Data Research Insight: ล้วงลึกวงการ “น้ำพริก” โอกาสทองสู่การเติบโตของธุรกิจนำพริกไทย

น้ำพริกคือเครื่องจิ้มหรืออาหารชนิดหนึ่งที่ถือเป็นอาหารพื้นบ้านไทย ทำจากพริก กระเทียม เกลือ กะปิ หรือเครื่องปรุงอื่น ๆ นำมาโขลกรวมกัน ปรุงรสให้มีรสชาติเผ็ด เค็ม เปรี้ยว หรือหวานตามสูตรท้องถิ่น ปัจจุบัน น้ำพริกได้รับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย เพื่อความสะดวกในการบริโภคและการส่งออก เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์อาหารไทยที่สะท้อนวัฒนธรรมการกินของคนไทยได้อย่างชัดเจน

วันนี้ Sellsuki จะมาล้วงลึกในประเด็นเรื่อง “น้ำพริก” ด้วย Social Listening Tool ผ่านมุมมองของผู้บริโภคในไทย ว่าน้ำพริกแบบไหน แบรนด์อะไร หรือ แม้กระทั่งขายผ่านช่องทางไหนจึงจะตอบโจทย์ผู้ประกอบการไทยมากที่สุด

5 ขั้นตอนการทำ Data Blueprint ด้วยเครื่องมือ Social Listening

Step 1 - Crack โจทย์ไหนที่อยากรู้ 

สำหรับขั้นตอนแรกสุดนั้น เราต้องตีโจทย์ให้แตกก่อนว่าเราอยากรู้หรือศึกษาอะไรที่คนพูดถึงใน โซเชียลมีเดีย ซึ่งในบทความนี้ Sellsuki จึงนำคำว่า “น้ำพริก” มาค้นหา เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคว่ามีการพูดถึงน้ำพริกในแง่มุมใดบ้าง เช่น รสชาติ/สูตรที่ได้รับความนิยมหรือแปลกใหม่ วิธีการรับประทานคู่กับเมนูหรืออาหารอะไร ช่องทาง/แบรนด์ที่คนนิยมซื้อ หรือปัญหา/ความต้องการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจน้ำพริกสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์การตลาด หรือสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายในโลกออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น

Step 2 - Set Keyword & Data Gathering

ขั้นตอนต่อมาคือ กำหนด Keyword ให้สอดคล้องกับหัวข้อที่เราต้องการศึกษา เพื่อทำการเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Gathering) ซึ่งสำหรับวงการ “ธุรกิจน้ำพริก” เราจึงมองว่า คำว่า “น้ำพริก” นั้น เหมาะสมและใช้เป็นที่แพร่หลายที่สุดในไทย

จากการใช้เครื่องมือ Social Listening (Social Listening Tool) ในช่วง 15 สิงหาคม 2568 - 15 ตุลาคม 2568 หรือเป็นระยะเวลา 3 เดือน รวบรวมข้อมูลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, X (Twitter), Instagram และ YouTube เป็นต้น พบว่า คำว่า "น้ำพริก" มีการกล่าวถึงร่วม 59,100 ครั้ง โดยข้อมูลที่ Sellsuki รวบรวมได้นั้น เป็นข้อมูลจากโพสต์สาธารณะ ภายใต้นโยบาย Policy ของแพลตฟอร์ม

Step 3 - Data Analyst & Visualize

ในขั้นตอนที่สาม เราจะต้องนำข้อมูลที่ได้จากแพลตฟอร์มต่างๆ มาทำการวิเคราะห์ (Data Analysis) แต่อย่าลืมตรวจสอบ และคัดกรองข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Keyword ออกก่อน เพื่อให้การวิเคราะห์ของเรานั้นมีความแม่นยำและชัดเจนมากที่สุด

จากกราฟ จะเห็นได้ว่าการกล่าวถึงการพูดถึง “น้ำพริก” บนโซเชียลมีเดียจะเป็นประมาณนี้: 

Facebook ยังคงเป็นช่องทางหลัก: ถึงแม้ว่า Facebook จะไม่ใช่แพลตฟอร์มที่ถูกสร้างมาเพื่อดูหรือฟังวิดีโอโดยเฉพาะ แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าในด้านคอมมูนิตี้และภาพรวมเนื้อหา Facebook ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด จากยอดการกล่าวถึงทั้งหมด 44,284 ข้อความ คิดเป็น 74.93% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงมาก

