mdi_eye : 11 ph_share-bold : 0 charm_sound-down
อ่าน

7 ทริคเด็ด ยกระดับ "บริการหลังการขาย" ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ในปี 2025

7 ทริค บริการหลังการขาย 2.webp

7 ทริคเด็ด ยกระดับ "บริการหลังการขาย" ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

การขายสินค้าครั้งแรกอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่การดูแลพวกเขาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นต่างหาก ที่จะช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์ และ สร้างแบรนด์ให้แข็งแรง เปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำ และกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกประตูบานนี้ได้ก็คือ “บริการหลังการขาย” ที่เป็นเลิศ

ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน การสร้างความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ลูกค้าซื้อสินค้าอาจไม่เพียงพออีกต่อไป แต่การดูแลพวกเขาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นต่างหาก ที่จะช่วยสร้างความภักดีต่อแบรนด์และเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าประจำ แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยยกระดับบริการหลังการขายให้แตกต่างและโดดเด่นกว่าคู่แข่ง? บทความนี้ Sellsuki รวม 7 ทริคที่ทำได้จริง และวัดผลได้ พร้อมตัวอย่างตัวชี้วัดและเครื่องมือที่ใช้บ่อยมาฝากทุกคนกัน

ทำไมบริการหลังการขาย ถึงสำคัญต่อธุรกิจในยุคแข่งขันสูง?

ก่อนที่เราจะไปดูเทคนิคต่างๆ เรามาทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมบริการลูกค้าหลังการขายถึงมีความสำคัญมาก สถิติจากงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า การรักษาลูกค้าเดิมไว้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่ถึง 5-25 เท่า และลูกค้าที่พึงพอใจมีโอกาสแนะนำธุรกิจของเราให้คนอื่นอีกด้วย

การดูแลลูกค้าหลังการขายที่ดียังสามารถช่วยในเรื่องของ

  • ความไว้วางใจและความจงรักภักดีของลูกค้า
  • การซื้อซ้ำและการขายเพิ่มเติม 
  • การบอกต่อแบบปากต่อปาก 
  • การลดอัตราการคืนสินค้าและข้อร้องเรียน

7 ทริค บริการหลังการขาย 3.webp

Sellsuki แนะ 7 ทริคเด็ด ยกระดับ "บริการหลังการขาย"

ทริคที่ 1: สร้าง "ระบบติดตามลูกค้า" อย่างเป็นระบบ

การที่เรามีระบบการบริการลูกค้าที่เป็นระบบเป็นจุดเริ่มต้นของบริการหลังการขายที่ดี ซึ่งสามารถทำได้ทั้งในเรื่องของ 

การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้าที่ครบถ้วน เช่น

  • บันทึกข้อมูลการซื้อ วันที่ รายการสินค้า
  • ติดตามประวัติการติดต่อและปัญหาที่เคยมี
  • กำหนดกลุ่มลูกค้าตามความสำคัญและมูลค่า

สร้างไทม์ไลน์การติดตามที่ชัดเจน เช่น

  • ติดตามภายใน 24 ชั่วโมงหลังการขาย
  • Follow up หลังใช้งาน 1 สัปดาห์
  • ติดตามความพึงพอใจเป็นประจำทุกเดือน

ทริคที่ 2: พัฒนา "การสื่อสารแบบส่วนตัว"

ลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน การสื่อสารแบบส่วนตัว (Personalized Communication) จะทำให้บริการหลังการขายของเราโดดเด่นกว่าร้านอื่นๆ เพราะ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจและเข้าใจความต้องการเฉพาะบุคคล เพิ่มความพึงพอใจ และทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มกลับมาซื้อซ้ำมากขึ้น ซึ่งทำได้โดยใช้

เทคนิคการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่น

  • ใช้ชื่อลูกค้าในการสื่อสาร
  • อ้างอิงถึงประวัติการซื้อหรือการใช้งาน
  • ปรับรูปแบบการสื่อสารตามช่วงวัยและความชอบ
  • ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าซื้อเท่านั้น

เลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม

การเลือกช่องทางในการสื่อสารของแต่ละกลุ่มลูกค้าซึ่งจะมีความชอบในการรับข้อมูลที่แตกต่างกัน บางคนชอบ LINE บางคนชอบ Email บางคนชอบโทรศัพท์ การเลือกช่องทางที่ถูกต้องจะเพิ่มอัตราการตอบกลับอย่างมาก บางธุรกิจอาจเลือกทำงานร่วมกับ พาร์ทเนอร์ธุรกิจที่เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร เพื่อช่วยออกแบบกลยุทธ์การบริการหลังการขายให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม

ทริคที่ 3: สร้าง "ระบบแก้ไขปัญหาแบบพรีเมียม"

เมื่อลูกค้าเจอปัญหาวิธีที่ธุรกิจจัดการจะเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของ บริการหลังการขาย เพราะการแก้ไขที่รวดเร็วและจริงใจสามารถเปลี่ยนวิกฤติให้กลายเป็นโอกาสสร้างความประทับใจและความภักดีต่อแบรนด์ สามารถทำได้โดย

หลักการแก้ไขปัญหาระดับพรีเมียม เช่น

  • รับฟังปัญหาอย่างตั้งใจและเข้าใจ
  • ขอโทษอย่างจริงใจ แม้ปัญหาจะไม่ใช่ความผิดของคุณ
  • เสนอทางออกหลายทาง ให้ลูกค้าเลือก
  • ติดตามผลหลังแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว

เทคนิค "แก้ไขปัญหาเกินความคาดหวัง" เช่น

  • ถ้าสินค้าเสียหรือพังเราไม่เพียงแค่เปลี่ยนใหม่ แต่ให้ส่วนลดครั้งถัดไปด้วย
  • ถ้าขนส่งล่าช้าในครั้งถัดไปให้ฟรีค่าส่งและของแถม
  • สร้างระบบชดเชยที่มากกว่าความเสียหายจริง

ทริคที่ 4: ใช้ "เทคโนโลยี" ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

ระบบการบริการหลังการขายในปัจจุบันต้องอาศัยเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยเพื่อเพิ่มความพึ่งพอใจให้ลูกค้า เพราะเทคโนโลยีช่วยให้การบริการหลังการขาย รวดเร็ว ทันใจ และเป็นส่วนตัว ตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้าได้ดีกว่าเดิม

เครื่องมือที่ควรมี 

  • CRM System สำหรับจัดการข้อมูลลูกค้า
  • Chatbot สำหรับตอบคำถามพื้นฐานตลอดเวลา
  • ระบบ Ticket สำหรับติดตามปัญหาและการแก้ไข
  • Analytics Tool สำหรับวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า

การใช้ AI และ Automation เช่น

  • ส่งข้อความแจ้งเตือนการบำรุงรักษาอัตโนมัติ
  • วิเคราะห์ความเสี่ยงการหยุดใช้บริการ
  • แนะนำสินค้าเสริมตามพฤติกรรมการซื้อ

ทริคที่ 5: สร้าง "โปรแกรมสมาชิกและความจงรักภักดี"

สำหรับบริการหลังการขาย การมีโปรแกรมสมาชิกที่ดีจะช่วยเพิ่มการกลับมาซื้อซ้ำ เพราะโปรแกรมสมาชิกช่วยสร้าง ความคุ้มค่าและความผูกพัน ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษและอยากกลับมาซื้อซ้ำ 

ประเภทของโปรแกรมความจงรักภักดี 

  • Point System: สะสมแต้มแลกของรางวัล
  • Tier System: ระดับสมาชิกตามยอดซื้อ
  • Cashback Program: คืนเงินตามเปอร์เซ็นต์การซื้อ
  • VIP Treatment: สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า VIP

เทคนิคการออกแบบโปรแกรม เช่น

  • ทำให้ง่ายต่อการเข้าร่วมและใช้งาน
  • ให้รางวัลที่มีคุณค่าจริงสำหรับลูกค้า
  • สร้างความรู้สึกพิเศษและเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
  • มีการสื่อสารประโยชน์อย่างชัดเจน

