ธุรกิจฟิตเนส คือ การทำธุรกิจที่เป็นสถานที่สำหรับการออกกำลังกาย โดยธุรกิจฟิตเนสส่วนใหญ่มักมีบริการเครื่องเล่น เวทเทรนนิ่ง คลาสออกกำลังกาย รวมถึงโปรแกรมเทรนนิ่งที่ช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้น
ปัจจุบันการเล่นฟิตเนสได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากคนไทยมีการหันมาใส่ใจสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมฟิตเนสในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า อุตสาหกรรมฟิตเนสในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 8-10%
อย่างไรก็ตามการเติบโตของธุรกิจฟิตเนสยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย เช่น สถานที่ตั้ง การให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการปรับตัวตามเทรนด์สุขภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แล้วแบบนี้หากจะทำธุรกิจฟิตเนสต้องทำอย่างไรให้แตกต่างและโตไว อย่างแรกที่สำคัญเลยคือ “การสร้างแบรนด์” แล้วการสร้างแบรนด์ ธุรกิจฟิตเนส ต้องทำอย่างไรตามอ่านกันต่อด้านล่างนี้ได้เลย
ก่อนจะเริ่มทำแบรนด์ เราต้องรู้ว่า ฟิตเนสของเรามีจุดเด่นอะไรที่แตกต่างจากเจ้าอื่น? ยิ่งจุดขายของธุรกิจชัดเจน ลูกค้าก็จะจดจำแบรนด์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยจุดขายของการทำธุรกิจสามารถมีได้ในหลายด้าน เช่น
สำหรับการทำธุรกิจฟิตเนสการเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ชัด แล้วสร้าง “ภาพจำ” ที่ตอบโจทย์เขาโดยตรง เท่านี้แบรนด์เราก็จะโดดเด่นในแบบที่คนอื่นลอกไม่ได้ เพราะ การเจาะเป้าหมายเฉพาะ คือการขายให้ “คนที่ใช่” ไม่ใช่ขายให้ทุกคน
การทำธุรกิจฟิตเนสให้แตกต่างจากผู้อื่น เราสามารถทำได้ด้วยการ “เล่าเรื่อง” ซึ่งการเล่าเรื่องจะเป็นตัวช่วยให้ผู้คนจดจำเราได้ เพราะ ฟิตเนสที่คนจำได้ ไม่ใช่แค่เพราะเครื่องเล่นแน่น แต่เป็นเพราะเรื่องราวและความรู้สึกที่แบรนด์มอบให้
Brand Identity คือ "ตัวตนของแบรนด์" ที่ทำให้เราต่างจากฟิตเนสอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่แค่โลโก้สวย หรือสีสันสดใส แต่รวมหมดเลยตั้งแต่ สไตล์, เสียง, ประสบการณ์, ความรู้สึก ที่ลูกค้าได้รับเมื่อเจอแบรนด์เรา ซึ่งตัวตนของแบรนด์ จะทำให้เราไม่ต้องแข่งราคาแต่แข่งด้วย ความเป็นตัวเองและประสบการณ์ที่ลูกค้าจำไม่ลืม
ใน ธุรกิจฟิตเนส การแข่งขันไม่ใช่แค่เรื่องอุปกรณ์หรือราคาสมาชิก แต่เป็นเรื่อง "ประสบการณ์" ทั้งหมดที่ลูกค้าได้รับ การออกแบบประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ให้โดดเด่น สำหรับธุรกิจฟิตเนส เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาใช้บริการ และยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ลูกค้า "อยู่ต่อ" และ "บอกต่อ" ด้วยความรู้สึกดีๆ ต่อแบรนด์ของเราได้ โดยเราสามารถทำได้ตั้งแต่แรกพบ ไม่ว่าจะเป็น
หากลูกค้าเข้ามาที่ฟิตเนสเราครั้งแรกเจอการต้อนรับที่อบอุ่นจากพนักงานและเทรนเนอร์ และเจอบรรยากาศฟิตเนสที่สะอาด น่าเข้าใช้ มีเพลงที่กระตุ้นแรงบันดาลใจ รวมถึงการให้ลูกค้ารู้สึกว่า ฉันอยากออกกำลังกาย”
เมื่อลูกค้าสนใจสมัครใช้บริการแล้ว แน่นอนว่าหากธุรกิจฟิตเนสของเรามีระบบการสมัครสมาชิกที่ง่ายและมีระบบออนไลน์ หรือใช้ QR Code กรอกข้อมูลเองได้ พร้อมทั้งมีการอธิบายแพ็กเกจต่างๆ ชัดเจน ไม่ซับซ้อน และมี Welcome Kit ให้กับสมาชิกใหม่ แน่นอนว่าลูกค้าจะรู้สึกดี และแนะนำคนรู้จักให้มาสมาชิกต่ออย่างแน่นอน
การที่เราให้ความรู้สึกเฉพาะตัวแก่ลูกค้าจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ พร้อมทั้งลูกค้าก็จะรู้สึกประทับใจในสิ่งที่เราทำเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ การบันทึกข้อมูลสมาชิก: น้ำหนัก ส่วนสูง เป้าหมายการฟิตหุ่น, ส่งข้อความเตือน คำแนะนำ หรือแม้แต่กำลังใจผ่าน LINE OA หรือแอปของฟิตเนส
รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง และการให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า
คอนเทนต์คือหัวใจสำคัญของการทำแบรนด์ออนไลน์ โดยเฉพาะธุรกิจฟิตเนสที่ต้องสร้างแรงบันดาลใจและความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มเป้าหมาย การสร้างคอนเทนต์ที่ดี ควรตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น
การลงคอนเทนต์ที่หลากหลายสามารถช่วยดึงดูดได้หลายกลุ่ม เพิ่มโอกาสให้คนติดตามแบรนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงคอนเทนต์เคล็ดลับการออกกำลังกาย, สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ, บทสัมภาษณ์จากผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกาย หรือเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เล่นฟิตเนส
แต่ละแพลตฟอร์มมีกลุ่มลูกค้าที่ต่างกัน หากใช้ได้ครบเราก็จะสามารถเข้าถึงลูกค้าหลากหลายกว่ากว่าการใช้แพลตฟอร์มเดียว หรือการใช้การตลาดแบบออฟไลน์ เช่น Facebook สื่อสารกับลูกค้า-ทำกลุ่มคอมมูนิตี้, Instagram โชว์ภาพฟิตหุ่น สร้างแรงบันดาลใจ, TikTok ทำคลิปออกกำลังสนุกๆ ให้แชร์ไว และ YouTube ลงคลาสสอนหรือ Vlog ฟิตเนส
สำหรับการสร้างการมีส่วนร่วมหากธุรกิจฟิตเนสของเราทำก็จะส่งผลดี ยิ่งลูกค้ามีส่วนร่วมมากเท่าไหร่ ความผูกพันกับแบรนด์ก็ยิ่งแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถทำได้ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำโพลหรือโหวตท่าฟิตเนส หรือการจัดกิจกรรม เช่น #7วันปั้นหุ่น
หัวข้อ | การตลาดออนไลน์ | การตลาดออฟไลน์ |
การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย | เลือกกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ ผ่านโฆษณาออนไลน์ | กระจายเป็นวงกว้าง แต่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายได้น้อยกว่า เช่น แจกใบปลิว |
ต้นทุน | ประหยัดกว่า งบประมาณยืดหยุ่น | มักมีต้นทุนสูงที่สูงกว่า การตลาดแบบออนไลน์ |
การวัดผล | วัดผลได้แบบเรียลไทม์ เช่น ยอดคลิก ยอดแชร์ ยอดขาย | ยากต่อการวัดผล ต้องใช้การสำรวจหรือประมาณการยอดขาย |
การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ | ปรับเปลี่ยนแคมเปญได้ตลอด เช่น แก้ไขโฆษณา เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย | เปลี่ยนแปลงได้ยาก เช่น หากพิมพ์ใบปลิวผิดต้องพิมพ์ใหม่ |
ธุรกิจฟิตเนสควรเลือก อินฟลูเอนเซอร์ ที่ ไลฟ์สไตล์ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพราะคนติดตามจะ "เชื่อ" และ "คล้อยตาม" ได้ง่ายกว่าเมื่อเห็นคนที่ใช่รีวิวของจริง = เพิ่มความน่าเชื่อถือ + กระตุ้นความรู้สึกได้มากกว่า สามารถทำได้โดย
การเลือกอินฟลูเอนเซอร์สำหรับธุรกิจฟิตเนส ไม่ใช่แค่เลือกคนที่ดัง หรือมีผู้ติดตามเยอะ แต่ต้อง เลือกให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและมีภาพลักษณ์ที่เข้ากับแบรนด์ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับธุรกิจมากที่สุด
การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจไม่ใช่แค่การโพสต์รีวิวสินค้า แต่เป็นการสร้างประสบการณ์และการเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในธุรกิจฟิตเนสสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในหลายรูปแบบเพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มความน่าสนใจให้กับแบรนด์ เช่น วิดีโอออกกำลังกาย, รีวิวคลาส หรือโปรโมชั่นพิเศษ