TikTok มาแรงแซง YouTube และ Instagram: TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มมาแรงที่ทำยอดข้อความสูงเป็นอันดับสองด้วยจำนวน 4,970 ข้อความ หรือ 8.41% แสดงให้เห็นว่าเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรูปแบบวิดีโอสั้นและเน้นความสนุกสนานกำลังได้รับความสนใจและถูกพูดถึงอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้งาน

Instagram และ YouTube ยังมีความสำคัญ: Instagram ตามมาเป็นอันดับสามด้วย 3,858 ข้อความ (6.53%) ซึ่งเป็นช่องทางที่คนนิยมโพสต์รูปภาพสวยงามหรือวิดีโอสั้นแบบ Reels ในขณะที่ YouTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอหลักก็ยังคงมีบทบาทสำคัญด้วยจำนวน 2,452 ข้อความ (4.15%) สำหรับเนื้อหาที่มีความยาวและให้ข้อมูลเชิงลึก

X (Twitter) เป็นเครื่องมือสื่อสารที่รวดเร็ว: X (Twitter) มีการกล่าวถึง 2,164 ข้อความ (3.66%) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะกับการติดตามข่าวสารและเทรนด์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่กำลังทำแคมเปญ หรือต้องการสร้างกระแสการรับรู้ในทันที

Social Data Stat overview by engagement

จากข้อมูลที่รวบรวมมา พบว่า Content ที่มี Engagement สูง จะถูกพูดถึงในช่องทาง TikTok เป็นหลัก ตามมาด้วย Facebook ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะแบรนด์น้ำพริกส่วนใหญ่ใช้ช่องทาง TikTok ในการสื่อสารเป็นส่วนใหญ่

ในส่วนของ Content ที่คนสนใจ และมีการมีส่วนร่วมสูง จะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการ:

• ทำอาหาร
• แจกสูตรน้ำพริก
• การกินน้ำพริก

ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เหล่านี้มาจากบัญชีโซเชียลและเพจต่าง ๆ ที่เน้นด้านอาหารและการทำอาหารโดยเฉพาะ

หมายเหตุ: ยอด Engagement รวมตลอดช่วงเวลาเก็บข้อมูลคือ 9,224,559 ครั้ง

จากการวิเคราะห์ Top 10 Hashtag พบว่าแท็กที่ถูกใช้มากที่สุดคือ #อร่อยบอกต่อ (22.67%) ซึ่งสะท้อนการรีวิวและการแชร์ประสบการณ์ ลำดับถัดมาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ #น้ำพริก, #อาหารไทย และ #เมนูอาหาร ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่มองว่าน้ำพริกเป็นเครื่องเคียงที่สำคัญและขาดไม่ได้สำหรับการรับประทานอาหารมื้อต่าง ๆ

Categories Overall

จากการวิเคราะห์เนื้อหาเกี่ยวกับ “น้ำพริก” ทั้งหมดผ่านเครื่องมือ social listening สามารถสรุปประเด็นการถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ได้ประมาณนี้:

1. เมนูน้ำพริก (59.6%): เป็นหัวข้อที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด โดยเน้นไปที่ประเภทของน้ำพริก เช่น น้ำพริกคั่ว/ผัด, น้ำพริกแห้ง, น้ำพริกเปียก/ป่น และ น้ำพริกเพื่อสุขภาพ
2. ปัจจัยการตัดสินใจซื้อ (31.3%): เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจรองลงมา โดยมักจะเกี่ยวข้องกับ โปรโมชั่น, การรีวิว, และความอร่อย ของผลิตภัณฑ์
3. ประเภทของสินค้า/บรรจุภัณฑ์ (5.7%): กล่าวถึงรูปแบบของผลิตภัณฑ์ เช่น การบรรจุใน กระปุก, ซอง, ถ้วย, แพ็คสุญญากาศ และ ซิปล็อก

ช่องทางการสั่งซื้อ (3.3%): เป็นสัดส่วนที่น้อยที่สุด โดยมีการพูดถึงทั้งการซื้อผ่านช่องทาง Online 