ทริคที่ 6: พัฒนา "ทีมบริการให้เป็นเลิศ"

คนคือหัวใจสำคัญของการดูแลลูกค้า ทีมที่ดีจะสร้างความประทับใจในบริการหลังการขายที่ยาวนาน เพราะทีมที่มีคุณภาพสามารถมอบประสบการณ์ที่จริงใจและใส่ใจ สร้างความประทับใจและความภักดีให้ลูกค้าโดย

การฝึกอบรมทีมบริการ

  • Product Knowledge: รู้จักสินค้าและบริการอย่างลึกซึ้ง
  • Soft Skills: การสื่อสาร การเอาใจใส่ การแก้ปัญหา
  • Technical Skills: การใช้ระบบและเครื่องมือต่างๆ
  • Company Culture: ปลูกฝังค่านิยมการให้บริการที่ดี

นอกจากการฝึกอบรมสำหรับทีมบริการแล้วต้องมี 

การสร้างแรงจูงใจสำหรับทีม เช่น

  • ให้อำนาจในการตัดสินใจแก้ปัญหาบางอย่าง
  • ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้
  • ยกย่องและชื่นชมเมื่อทำงานดี
  • พัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง

ทริคที่ 7: วัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การปรับปรุงบริการลูกค้าต้องอาศัยข้อมูลและการวิเคราะห์เป็นฐาน เพราะข้อมูลและการวิเคราะห์ช่วยให้ธุรกิจ เข้าใจความต้องการลูกค้าเชิงลึก และพัฒนาบริการหลังการขายได้ตรงจุดโดยแบ่งออกเป็น 

KPIs ที่ควรติดตาม

  • Customer Satisfaction Score (CSAT): คะแนนความพึงพอใจ
  • Net Promoter Score (NPS): ความเต็มใจแนะนำ
  • Customer Retention Rate: อัตราการกลับมาซื้อ
  • Average Response Time: เวลาตอบกลับเฉลี่ย
  • First Call Resolution: การแก้ปัญหาได้ในครั้งแรก

วิธีการรวบรวมข้อมูล

  • แบบสำรวจความพึงพอใจหลังการใช้บริการ
  • การติดตามและวิเคราะห์การร้องเรียน
  • การสัมภาษณ์ลูกค้ากลุ่มตัวอย่าง
  • การวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อซ้ำ

สรุป

บริการหลังการขาย ที่ดี คือ หัวใจของการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และยังเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จทางธุรกิจ การนำ 7 เทคนิคที่ Sellsuki ได้แชร์ไปประยุกต์ใช้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสร้างความแตกต่างและเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และให้จำไว้ว่า “ลูกค้าที่พึงพอใจคือสินทรัพย์ที่มีคุณค่าที่สุดของธุรกิจ การลงทุนในการบริการลูกค้าหลังการขายคือการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของธุรกิจคุณ” ดังนั้น การลงทุนในบริการหลังการขาย ไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการสร้างรากฐานความสำเร็จให้ธุรกิจในระยะยาว

ซึ่งหากคุณยังไม่เชี่ยวชาญให้ Sellsuki เป็นผู้ช่วยธุรกิจของคุณสิ เพราะ Sellsuki เองก็มีบริการครบวงจรบนโลกธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาดแบบครบวงจร หรือผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขายครบวงจรอย่าง WizeMoves หรือบริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทย และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ 

และเพื่อไม่ให้พลาดความรู้และสาระสำคัญแบบนี้ก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารหรือรายการพาโตนะ Podcast Podcast รายการดีๆ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ อย่าลืมกดติดตามน้องสุกิบนช่องทาง Facebook, Youtube, Instagram และ TikTok

แท็ก Online BusinessSalesStrategy & Tactic

แชร์

บทความนี้มีประโยชน์กดชอบเป็นกำลังใจให้เราได้
Like this article