ในส่วนการสร้างความน่าเชื่อถือ การให้อินฟลูเอนเซอร์แชร์ประสบการณ์จริงในการใช้บริการฟิตเนส ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อินฟลูเอนเซอร์สามารถเป็นกระบอกเสียงที่ทรงพลังในการโปรโมตฟิตเนสของเราให้กับกลุ่มผู้ติดตามที่มีความสนใจในสุขภาพและการออกกำลังกายได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับการจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นที่ดึงดูดเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในการรักษาฐานลูกค้าเดิมและช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ให้มาร่วมใช้บริการฟิตเนส ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจฟิตเนสมีความโดดเด่นและเติบโตอย่างยั่งยืน ตัวอย่างเช่น
การจัดกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นวิธีที่ดีในการดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิมให้ยังคงกลับมาฝึกซ้อมที่ฟิตเนส การสร้างกิจกรรมที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์จะช่วยกระตุ้นความสนใจและเพิ่มการมีส่วนร่วมจากสมาชิก นอกจากนี้ยังสามารถส่งเสริมภาพลักษณ์ของฟิตเนสได้เป็นอย่างดี เช่น คลาสออกกำลังกายแบบ Bootcamp, กิจกรรมออกกำลังกายเป็นกลุ่มหรือการวิ่งมินิมาราธอนร่วมกัน
การสร้างโปรโมชั่นที่ดึงดูดลูกค้าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและรักษาฐานลูกค้าในธุรกิจฟิตเนส โปรโมชั่นที่ดีจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับความคุ้มค่า และกระตุ้นให้พวกเขากลับมาใช้บริการซ้ำ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง เช่น ฟรีคลาสทดลอง, ลด 20% สำหรับสมัครสมาชิก 1 ปี
ระบบ CRM (Customer Relationship Management) เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในธุรกิจฟิตเนส โดยการใช้ CRM ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้เราสามารถติดตามข้อมูลลูกค้า, เข้าใจความต้องการ, และปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ซึ่งเราจะนำข้อมูลจาก CRM มาประยุกต์ใช้ได้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
การมอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับสมาชิกฟิตเนสช่วยสร้างความภักดีและกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เช่น ให้ส่วนลดสำหรับการสมัครสมาชิกระยะยาวหรือการเข้าคลาสพิเศษ, ให้คะแนนสะสมที่สามารถแลกเป็นสิทธิพิเศษหรือบริการฟรี หรือ สิทธิ์เข้าคลาสพิเศษก่อนคนอื่น
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าฟิตเนสเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาลูกค้าประจำและเพิ่มความพึงพอใจ ซึ่งช่วยเพิ่มความภักดีและทำให้ลูกค้ารู้สึกมีคุณค่าในธุรกิจฟิตเนสเราได้ เช่น การจัดกิจกรรมพิเศษสำหรับสมาชิก รวมถึงยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือเมื่อต้องการ
ระบบสมาชิกที่ใช้งานง่ายช่วยให้ลูกค้าสามารถสมัครและเข้าถึงบริการได้สะดวก รวมถึงการที่อธิบายรายละเอียดว่าแต่ละราคาที่เลือกจ่ายมีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะ ระบบที่ใช้งานง่ายช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและทำให้ลูกค้าใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการทำธุรกิจฟิตเนส การวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาธุรกิจฟิตเนส เพื่อให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ และยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ ธุรกิจเราสามารถทำได้โดย
การกำหนดตัวชี้วัด (KPIs) ช่วยให้ธุรกิจฟิตเนสสามารถวัดความสำเร็จและปรับกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตัวชี้วัดสามารถเป็นได้ทั้ง จำนวนสมาชิกใหม่, อัตราการเข้าใช้บริการ, หรือความพึงพอใจของลูกค้า หลังจากที่เราได้ปล่อยแคมเปญนั้นๆ ไป
สำหรับการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ช่วยให้ธุรกิจฟิตเนสสามารถเก็บข้อมูลและประเมินผลการดำเนินงานได้อย่างแม่นยำ โดยเครื่องมือที่ใช้จะเป็น Google Analytics สำหรับวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์และพฤติกรรมของผู้ใช้งาน หรือ CRM Software เพื่อติดตามข้อมูลลูกค้าและพฤติกรรมการใช้บริการ เช่น การจองคลาสหรือการชำระเงินก็ได้
การวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงกลยุทธ์เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจฟิตเนสที่สามารถปรับกลยุทธ์ตามข้อมูลที่ได้จากลูกค้าและแนวโน้มตลาดจะสามารถสร้างความแตกต่างและเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างอย่างแน่นอน
ธุรกิจฟิตเนสไม่ใช่แค่การมีเครื่องออกกำลังกายแล้วจบ แต่ต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งเพื่อดึงดูดลูกค้าและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่น, มอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย, สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและมีประโยชน์, เลือกอินฟลูให้ถูกคน, จัดกิจกรรมและโปรโมชั่นที่ดึงดูด, สร้างระบบ CRM ที่แข็งแกร่ง และวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ หากนำกลยุทธ์เหล่านี้มาปรับใช้ ธุรกิจฟิตเนสของคุณจะไม่ใช่แค่ที่ออกกำลังกายทั่วไป แต่จะเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างรวดเร็วในตลาดที่แข่งขันสูงอย่างตลาดธุรกิจฟิตเนสแน่นอน
Q เริ่มต้นธุรกิจฟิตเนสต้องใช้งบเท่าไหร่?
A งบประมาณในการเริ่มต้นธุรกิจฟิตเนสขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดของฟิตเนส กลุ่มเป้าหมาย ทำเล และประเภทของบริการ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับหลักๆ คือ
1.1 ฟิตเนสขนาดเล็ก พื้นที่: 30-100 ตร.ม. งบประมาณ: 300,000 – 1,500,000 บาท
1.2 ฟิตเนสขนาดกลาง พื้นที่: 100-400 ตร.ม. งบประมาณ: 1,500,000 – 5,000,000 บาท
1.3 ฟิตเนสขนาดใหญ่ พื้นที่: 400 ตร.ม. ขึ้นไป งบประมาณ: 5,000,000 – 15,000,000+ บาท
Q ธุรกิจฟิตเนสในไทยปี 2025 เป็นอย่างไร?
A พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลังโควิด คนเริ่มกลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น และใส่ใจทั้ง สุขภาพกาย + สุขภาพใจ มากกว่าที่เคย ส่งผลให้ธุรกิจฟิตเนสเติบโตต่อเนื่อง
Q ถ้าเปิดธุรกิจฟิตเนส ต้องมีใบอนุญาตหรือไม่?
A ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจ หากมีการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์หรือมีคลาสเทรนนิ่ง ควรมีการจดทะเบียนพาณิชย์ให้ถูกต้อง รวมถึงการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการจากท้องถิ่น และกรณีจ้างเทรนเนอร์ควรตรวจสอบว่าเทรนเนอร์มีใบประกาศนียบัตรหรือไม่ เพื่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจฟิตเนส
หากต้องการผู้ช่วยในการทำธุรกิจติดต่อ Sellsuki ได้เลย เพราะเรามีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร (WizeMoves Consult) ผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ครบวงจร ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขาย (WizeMoves e-Dis) บริการโฆษณาออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม (WizeMoves Ads) บริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ กว่า 9,000 บัญชี (LINE Agency) และอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ
และเพื่อไม่ให้พลาดความรู้และสาระสำคัญแบบนี้ก่อนใคร อย่าลืมกดติดตามน้องสุกิบนช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram และ TikTok
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมจาก Sellsuki ได้ที่ : บทความที่น่าสนใจ