ประเภทของเมนู “น้ำพริก”

จากข้อมูลการกล่าวถึง เมนูน้ำพริก พบว่าประเภทที่ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงมากที่สุดคือ:

1. น้ำพริกเปียก/ป่น: ถูกกล่าวถึงบนโซเชีนลมีเดียที่ 47.6% โดยได้รับความนิยมสูงสุด สะท้อนถึงความสนใจในน้ำพริกที่มีรสชาติจัดจ้าน หอมจากการคั่วหรือโขลก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย
2. น้ำพริกคั่ว/ผัด: ถูกกล่าวถึงตามมาเป็นอันดับสอง หรือที่ 39.4% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจในน้ำพริกที่ปรุงสุกและมักจะเก็บได้นาน
3. น้ำพริกแห้ง มีการกล่าวถึงในสัดส่วน 11%

นอกจากนี้ กระแสรักสุขภาพและอาหารคลีนกำลังมาแรง แต่สัดส่วนของ "น้ำพริกเพื่อสุขภาพ" ยังมีเพียง 1.8% เท่านั้น ซึ่งถือเป็น โอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจใหม่ ในการพัฒนาสูตรน้ำพริกที่มีไขมันต่ำ โซเดียมต่ำ หรือใช้วัตถุดิบจากพืช เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ

ปัจจัยการตัดสินใจซื้อ “น้ำพริก”

มาดูกันว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อน้ำพริกสักกระปุก!

1. ความอร่อยต้องมาอันดับ 1 (52.6%): แน่นอนว่าเรื่อง "รสชาติ" คือหัวใจสำคัญที่สุด ถ้าอร่อยถูกปาก ต่อให้แพงก็ยอม!
2. โดนป้ายยาเพราะ "รีวิว" (29.3%): การตัดสินใจซื้อเกือบ 30% มาจากการดูรีวิว! ยิ่งรีวิวจากเพื่อน, จากอินฟลูเอนเซอร์, หรือจากเพจดังๆ ยิ่งมีอิทธิพลสูงมาก
3. ความปลอดภัยก็สำคัญนะ (18.1%): ถึงจะอร่อยแค่ไหน แต่ถ้าไม่มั่นใจเรื่องความสะอาดหรือความปลอดภัย ผู้บริโภคก็ไม่กล้าเสี่ยง

สรุปง่ายๆ:

ข้อมูลนี้บอกชัดเจนว่า คนไทยให้ความสำคัญกับ รสชาติและความอร่อยแบบที่สัมผัสได้จริง มากที่สุด ซึ่งมันเชื่อมโยงกับการ "บอกต่อ" และ "การรีวิว" อย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นการสร้างคอนเทนต์รีวิวดีๆ หรือการใช้แฮชแท็กติดปากอย่าง #อร่อยบอกต่อ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายน้ำพริกในโลกโซเชียล!

ประเภทของสินค้า “น้ำพริก”

มาดูกันว่าคนไทยชอบซื้อน้ำพริกในแพ็คเกจแบบไหนมากที่สุด:

• แชมป์ตลอดกาลคือ "กระปุก" (71.9%): คนส่วนใหญ่ยังคงผูกพันกับน้ำพริกแบบกระปุก เพราะดูสะอาดตา เก็บง่าย ใช้สะดวก จะตักกินกี่ครั้งก็ได้ ไม่แปลกใจที่กระปุกแก้วยังคงเป็นที่หนึ่ง
• ดาวรุ่งพุ่งแรงคือ "แบบซอง" (24.1%): เริ่มมีคนพูดถึงแบบซองเยอะขึ้นมาก เพราะมันสะดวกมาก พกพาง่าย กินหมดในมื้อเดียว ไม่ต้องกลัวหก เหมาะกับคนรุ่นใหม่หรือคนที่ชอบเดินทางสุด ๆ

ตลาดน้ำพริกกำลังเปลี่ยนจาก "ของฝาก" กลายเป็น "อาหารพร้อมกิน" ที่ต้องเน้นความง่าย!

