ในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เทรนด์ "รถยนต์ไฟฟ้า" หรือ Electric Vehicle (EV) มาแรงและผู้คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ
อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมพลิกโฉมวิถีชีวิตของเราให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นี่คือโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญ ในการต่อยอดจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยสู่การเติบโตก้าวกระโดดในอนาคต
โดยปัจจุบันประเทศไทย คือหนึ่งในฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของโลก ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเข้าร่วมในการเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถต่อยอดธุรกิจ EV สร้างงาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืน
จากข้อมูลของ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) คาดการณ์ว่า ตลาดรถยนต์อีวี จะยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยประเมินว่ายอดขายรถยนต์อีวี ในปี 2567 จะอยู่ที่ 103,182 คัน หรือขยายตัว 36.3%YoY ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์อีวีเพิ่มสูงขึ้นเป็น 13.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 9.8% ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป จะลดลงเหลือ 72.9% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในปี 2567
การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า ไม่เพียงแค่เป็นการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ที่ประหยัด เงียบ ทรงพลัง ล้ำสมัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
อนาคตที่ยั่งยืนรออยู่ข้างหน้า แล้วคุณพร้อมหรือยัง ที่จะคว้าโอกาสครั้งสำคัญนี้ไปพร้อมกับเรา วันนี้ Sellsuki ขอพาคุณไปศึกษา Insight ของธุรกิจ EV ผ่านเครื่องมือ Social Listening ในการวิเคราะห์ความข้อมูลจาก SOCIAL MEDIA ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อให้เข้าใจกระแสและแนวโน้มที่แท้จริงของ รถยนต์ไฟฟ้า ในปัจจุบันตามหลัก Data Research Blueprint
กำหนดหัวข้อที่ต้องการศึกษา หากเป็นเรื่องที่กำลังถูกพูดถึงหรือกำลังเป็นเทรนด์ในขณะนี้จะส่งผลให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งในบทความนี้ Sellsuki ขอกำหนดคำว่า รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการรักษ์และเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง Data Research นี้มุ่งศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมทั้งวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นกระแส ตลอดจนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค ด้วย Social Listening Tools
เมื่อกำหนด Keyword ที่ต้องการศึกษาแล้ว หลังจากนั้นต้องกำหนดระะยะเวลาในการกวาดข้อมูลบนโซเชียลมีเดียตามช่วงเวลาที่ต้องการ
ต่อมาทำการเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Gathering) หรือการทำ Research โดยใช้ Keyword “รถยนต์ไฟฟ้า” ในการกวาดข้อมูล ซึ่งเรากำหนดระยะเวลาการดึงข้อมูลย้อนหลัง ตั้งแต่ 30/01/2024 - 30/04/2024 หรือเป็นเวลา 3 เดือน โดยเราได้ข้อมูลทั้งหมด 36,627 Mentions บนช่องทาง Facebook, X (Twitter), Instagram, Youtube และ TikTok โดยข้อมูลที่ได้มาเป็นโพสต์สาธารณะ ภายใต้นโยบาย Policy ของแพลตฟอร์ม
เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ก่อนการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) ต้องตรวจสอบทุกครั้งว่ามีข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Keyword หรือไม่ หากพบข้อมูลเหล่านั้นให้ทำการลบออก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จำเป็นและเป็นระโยชน์ต่อการนำไปใช้งานเท่านั้น
จากข้อมูล Social Data By Platform พบว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่คนรักรถไฟฟ้าพูดถึงมากที่สุด คิดเป็น 64.2% หรือ 23,258 Mentions รองลงมาคือ Instagram อยู่ที่ 10.6% หรือ 3,892 Mentions
เหตุผลที่คนรักรถไฟฟ้าพูดถึง "รถไฟฟ้า" บน Facebook มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ อาจเป็นเพราะ Facebook มีกลุ่มผู้ใช้ที่มีอายุหลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า Facebook ยังมีฟีเจอร์ที่เหมาะกับการพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น กลุ่ม (Groups) อีเวนต์ (Events) และหน้าเพจ (Pages)
นอกจากนี้ Facebook ยังมีวัฒนธรรมการใช้งานที่เน้นการแชร์ข้อมูลและประสบการณ์ ทำให้คนรักรถไฟฟ้าสามารถแชร์ข้อมูล รีวิว และความคิดเห็นเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย และ Facebook ยังเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย ทำให้คนรักรถยนต์ไฟฟ้ามีโอกาสเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้จำนวนมาก
