Sale Page คือ หน้าเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปิดการขาย สินค้าหรือบริการโดยเฉพาะ หน้าเว็บนี้เปรียบเสมือนศูนย์รวมสินค้า ที่บ่งบอกถึงรายละเอียดของสินค้าที่จะนำเสนอสินค้า ตอบคำถาม และโน้มน้าวให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
หัวใจสำคัญของเว็บไซต์ขายของ คือ การเข้าใจลูกค้า ดังนั้นหน้าเว็บควรเน้นไปที่ปัญหาหรือความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับแรก นำเสนอวิธีการหรือสินค้าของแบรนด์ ว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร
คำถามนี้เป็นข้อถกเถียงมาตลาดหลายปีที่ผ่านมา แต่ความจริงแล้วความของหน้าเพจขายของจะขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
หากจะสรุปออกมาให้เข้าใจง่ายที่สุดคือ คุณต้องรู้จักสินค้า และเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคุณ เพื่อออกแบบหน้าเพจขายของให้ตอบโจทย์ลูกค้า และปิดการขายได้ในที่สุด
การกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของเว็บขายของ เปรียบเสมือนเข็มทิศที่ชี้นำแนวทางในการสร้างและออกแบบเว็บเพจให้มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การเขียนเนื้อหา (Copywriting) ไปจนถึงการออกแบบ (Design)
การเข้าใจเป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณบรรลุผลสำเร็จ ลองถามตัวเองว่า คุณอยากให้เว็บนี้ทำอะไร เช่น
เมื่อคุณทราบเป้าหมายแล้ว ให้กำหนด KPIs ที่ชัดเจน สามารถวัดผลได้ บรรลุผลได้ และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น
หัวใจ ของการสร้างเว็บขายของที่โดนใจและตอบโจทย์ลูกค้า คือ การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นการ Research กลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณเข้าใจ Painpoint ของลูกค้า ค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาชอบและไม่ชอบ ปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่คืออะไร และเป้าหมาย ความต้องการ และความสนใจของพวกเขาเป็นแบบไหน
นอกจากนี้ คุณควรศึกษาว่า พวกเขากำลังใช้สินค้าของคู่แข่งอยู่หรือไม่ หรือกำลังมองหาสินค้าจากคู่แข่งอยู่ เมื่อคุณเข้าใจทุกรายละเอียด เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย คุณสามารถสร้างลูกค้าในอุดมคติจากข้อมูลเหล่านี้ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณนำเสนอการขาย ที่สามารถโน้มน้าวใจลูกค้า และเขียน Sale Copy ที่พูดถึงปัญหาของลูกค้าเป้าหมายโดยตรง และนำเสนอสินค้าของคุณที่สามารถจัดการปัญหาเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดท้าย ศึกษากลยุทธ์ของคู่แข่ง ว่ามีวิธีดึงดูดลูกค้าอย่างไร หาช่องโหว่ของคู่แข่ง และนำมาพัฒนาเว็บไซต์ของคุณให้ดีกว่า
ตัวอย่าง
การเลือก Template ที่เหมาะสมกับแบรนด์และสินค้าของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ Template จะช่วยกำหนดโครงสร้างของเว็บขายของ และทำให้คุณรู้ว่าจะต้องวางองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น Headline, Testimonials ,Call to Action ,Sale Copy และองค์ประกอบอื่น ๆ ไว้ตรงไหน
นอกจากนี้ คุณสามารถเพิ่มส่วนคำถามที่พบบ่อย (FAQ) เพื่อตอบข้อสงสัยที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้า และยังสามารถเขียน SEO จากส่วนนี้ได้ เนื่องจากคุณสามารถอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าได้
Headline เปรียบเสมือนประตูของเว็บไซต์ขายของ เป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะเห็น ดังนั้นต้องออกแบบให้ดึงดูดลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์ต่อ
เทคนิคการออกแบบ Headline ที่น่าสนใจ
ตัวอย่าง Headline ที่น่าสนใจ
การออกแบบ Headline ที่ดี จะช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้า และปิดการขายได้ในที่สุด
องค์ประกอบสำคัญของการเขียน Sale Copy คือ การโน้มน้าวใจกลุ่มเป้าหมายให้เกิดการซื้อขาย ซึ่งแนวทาง ที่จะช่วยให้ Sale Copy ของคุณมีประสิทธิภาพ คือ การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)
หมายความว่า แทนที่จะเขียนแค่รายละเอียดสินค้าว่ามีประโยชน์อย่างไร แต่ควร เน้นไปที่ความต้องการของลูกค้า และนำเสนอว่าสินค้าของเราช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร
เทคนิคการเขียน Sale Copy ที่ดึงดูดใจ
ตัวอย่าง
การออกแบบเว็บเพจขายของให้น่าสนใจ ดึงดูดลูกค้า และสร้างความน่าเชื่อถือ ประกอบไปด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายประการ เริ่มต้นจากการออกแบบหน้าเว็บให้เรียบง่าย สวยงาม ใช้งานง่าย
อาจจะมีการใช้รูปภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพและมีความคมชัด ในการแสดงวิธีการใช้สินค้า อธิบายคุณสมบัติ หรือประโยชน์ของสินค้า รวมถึงการนำเสนอภาพและวีดีโอรีวิวจากผู้ใช้จริง ที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
อย่างไรก็ตาม การออกแบบ Visuals ควรคำนึงถึงความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ และควรหลีกเลี่ยง การใช้ไฟล์ขนาดใหญ่ หรือ Infographic ที่คุณภาพสูงเกินไป หรือจำนวนมากเกินไปเพราะจะทำให้ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ลดลง
CTA หรือ Call To Action หมายถึง คำกระตุ้นการตัดสินใจ ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ดำเนินการตามที่คุณต้องการ ฉะนั้นการวาง CTA ให้ชัดเจนจะนำทางผู้ชมเว็บไซต์ให้ทำตาม Journey ที่เรากำหนดไว้ได้
องค์ประกอบสำคัญของ CTA ประกอบด้วย ข้อความที่น่าสนใจ กระตุ้นให้คลิก การออกแบบที่โดดเด่น และจำนวนที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป เพราะจะทำให้ผู้เข้าชมเว็บรู้สึกเหมือนถูกขายของตลอดเวลา
และอย่าลืมทดสอบอีกครั้งก่อนที่คุณจะเปิดหน้าการขายเพื่อให้แน่ใจว่าลิงก์ทั้งหมดฝังไว้อย่างถูกต้อง และควรแสดงผลอย่างถูกต้องบนทุกอุปกรณ์
การใช้คำกระตุ้นหรือ Trigger Words เช่น รับประกัน, การันตี, พิเศษ, ตอนนี้, ใหม่, ฟรี, พิสูจน์แล้ว หรือภายในวันนี้ สามารถดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าทำในสิ่งที่เราต้องการได้ทันที โดยสามารถนำคำเหล่านี้ไปใช้ได้กับ Headline และ CTA
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้คำกระตุ้นที่มาจนเกินไป แม้ว่าจะเป็นเว็บเพจที่ใช้ในการขายของก็ตาม เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ขอบและรำคาญได้
โดยทั่วไปแล้วผู้คนมักรู้สึกไว้ใจและเชื่อมั่นในสินค้าจากการเห็นรีวิวจากผู้ใช้จริงที่มีประสบการณที่ดี ซึ่งข้อมูลจาก VWO by WikiJob เผยว่าการรีวิวหรือ Tesimonails สามารถช่วยใเพิ่มยอดขายได้ถึง 34%
สำหรับการเปิดตัวสินค้าใหม่ การทำงานร่วมกับ Influencer เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการโปรโมท ด้วยการส่งสินค้าให้พวกเขาทดลองใช้ และเขียนรีวิวหรือถ่ายวีดีโอ เพื่อบอกเล่าความประทับใจหลังจากการใช้งานได้
แม้ว่าวัตถุประสงค์หลักของของเว็บขายของ คือการขายสินค้าและบริการ แต่การสร้างเว็บขายของไม่ใช่งานที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ คุณต้องทดสอบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาจุดที่ต้องปรับปรุง โดยสามารถใช้ A/B Testing เพื่อเปรียบเทียบเวอร์ชั่นต่างๆ ของเว็บ และหาองค์ประกอบที่ช่วยกระตุ้นให้เกิด Conversion ได้ดีที่สุด ซึ่งองค์ประกอบหลักที่สามารถทดสอบด้วย A/B Testing ได้คือ Headline, CTA, ข้อเสนอ และการออกแบบ Visuals
การสร้าง Sale Page อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการทำเว็บไซต์ แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะ WizeMoves MarTech เป็นผู้ช่วยจัดการเว็บไซต์ให้คุณได้ ด้วยความสามารถจากทีมงานมืออาชีพ และนวัตกรรม MarTech ที่ทันสมัย สามารถช่วยธุรกิจสร้างเว็บขายของที่โดนใจ ดึงดูด และตอบโจทย์ลูกค้าของคุณได้ เริ่มตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย ออกแบบกลยุทธ์ วางแผนการตลาด ออกแบบเว็บไซต์ และดูแลเว็บไซต์ของคุณให้อยู่เหนือคู่แข่ง พร้อมปิดการขายได้ตลอดเวลา
และนี่เป็นอีกหนึ่งสาระสำคัญสำหรับเจ้าของแบรนด์และเจ้าของธุรกิจที่ควรรู้ หลังจากเข้าสู่การขายของออนไลน์ น้องสุกิยังมีเนื้อหาสำคัญอื่นๆ ที่พร้อมจะแบ่งปันเพื่อให้คุณสามารถนำความรู้ไปต่อยอด และพัฒนาธุรกิจออนไลน์ให้เติบโตเหนือคู่แข่ง เพียงแค่กดติดตาม Facebook, Youtube และ TikTok ของ Sellsuki เพื่อไม่ให้พลาดอัปเดตสาระสำคัญก่อนใคร