แม้ว่า "กระปุก" จะยังครองใจ แต่ "แบบซอง" ก็เป็นเทรนด์ที่มาแรงและมีช่องว่างให้เล่นเยอะมาก ถ้าแบรนด์ไหนออกแบบแพ็คเกจให้ดูดี ทันสมัย ใช้งานง่าย และตอบโจทย์การพกพาได้ดี ก็มีโอกาสสูงที่จะขยายตลาดไปจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เน้นความสะดวกได้อีกเพียบ!

ช่องทางการสั่งซื้อ “น้ำพริก”

จากข้อมูลการกล่าวถึงช่องทางการสั่งซื้อ พบว่า:

• Online ครองตลาด (67.4%): ผู้บริโภคส่วนใหญ่กว่าสองในสามพูดถึงการซื้อน้ำพริกผ่านช่องทางออนไลน์
• Offline ยังคงมีบทบาท (32.6%): การซื้อจากหน้าร้านหรือตลาดก็ยังคงมีการกล่าวถึงอยู่

เห็นได้ชัดว่า น้ำพริกได้กลายเป็นสินค้าที่คนนิยมช้อปออนไลน์ มากขึ้นเรื่อยๆ!

เพราะการซื้อออนไลน์มันสะดวกสบายเนื่องจากถือเป็นการซื้อแล้วจัดส่งถึงบ้าน แถมมีตัวเลือกเยอะ และที่สำคัญที่สุดคือคนส่วนใหญ่อาศัย รีวิวจากลูกค้าจริง ในช่องทางออนไลน์เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะน้ำพริกแบรนด์เล็กหรือโฮมเมด

ในขณะเดียวกัน ช่องทางออฟไลน์ ก็ยังไม่หายไปไหน เพราะยังคงเป็นศูนย์รวมของ "น้ำพริกของฝาก" หรือร้านอาหารท้องถิ่น ที่เน้นประสบการณ์ในการลองชิม และสร้างความเชื่อมั่น ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคดั้งเดิมยังคงชื่นชอบการเลือกซื้อสินค้าด้วยตัวเองอยู่

สัดส่วนประชากรที่สนใจ

คราวนี้มาดูกลุ่มคนที่พูดถึงเรื่องน้ำพริกในโซเชียลมีเดียกัน!

ภาพรวม:

• เพศหญิง (68.68%): คนที่สนใจและพูดถึงเรื่องน้ำพริกในโลกออนไลน์ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยมีสัดส่วนเกือบ 70%
• เพศชาย (31.32%): มีการกล่าวถึงอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าผู้หญิง

เจาะตามช่วงอายุ:

• กลุ่มวัยทำงานคือเป้าหมายระดับท็อปสุดของวงการ (45.05%): กลุ่มอายุ 25-34 ปี เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและมีการพูดถึงเรื่องน้ำพริกมากที่สุด
• กลุ่ม 18 - 24 ปี ก็มาแรง (19.94%): วัยรุ่นและวัยเริ่มทำงานก็มีความสนใจในเรื่องนี้ไม่น้อย
• กลุ่ม 35 - 44 ปี (20.02%) และ 45 ปีขึ้นไป (6.41%) ก็ยังคงมีบทบาท

ทำไมผู้หญิงถึงสนใจมากกว่า?

• แม่ศรีเรือนยุคใหม่: ผู้หญิงมักจะเป็นคนหลักในการดูแลเรื่องอาหาร การทำอาหาร การเลือกซื้อของเข้าบ้าน หรือการเสาะหารีวิวสินค้าอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
• นักช้อปออนไลน์ตัวยง: ผู้หญิงเป็นกลุ่มที่ใช้งานโซเชียลมีเดียและช้อปปิ้งออนไลน์สูง การรีวิว, #อร่อยบอกต่อ หรือการซื้อน้ำพริกไปทานคู่กับเมนูคลีนจึงเป็นกิจกรรมที่ทำได้ง่าย

สำหรับธุรกิจน้ำพริก: หากคุณจะทำการตลาด ควรเน้นคอนเทนต์ไปที่ ผู้หญิง ในช่วงอายุ 25 - 34 ปี เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีไลฟ์สไตล์ที่เน้นความสะดวก และมักจะเป็นผู้ที่ตัดสินใจเลือกซื้ออาหารเข้าครัวหรือเลือกของฝากนั่นเอง!