จากข้อมูล Social Data State Overview พบว่า วิดีโอรีวิวรถยนต์ไฟฟ้าเป็นคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมและดึงดูดการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียสูง โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok และ YouTube
สาเหตุที่วิดีโอรีวิวรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยม อาจเป็นเพราะรูปแบบการนำเสนอที่ดึงดูดใจ ผ่านภาพลักษณ์และข้อมูลที่ครบถ้วน ช่วยให้ผู้ชมสามารถรับชมรายละเอียดของรถได้อย่างเข้าใจง่าย วิดีโอรีวิวรถยนต์ไฟฟ้ายังมีประโยชน์ต่อผู้ชม ช่วยให้ผู้ชมสามารถตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับความต้องการได้
ต่อมาก Sellsuki ใช้ Hashtag Cloud ฟีเจอร์พื้นฐานที่ช่วยให้คุณค้นพบแฮชแท็กน่าสนใจที่ผู้คนกำลังพูดถึงมากที่สุด เพื่อให้เห็นภาพรวมของข้อมูลและเทรนด์อย่างรวดเร็ว
จากข้อมูล Hashtag Cloud พบว่า #รถยนต์ไฟฟ้า คือคำที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียลมีเดีย ตามมาด้วย #ev #รถไฟฟ้า และ #evcar สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยมีความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการกระจายข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า และสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้
จากข้อมูล Social Data State Overview บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย พบว่าผู้คนนิยมค้นหารถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับคำหลักเกี่ยวกับ รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก รถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด และแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ สะท้อนให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ แต่ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม ทำให้พวกเขามองหารถขนาดเล็กหรือรถราคาประหยัดเพื่อให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของตนเอง
นอกจากนี้ Sellsuki ยังเลือกใช้เครื่องมือ Ubersuggest เพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ รถยนต์ไฟฟ้า โดยพบว่ากิจกรรมที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ได้แก่
เราสามารถแบ่ง Categories ได้หลังจากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งจะช่วยให้เรากำหนดหัวข้อ หรือ Insight ของสิ่งที่เราต้องการศึกษาได้ เรามาดูกันดีกว่าว่า เมื่อเราแบ่งข้อมูลทั้ง 36,627 Mentions แล้ว จะพบข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้าง
จากข้อมูล Social Data พบว่า ปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคพิจารณาเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ การบริการ เนื่องด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีใหม่ ผู้บริโภคจึงมีความกังวลในการใช้งาน อาจเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า จึงต้องการบริการพิเศษทั้งก่อนและหลังการซื้อ เช่น การให้คำแนะนำ ดูแล และช่วยเหลือ หากเจ้าของธุรกิจเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค จะช่วยให้สามารถคิดกลยุทธ์กระตุ้นการขายได้อย่างตรงจุด
นอกจากนี้ ราคาและการออกแบบ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคพิจารณาเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยผู้บริโภคต้องพิจารณาราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ และพิจารณาการออกแบบที่ตรงกับความต้องการ ตัวอย่างเช่น บางแบรนด์ออกแบบรถที่มีขนาดใหญ่ ดูหรูหรา เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบรถสไตล์นี้ และต้องการใช้งานสำหรับการขับขี่ระยะไกล หรือบางแบรนด์ออกแบบรถที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับผู้ที่ต้องการรถสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การขับขี่ไปทำงานในเมือง หรือเป็นรถคันที่สอง
ระยะทางวิ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคพิจารณาก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ผู้บริโภคจะเลือกซื้อรถที่มีระยะทางวิ่งที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้งาน เนื่องด้วยรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เวลาในการชาร์จไฟ ดังนั้นผู้บริโภคที่เดินทางต่างจังหวัดบ่อยๆ จะเลือกซื้อรถที่มีระยะทางวิ่งไกล หรือผู้บริโภคที่ใช้รถในระยะสั้นๆ ภายในเมือง อาจจะเลือกซื้อรถที่มีระยะทางวิ่งสั้น
สำหรับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ BYD (14.4%) ตามมาด้วย Tesla (11.1%) และ Ora (10.4%) ซึ่งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน สาเหตุที่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้รับความนิยมบนโซเชียลมีเดีย อาจเป็นเพราะ
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ขับเคลื่อนโดยความสนใจที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ และเทรนด์โลก ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์สันดาปภายในประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก 77.9% ของยอดขายรถยนต์รวมในปี 2566 เหลือเพียง 57.9% ภายในปี 2573 สวนทางกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 25.5% สอดคล้องกับเทรนด์ตลาดโลกที่ชี้ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มจาก 13% ในปี 2565 ไปแตะที่ 35% หรือประมาณ 40 ล้านคันภายในปี 2573 (ประมาณการโดย International Energy Agency)
ปัจจุบันเราสามารถแบ่งประเภทของ รถยนต์ไฟฟ้า ได้ 4 ประภท ดังนี้
สาเหตุหลักที่คนนิยมขับรถยนต์ไฟฟ้าแบบ HEV มากที่สุด (36.5%) มีดังนี้
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ผู้ซื้อควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น งบประมาณ การใช้งาน โครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ และคาดว่าในอนาคต สัดส่วนการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV จะเพิ่มสูงขึ้น
จำนวนที่นั่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคต้องพิจารณาก่อนซื้อรถ โดยขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ จำนวนสมาชิกในครอบครัว และวัตถุประสงค์การใช้งาน เพื่อตัดสินใจว่ารถแบบไหนเหมาะกับพวกเขา ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เดินทางไปทำงานคนเดียวอาจต้องการรถที่มีที่นั่งเพียง 2 ที่ แต่ผู้ที่มีครอบครัวใหญ่หรือต้องการขนสัมภาระจำนวนมากอาจต้องการรถที่มีที่นั่ง 5 ที่ขึ้นไป
โอกาสครั้งใหญ่ของกลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า เนื่องจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าเป็นหัวใจของรถไฟฟ้าและเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งมีต้นทุนกว่า 30% ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด ประกอบกับข่าวการค้นพบแหล่งลิเทียมปริมาณมากในไทย คาดว่าจะสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนได้ และถ้าหากมีการตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ไทยและใช้ Supplier แบตเตอรี่ไฟฟ้าของไทย จะสามารถสร้ามูลค่ามหาศาลให้กับประเทศได้ในอนาคต
นอกจากแบตเตอรี่ก็ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากการที่จะเป็น Smart Car ต้องอาศัยยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous vehicle) หรือ ยานยนต์ที่มีการเชื่อมโยงถึงกัน (Connected vehicle) ซึ่งก็ล้วนแต่จะต้องอาศัยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
กลุ่มที่ได้ประโยชน์ถัดมาได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตวัสดุน้ำหนักเบาและแข็งแรง จากการศึกษา พบว่า น้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นราว 1 ใน 3 จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 10% ซึ่งการที่ต้องแบกรับน้ำหนักจากแบตเตอร์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอีกราว 300-500 กิโลกรัม ก็ย่อมส่งผลต่อสมรรถนะในการขับขี่และการสิ้นเปลืองพลังงาน ดังนั้น วัสดุที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงอย่างอะลูมิเนียม คาดว่าจะมีบทบาทกับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ผลิตพลาสติกที่ยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เนื่องจากพอลิโพรพิลีน (PP) มักถูกนำมาใช้ผลิตเป็นชิ้นส่วนยานยนต์ โดยจัดเป็นหนึ่งในวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ราคาถูก ทนทานต่อสารเคมี จึงมักถูกนำมาใช้ผลิต ชิ้นส่วนกันชนและแผ่นบังโคลน ตลอดจน PVC ก็มักถูกนำมาขึ้นรูปและนำมาใช้งานได้หลากหลาย จึงคาดว่ากลุ่มพลาสติก อาจจะได้ประโยชน์จากการเข้ามาของผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น
จากกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีความนิยมอย่างต่อเนื่องมาหลายปี พร้อมกับกระแสรักษ์โลกได้กลายเป็น Mega Trends ทำให้ผู้คนทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ประกอบกับมาตรการเสริมจากทางภาครัฐ และการเพิ่มจำนวนรุ่นรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งราคา EV ที่จูงใจ จึงทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งทั่วโลกและในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา
ไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง กลายเป็นโอกาสทองสำหรับประเทศไทยที่จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ด้วยศักยภาพจากผู้ผลิตชิ้นส่วนชั้นนำ การสนับสนุนจากภาครัฐ และนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เอื้ออำนวย
กลุ่มผู้ผลิต ในประเทศไทยที่มีศักยภาพสูงในการผลิตส่วนประกอบหลักของรถยนต์ไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ วัสดุน้ำหนักเบาและแข็งแรง และพลาสติก ล้วนพร้อมที่จะดึงดูด OEM ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากทั่วโลกมาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
แรงจูงใจจากภาครัฐ ผ่านมาตรการลดภาษีสรรพสามิตและภาษีอากรขาเข้าสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงเงินอุดหนุนสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ล้วนเป็นแรงจูงใจสำคัญที่จะกระตุ้นการลงทุนและการเติบโตของอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคที่ต้องทําให้ชัดเจนและหาทางแก้ไข ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจำเป็นต้องปรับตัวครั้งใหญ่ พัฒนาทักษะแรงงาน เทคโนโลยี และสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
ด้วยศักยภาพและโอกาสที่มี ประเทศไทยจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน มุ่งพัฒนาทักษะแรงงาน เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน เร่งดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
หากไทยสามารถก้าวข้ามอุปสรรคเหล่านี้ได้ อนาคตของไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคก็จะสดใส มั่นคง นำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจ มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และงานใหม่ๆ มหาศาลให้กับคนไทย
ปัจจุบัน Facebook กลายเป็นพื้นที่หลักที่ผู้บริโภคและกลุ่มคนรักรถยนต์ไฟฟ้า ใช้สำหรับค้นหาข้อมูล แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ธุรกิจที่มองหาโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ จึงควรใช้กลยุทธ์การตลาดบน Facebook ผ่านการสร้าง "Community" หรือ "ชุมชน" ในรูปแบบของ Facebook Group หรือ Facebook Page ของ Showroom
ประโยชน์ของการการสร้างชุมชนบน Facebook มีดังนี้
นอกจากนี้ วิดีโอ กลายเป็นรูปแบบเนื้อหาที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ เพราะสามารถสร้าง Storytelling สื่อสารออกไปได้ง่าย ธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มคนรักรถยนต์ไฟฟ้าจึงควรใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่เป็น "Content Video" โดยเฉพาะวิดีโอรีวิวรถ EV ผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง TikTok และ YouTube
ซึ่งวิดีโอรีวิวรถ EV ที่ดี จะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย สร้างยอดขาย สร้างการจดจำแบรนด์ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ Showroom ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างไอเดียวิดีโอ:
นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์การตลาดอื่นๆ ที่สามารถใช้ควบคู่กันไป เช่น การโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย การเขียนบทความ SEO การทำ Influencer Marketing และอื่นๆ ซึ่งการผสมผสานกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่หลากหลาย จะช่วยให้ Showroom ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง สร้างการมีส่วนร่วม และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ
เมื่ออ่าน Data Research Insight จบแล้ว อย่ารอช้า! ดาวน์โหลด E-Book ฉบับเต็มได้ที่ด้านล่างนี้ เพื่อเติมเต็มความรู้ และนำข้อมูลไปต่อยอด พัฒนาธุรกิจของคุณให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
คุณกำลังมองหาผู้ช่วยธุรกิจออนไลน์ที่เข้าใจคุณและพร้อมจะพาธุรกิจของคุณเติบโตไปอีกขั้นอยู่ใช่ไหม? Sellsuki คือคำตอบสำหรับคุณ
ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี ทำให้เรามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความท้าทายและโอกาสที่ธุรกิจออนไลน์เผชิญอยู่ ทั้งทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราที่พร้อมให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหา และสนับสนุนคุณในทุกย่างก้าว รวมถึงบริการครบวงจรที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจออนไลน์ทุกประเภท ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด มุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราพร้อมแล้วที่จะพาธุรกิจของคุณเติบโตไปกับเรานะ
อย่าลืมกดติดตามน้องสุกิบนช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram และ TikTok เพื่อไม่ให้พลาดความรู้และสาระสำคัญแบบนี้ก่อนใคร