต้องแบกรับน้ำหนักจากแบตเตอร์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอีกราว 300-500 กิโลกรัม ก็ย่อมส่งผลต่อสมรรถนะในการขับขี่และการสิ้นเปลืองพลังงาน ดังนั้น วัสดุที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงอย่างอะลูมิเนียม คาดว่าจะมีบทบาทกับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ผลิตพลาสติกที่ยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เนื่องจากพอลิโพรพิลีน (PP) มักถูกนำมาใช้ผลิตเป็นชิ้นส่วนยานยนต์ โดยจัดเป็นหนึ่งในวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ราคาถูก ทนทานต่อสารเคมี จึงมักถูกนำมาใช้ผลิต ชิ้นส่วนกันชนและแผ่นบังโคลน ตลอดจน PVC ก็มักถูกนำมาขึ้นรูปและนำมาใช้งานได้หลากหลาย จึงคาดว่ากลุ่มพลาสติก อาจจะได้ประโยชน์จากการเข้ามาของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น

Step 4 - Summarize

40_8ae7842b64.jpg

จากกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีความนิยมอย่างต่อเนื่องมาหลายปี พร้อมกับกระแสรักษ์โลกได้กลายเป็น Mega Trends ทำให้ผู้คนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ประกอบกับมาตรการเสริมจากทางภาครัฐ และการเพิ่มจำนวนรุ่นรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งราคา EV ที่จูงใจ จึงทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งทั่วโลกและในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา

ไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง กลายเป็นโอกาสทองสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ด้วยศักยภาพจากผู้ผลิตชิ้นส่วนชั้นนำ การสนับสนุนจากภาครัฐ และนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เอื้ออำนวย

กลุ่มผู้ผลิต ในประเทศไทยที่มีศักยภาพสูงในการผลิตส่วนประกอบหลักของรถยนต์ไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ วัสดุน้ำหนักเบาและแข็งแรง และพลาสติก ล้วนพร้อมที่จะดึงดูด OEM ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากทั่วโลกมาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

แรงจูงใจจากภาครัฐ ผ่านมาตรการลดภาษีสรรพสามิตและภาษีอากรขาเข้าสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงเงินอุดหนุนสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ล้วนเป็นแรงจูงใจสำคัญที่จะกระตุ้นการลงทุนและการเติบโตของอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคที่ต้องทําให้ชัดเจนและหาทางแก้ไข ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจำเป็นต้องปรับตัวครั้งใหญ่ พัฒนาทักษะแรงงาน เทคโนโลยี และสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

ด้วยศักยภาพและโอกาสที่มี ประเทศไทยจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน มุ่งพัฒนาทักษะแรงงาน เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน เร่งดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

หากไทยสามารถก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ได้ อนาคตของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคก็จะสดใส มั่นคง นำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจ มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และงานใหม่ๆ มหาศาลให้กับคนไทย

Step 5 - Make Solution & Idea

ปัจจุบัน Facebook กลายเป็นพื้นที่หลักที่ผู้บริโภคและกลุ่มคนรักรถยนต์ไฟฟ้า ใช้สำหรับค้นหาข้อมูล แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ธุรกิจที่มองหาโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ จึงควรใช้กลยุทธ์การตลาดบน Facebook ผ่านการสร้าง "Community" หรือ "ชุมชน" ในรูปแบบของ Facebook Group หรือ Facebook Page ของ Showroom

ประโยชน์ของการการสร้างชุมชนบน Facebook มีดังนี้

  • เป็นพื้นที่สำหรับอัปเดตข่าวสารและความรู้ เกี่ยวกับรถ EV Showroom ของคุณสามารถแชร์บทความ ข่าวสาร รีวิว เปรียบเทียบรุ่นต่างๆ รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดในอุตสาหกรรม EV
  • เป็นพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผู้ใช้ Facebook Group หรือ Facebook Page ของ Showroom สามารถแชร์ประสบการณ์ พูดคุย ปรึกษาปัญหา และตอบคำถามเกี่ยวกับ EV ซึ่งกันและกัน
  • เป็นการสร้างการมีส่วนร่วม การมีปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับกลุ่มเป้าหมาย ช่วยสร้างการจดจำ แบรนด์ และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า
  • เป็นช่องทางในการโฆษณา Showroom ของคุณสามารถใช้ Facebook Group หรือ Facebook Page ในการโปรโมท EV รุ่นใหม่ กิจกรรมพิเศษ และโปรโมชั่นต่างๆ
  • เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ การมีชุมชนที่คึกคัก แสดงให้เห็นว่า Showroom ของคุณมีความรู้ความเชี่ยวชาญ เข้าใจความต้องการของลูกค้า และพร้อมให้บริการ

นอกจากนี้ วิดีโอ กลายเป็นรูปแบบเนื้อหาที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ เพราะสามารถสร้าง Storytelling สื่อสารออกไปได้ง่าย ธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มคนรักรถยนต์ไฟฟ้าจึงควรใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่เป็น "Content Video" โดยเฉพาะวิดีโอรีวิวรถ EV ผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok และ YouTube

ซึ่งวิดีโอรีวิวรถ EV ที่ดี จะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย สร้างยอดขาย สร้างการจดจำแบรนด์ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ Showroom ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างไอเดียวิดีโอ:

  • รีวิวรถ EV รุ่นใหม่ล่าสุด
  • เปรียบเทียบรถ EV หลายรุ่น
  • รีวิวการขับขี่ในสถานการณ์ต่างๆ
  • ตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรถ EV
  • รีวิวการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ของรถ EV

นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ ที่สามารถใช้ควบคู่กันไป เช่น การโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย การเขียนบทความ SEO การทำ Influencer Marketing และอื่นๆ ซึ่งการผสมผสานกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่หลากหลาย จะช่วยให้ Showroom ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง สร้างการมีส่วนร่วม และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ

เมื่ออ่าน Data Research Insight จบแล้ว อย่ารอช้า! ดาวน์โหลด E-Book ฉบับเต็มได้ที่ด้านล่างนี้ เพื่อเติมเต็มความรู้ และนำข้อมูลไปต่อยอด พัฒนาธุรกิจของคุณให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

คุณกำลังมองหาผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่เข้าใจคุณและพร้อมจะพาธุรกิจของคุณเติบโตไปอีกขั้นอยู่ใช่ไหม? Sellsuki คือคำตอบสำหรับคุณ

ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี ทำให้เรามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความท้าทายและโอกาสที่ธุรกิจออนไลน์เผชิญอยู่ ทั้งทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราที่พร้อมให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหา และสนับสนุนคุณในทุกย่างก้าว รวมถึงบริการครบวงจรที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจออนไลน์ทุกประเภท ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด มุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราพร้อมแล้วที่จะพาธุรกิจของคุณเติบโตไปกับเรานะ

อย่าลืมกดติดตามน้องสุกิบนช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram และ TikTok เพื่อไม่ให้พลาดความรู้และสาระสำคัญแบบนี้ก่อนใคร

แท็ก Data ResearchData DrivenSocial ListeningDigital Marketing

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article
ลงทะเบียนเพื่อดาวน์โหลด E-Book

การตลาดวันละตอน จะใช้ข้อมูลนี้ในการส่งข้อมูลและข่าวสารความรู้ในด้าน Digital Marketing และ Sellsuki พาร์ทเนอร์ของเราจะใช้ข้อมูลนี้ในการสื่อสารการตลาดกับคุณต่อไป เราจะสื่อสารและรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของคุณอย่างโปร่งใส กรุณาเลือกให้ความยินยอมด้านล่างของแบบฟอร์มลงทะเบียน เพื่อรับทราบและยินยอมให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