Step 4 - Summarize

น้ำพริกยังคงเป็นผลิตภัณฑ์คู่ครัวไทยที่สะท้อนรสชาติและเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นอย่างชัดเจนเนื่องจาก

• เมนูพื้นฐานยังครองใจ: น้ำพริกปลาทู, น้ำพริกหนุ่ม, น้ำพริกอ่อง, และน้ำพริกปลาร้า ยังเป็นเมนูที่คนพูดถึงมากที่สุด
• ผู้หญิงคือผู้ขับเคลื่อนหลัก: กลุ่มผู้บริโภคหลักที่สนใจและพูดถึงเรื่องน้ำพริกคือ ผู้หญิงวัยทำงาน (25-34 ปี) ที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในโลกออนไลน์
• ออนไลน์มาแรงแซงทางโค้ง: คนนิยมซื้อน้ำพริกผ่านช่องทางออนไลน์ (67.4%) เพราะสะดวก มีตัวเลือกเยอะ และค้นหารีวิวได้ง่าย

กุญแจสำคัญสู่การตัดสินใจซื้อ:

ผู้บริโภคให้น้ำหนักกับ "รสชาติ" และ "รีวิวจากผู้ใช้จริง" มากกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการช้อปออนไลน์ที่ต้องดูรีวิวก่อนซื้อเสมอ

โอกาสทางธุรกิจ:

ตลาดน้ำพริกไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบบดั้งเดิมอีกต่อไป แต่กำลังขยายไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นในรูปแบบที่:

• สะดวกและพกพาง่าย: เช่น น้ำพริกในบรรจุภัณฑ์แบบซอง หรือแบบถ้วยพร้อมทาน
• ใส่ใจสุขภาพ: มีโอกาสสูงมากสำหรับน้ำพริกกลุ่ม "เพื่อสุขภาพ" ที่มีโซเดียมต่ำหรือเป็น Plant-based
• ภาพลักษณ์ดี: แบรนด์ที่สามารถปรับภาพลักษณ์น้ำพริกไทยให้ดูทันสมัย สะอาด และน่าเชื่อถือ จะสามารถสร้างจุดขายและขยายตลาดได้กว้างกว่าเดิม

Step 5 - Make Solution & Idea

แนวทางการยกระดับแบรนด์น้ำพริก SME สู่เวทีระดับชาติ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดข้างต้น วันนี้ Sellsuki ขอนำเสนอแนวทางการสร้างแบรนด์และไอเดียที่แนะนำสำหรับแบรนด์น้ำพริก SME เพื่อก้าวไปสู่การเติบโตในระดับประเทศและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นดังนี้:

1. การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการเจาะตลาดใหม่ๆ (Product development and new market penetration)

• ลองชูจุดเด่น "เพื่อสุขภาพ" (Health-Conscious Niche) เพื่อเจาะตลาดใหม่ๆ: เนื่องจากสัดส่วนน้ำพริกเพื่อสุขภาพยังมีน้อย (เพียง 1.8% จากการถูกกล่าวถึงบนโลกออนไลน์) ด้วยเหตุผลนี้จึงถือเป็นโอกาสในการพัฒนาสูตร "น้ำพริกคลีน" หรือ Plant-based เช่น ลดโซเดียม ใช้น้ำตาลจากหญ้าหวาน หรือใช้โปรตีนทางเลือก (เห็ด, ธัญพืช) เพื่อจับกลุ่ม ผู้หญิงวัย 25-34 ปี ที่ใส่ใจสุขภาพและนิยมช้อปออนไลน์
• ดีไซน์บรรจุภัณฑ์ที่เน้นความสะดวก (Convenience First):
  • ลองเปลี่ยนมุมมองจาก "น้ำพริกคู่ครัว" ให้เป็น "น้ำพริกคู่มื้ออาหาร": ปรับการบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก แบบซอง (ซองสำเร็จรูปฉีกทานได้ทันที) หรือ แบบถ้วย (สำหรับทานครั้งเดียว) โดยไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแทนที่กระปุกเดิม แต่เพื่อ ขยายตลาดใหม่
  • ลองยกระดับ "กระปุก": ใช้ดีไซน์กระปุกที่ทันสมัย ดูพรีเมียม แต่ยังคงความสะอาดและน่าเชื่อถือ เพื่อให้เป็น "ของฝาก" หรือ "ของคู่ครัว" ที่ดูดี

2. การตลาดและคอนเทนต์ (Marketing Strategy & Content)

• เล่นกับ "รีวิว" และ "บอกต่อ" เป็นหลัก (Leverage Reviews):
  • ลองใช้ Micro-Influencer: ส่งผลิตภัณฑ์ให้กลุ่ม Micro-Influencer ที่เน้นรีวิวอาหาร (Food Blogger/Tiktokers) ที่มีฐานผู้ติดตามเป็นผู้หญิง เพื่อสร้าง "ประสบการณ์จริง" เพราะผู้บริโภคสมัยนี้ไม่ค่อยเชื่อโฆษณาที่ดูสวยงามเกินจริง แต่จะเชื่อรีวิวจากคนธรรมดาที่ใช้สินค้าจริงมากกว่า โดย Micro-Influencer มักจะรีวิวแบบตรงไปตรงมา ดูเข้าถึงง่าย ทำให้รีวิวดูเป็นธรรมชาติและน่าเชื่อถือกว่า 
  • ลอง สร้างแคมเปญ "Challenge": ชวนผู้บริโภคมาสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ที่ทานคู่กับน้ำพริกของแบรนด์ แล้วให้ติดแฮชแท็กของแบรนด์เพื่อสร้าง Viral (โดยเน้นลงช่องทาง TikTok และ Facebook ที่มี Engagement สูง)
• คอนเทนต์ต้อง "คู่เมนู" (Meal Pairing Content): เนื่องจากผู้บริโภคพูดถึง "เมนูน้ำพริก" ถึง 59.6% แบรนด์ควรทำคอนเทนต์ที่สอน "วิธีทำอาหาร" และ "การกินน้ำพริกคู่กับเมนูหลากหลาย" (เช่น ไม่ได้กินแค่กับข้าว แต่กินกับสลัด, แซนด์วิช, หรือเมนูฟิวชั่น) เพื่อขยายโอกาสในการบริโภค

3. ช่องทางการจำหน่าย (Sales Channel Optimization)

• ตอกย้ำช่องทางออนไลน์ (Online Domination):
  • ลองลงทุนในแพลตฟอร์ม E-commerce (Shopee, Lazada) และ Social Commerce (Facebook, TikTok Shop) อย่างจริงจัง เพื่อรองรับยอดขายออนไลน์ที่สูงถึง 67.4%
  • ลองใช้ข้อมูล Demographics (ผู้หญิง วัย 25-34 ปี) ในการยิงโฆษณา (Target Ads) ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายสูงสุด
• ขยายจุดยืนในช่องทางออฟไลน์ (Selective Offline Expansion):
  • ลองจับมือกับร้านค้าเพื่อสุขภาพ (Health Stores) หรือซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมียม เพื่อวางจำหน่ายสินค้ากลุ่ม "น้ำพริกเพื่อสุขภาพ" เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง
  • ลองเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร (Food Expo) ระดับประเทศเพื่อสร้างการรับรู้และขยายฐานตัวแทนจำหน่าย

Sellsuki อยากพาธุรกิจของคุณโตไปกับเรานะ เพราะเรามีบริการครบวงจรสำหรับธุรกิจออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น บริการที่ปรึกษาธุรกิจการตลาด หรือผู้ช่วยจัดจำหน่ายออนไลน์ดูแลครอบคลุมทุกขั้นตอนการขายครบวงจรอย่าง WizeMoves หรือบริการดูแล LINE Official Account ครบวงจร ที่มีลูกค้ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีผู้ช่วยเก็บ แพ็ค ส่ง อย่าง  AKITA FULFILLMENT ให้บริการ

และบริการด้านอื่นๆ อีกมากมายที่ Sellsuki มีพร้อมให้คุณ  เพราะการเริ่มต้นวันนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณก้าวไปสู่ความเป็นอิสระทางการเงินในอนาคต

“สำหรับคนที่อยากได้ Data Research Insight เวอร์ชันเต็ม 
สามารถดาวน์โหลดฟรี เพียงลงทะเบียนด้านล่างได้เลย!”